“ข้าได้ยินมาเกี่ยวกับสตรีงามทั้งสี่ในใต้หล้านี้ พวกนางงดงามราวสตรีในความฝัน ข้าว่านางทั้งสี่ต้องมีความงามที่แตกต่างกันไปเป็นแน่แท้ วันนี้ข้าจองสตรีทั้งสี่ให้เจ้า มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าดีไหมเล่า ?” มู่เฉียนซีกล่าวราวกับทั้งหมดนี้เป็นสมบัติของนาง

น่าหลานอวี้แทบอดรนทนไม่ไหวที่จะพร่ำบ่น มู่ซี ชายน้อยผู้นี้บุ่มบ่ามเกินไปจริง ๆ

“มู่ซี เราไม่ไปไม่ได้รึ ?!”

มู่เฉียนซีทำเป็นเง้างอน “เฮ้อ… พวกเจ้าเป็นอะไรกันไปหมด สถานที่ที่สนุกเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่ยอมไปกับข้า ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยนั่งเรือบุปผาเลย  น่าหลานอวี้ หากวันนี้เจ้าไม่ลงเรือบุปผาเป็นเพื่อนข้า ข้าจะวางยาสลบเจ้าแล้วพาลงเรือไปเป็นแน่”

ดวงตาสีเขียวสดใสเป็นประกายกล้า

เมื่อเห็นสายตาคุกคามของ ‘มู่เฉียนซี’ ในคราบคุณชายน้อยมู่ซี  น่าหลานอวี้มุมปากกระตุกเล็กน้อย

‘ชิชะ! ตกลงแล้วข้ามีสหายแบบไหนกันแน่ ?’

สุดท้ายน่าหลานอวี้ก็ยอมขึ้นไปแต่โดยดี

“เอาล่ะมู่ซี ข้าขึ้นไปกับเจ้าก็ได้”

ถึงอย่างไรมู่ซีก็บอกเองว่าเขาเพิ่งมาเป็นครั้งแรก ประเดี๋ยวขึ้นไปแล้วเขาต้องไม่ชอบเป็นแน่แท้  ถึงตอนนั้นคงไม้พ้นต้องกลับไป

แม้ว่ามู่เฉียนซีจะไม่ได้เปิดเผยตัวตนว่านางเป็นเจ้าของเรือบุปผานี้ ทว่านางกับน่าหลานอวี้มีลักษณะที่พิเศษไม่เหมือนผู้อื่น สตรีผู้งดงามเข้ามาต้อนรับทั้งสองอย่างดี

“อา… มิทราบว่าท่านทั้งสองต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ?” สตรีงดงามผู้มาต้อนรับเอ่ยถามขึ้น

มู่เฉียนซีหยิบตั๋วทองคำออกมากำมือหนึ่ง ยื่นให้สตรีผู้นั้นโดยที่มิได้นับเลย

“เอานี่ไป เจ้าไปจัดห้องที่ดีที่สุดบนชั้นดาดฟ้าให้ข้า  ข้าต้องการอาหารคาวและเหล้าชั้นดี พร้อมกับสตรีรูปงามทั้งสี่ ฉูคง เหมยเจี้ยน เยี่ยอิง และฉานยวี่มาดูแลสหายของข้า”

“แต่ฉูคงและ…”

— ฟุ่บ! —

มู่เฉียนซีไม่รอช้า มิต้องการฟังคำปฏิเสธ ควักตั๋วทองคำยื่นให้นางอีกเท่าตัว ไม่ได้นับเช่นเคย “เจ้าอย่ามัวแต่ลีลายึกยักชักช้า หากคิดว่าเงินน้อยไปข้าเพิ่มให้เจ้าอีกเท่าตัวยังได้ สบายมาก”

ไม่ว่านางจะจ่ายไปเท่าไหร่ สุดท้ายเงินเหล่านี้ก็เข้ากระเป๋านางอยู่ดี ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ประหลาดใจกับความใจกว้างของชายน้อย

แขกเหรื่อคนอื่น ๆ เห็นตั๋วทองคำจำนวนมากต่างก็อึ้งตะลึงตาค้าง  ตั๋วทองคำเป็นปึกหนาปานนั้นน่าจะถึงร้อยล้านเหรียญทองคำแล้วกระมัง!

เศรษฐีในจื่อตูมีมากมาย ทว่าผู้ที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยเช่นนี้ นอกจากท่านผู้นำตระกูลมู่ พวกเขาเพิ่งจะเคยพบเจอ  บุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่สองที่พวกเขาได้พบเห็น  อย่างไรเสีย ทุกคนคิดเห็นตรงกัน คนแรกที่ใชจ่ายฟุ่มเฟือยมากขนาดนี้คงจะหนีไม่พ้นท่านผู้นำตระกูลมู่

มุมปากน่าหลานอวี้กระตุก มู่ซีเรียนรู้ความฟุ่มเฟือยนี้มาจากใครกัน ?

แน่นอนว่าสตรีผู้ที่รับเงินเห็นมู่เฉียนซีใจป้ำจ่ายหนักก็ตกใจไม่น้อยเลย  แต่ว่า… เงินจำนวนมากขนาดนี้อยู่ตรงหน้า หากไม่รับไว้คงมิพ้นโดนตราหน้าว่าเป็นคนโง่เง่า

สตรีผู้งดงามทั้งสี่มิใช่ว่าจะรับแขกได้ทุกคน พวกนางรับเฉพาะแขกพิเศษเท่านั้น  เงินจำนวนนี้เพียงพอที่จะให้สตรีผู้งดงามทั้งสี่มาดูแล

“ได้! ข้าน้อยจะรีบจัดการให้คุณชายเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ” สตรีผู้งดงามตอบเสียงขันแข็ง

‘มู่เฉียนซี’ ในรูปลักษณ์ มู่ซี นั่งอยู่ในห้องชั้นบนสุดของเรือบุปผา ทะเลสาบจื่อเยี่ยเป็นประกาย สายลมพัดอย่างช้า ๆ ผมยาวสีเขียวเทาพัดสยายไปตามสายลม

น่าหลานอวี้มองดูใบหน้าที่งดงามอย่างเพลินตา ตัวเขาเกือบเสียความมั่นใจในตนเอง

รูปลักษณ์ที่งดงามอย่างน่าทึ่งนั้น ทั้งยังตัวตนอันลึกลับ ทว่าเขาก็ยังอยากจะเข้าใกล้ชายน้อยมู่ซี อยากรู้จักเขามากยิ่งขึ้น

น่าหลานอวี้กำลังจะเอ่ยปากชื่นชม  ทันใดนั้นเอง เสียงอันอ่อนหวานของสตรีผู้หนึ่งดังลอดเข้ามา

“คุณชาย!  ฉูคง เหมยเจี้ยน เยี่ยอิง และฉานยวี่พร้อมดูแลท่านแล้วเจ้าค่ะ”

สตรีทั้งสี่งดงามสมดั่งคำร่ำลือ  ผิวขาวนวลดุจดั่งหยกขาวชั้นดี ทว่าก็ดูบอบบางน่าทะนุถนอมราวดอกเหมยฮวา บางคนดูน่ารักดุจดั่งดอกซากุระแรกแย้ม บางคนงดงามดั่งนางฟ้าก็มิปาน

ทว่าพวกนางทั้งหมด กลับพบว่าเมื่อพวกนางมายืนอยู่กับคุณชายทั้งสอง รัศมีของพวกนางถูกกลบ มิอาจเทียบกับคุณชายทั้งสองได้เลย คุณชายทั้งสองทำให้พวกนางรู้สึกอับอายเล็กน้อย

มู่เฉียนซีในคราบมู่ซีรีบเอ่ย “สตรีผู้งดงาม นั่งลงสิ  น่าหลาน เจ้าเป็นผู้ทำการค้า สถานที่เช่นนี้เจ้าไปบ่อย เหตุใดถึงได้ดูถ่อมตัวเช่นนี้ล่ะ มันผิดวิสัยนะ”

มุมปากของน่าหลานอวี้กระตุกอีกครา

“แม้ว่าข้าจะไปสถานที่เช่นนี้บ่อย แต่ข้าก็ไปคุยเรื่องการค้า คุยการค้าเสร็จข้าก็กลับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวเล่นในสถานที่เช่นนี้ จะให้กระทำพฤติกรรมเช่นไรหรือ ?!  มู่ซี เจ้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะดูคุ้นเคยเช่นนี้ ดูเหมือนว่าคนที่เปิดโลกคงจะเป็นข้ามากกว่ากระมัง ?” น่าหลานอวี้กล่าวพลางทอดถอนใจ

“แม้ข้าไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แต่ข้าก็เคยผ่านตามาบ้าง” มู่ซีกล่าว ทำสีหน้าท่าทางเกียจคร้าน

“ไหน เจ้าชอบคนไหนก็เลือกได้ตามใจเจ้าเลยสิ เลือกสิ” มู่เฉียนซีกวาดสายตามองสตรีผู้งดงามทั้งสี่

ถึงแม้ว่านางจะแปลงร่างเป็นอาถิงอยู่  ทว่านางก็ไม่ได้เปลี่ยนเพศสักหน่อย ถึงอย่างไรนางก็ไม่สนใจสตรีหรอก สตรีผู้งดงามทั้งสี่นี้นางมอบให้กับน่าหลานอวี้ทั้งหมด

น่าหลานอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อวันนี้สหายมู่เป็นเจ้ามือ ข้าให้เจ้าเป็นคนเลือกก่อนแล้วกัน”

“อืม ในเมื่อวันนี้ข้าเป็นเจ้ามือ ส่วนเจ้าเป็นแขกของข้า  ข้าสิต้องให้เจ้าเลือกก่อน เจ้าเลือกตามใจเจ้าเลย มีคำกล่าวเอาไว้ว่าผู้เป็นแขกสามารถเลือกได้ก่อน  เอาสิ เลือกได้ตามใจเจ้า”

ทั้งสองบ่ายเบี่ยงกันไปมาจนเยี่ยอิงผู้น่ารักอดที่จะกล่าวขึ้นด้วยเสียงออดอ้อนน่าสงสารไม่ได้ว่า… “คุณชายทั้งสอง ท่านเห็นพวกเราเป็นลูกกลมสำหรับโยนเล่นไปแล้วหรือเจ้าคะ ? ถึงได้โยนไปโยนมาเช่นนี้ หรือว่าความงามของพวกเราไม่เข้าตาคุณชายทั้งสอง ใช่หรือไม่เจ้าคะ ?”

มู่ซีจับมือเยี่ยอิง มองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ กล่าวว่า “เยี่ยอิง ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก ข้าก็แค่มิชอบสตรีเพียงเท่านั้นเอง พวกเจ้าไปดูแลปรนนิบัติน่าหลานอวี้ผู้นั้นเถอะ”

มู่ซีกล่าวออกมาเช่นนี้ น่าหลานอวี้จะหลีกเลี่ยงได้อย่างไรล่ะ ?

“อ่า!”

สตรีผู้งดงามทั้งสี่ได้ยินวาจาคุณชายน้อยตรงหน้า ก็ตกอกตกใจเป็นอย่างมาก

บุรุษผู้งดงามดั่งสตรีผู้นี้ ที่แท้เขาเป็น…

ทว่า… เรื่องเช่นนี้ก็ถือว่าปกติ บุรุษหน้าตางดงามดั่งสตรี ผิวพรรณขาวผุดผ่องเป็นยองใย  คงไม่มีสตรีใดโดนใจคุณชายท่านนี้แน่นอน

สตรีผู้งดงามทั้งสี่ทำได้เพียงจ้องมองน่าหลานอวี้   น่าหลานอวี้นั้นมองมู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาคิดไม่ถึงว่ามู่ซีจะไม่ชอบสตรี หรือว่ามู่ซีจะ…

หัวใจของน่าหลานอวี้เต้นแรง เขาเองก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าเหตุใดในใจถึงได้รู้สึกเป็นสุขนัก

แต่เมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของมู่ซี น่าหลานอวี้ก็ไม่แน่ใจว่าคำพูดของเขาเป็นจริงหรือเท็จกันแน่

เมื่อเห็นเขาผลักไสสตรีทั้งสองให้ตนเช่นนี้แล้ว น่าหลานอวี้ก็กล่าวขึ้นว่า “จริง ๆ แล้วข้าก็มิชอบสตรีเช่นกัน”

— เอี๊ยด!  เอี๊ยด!  เอี๊ยด!  เอี๊ยด! —

เมื่อได้ยินวาจานายน้อยน่าหลานอวี้ สตรีผู้งามทั้งสี่ก็ผุดลุกจากม้านั่งด้วยความตกใจพร้อม ๆ กัน   ส่วนมู่ซีก็จ้องมองน่าหลานอวี้ด้วยความประหลาดใจยิ่ง

“น่าหลาน นี่เจ้าไม่ได้โกหกใช่ไหม ?”

น่าหลานอวี้ยิ้มอ่อน กล่าวว่า “ข้าจะโกหกสหายมู่ได้อย่างไรกันล่ะ ?”

สองสหายสบตากัน  สตรีผู้งดงามทั้งสี่ก็มองคุณชายทั้งสองด้วยความประหลาดใจ ความคิดล้านแปดผุดขึ้นในศีรษะพวกนางรวดเร็วราวพลิกหน้าหนังสือ

‘หรือว่าคุณชายทั้งสองจะ…’

‘ต้องใช่แน่ ๆ…’

‘ใช่แล้ว ใช่ ๆ ๆ…’

ฉูคงกล่าวด้วยเสียงต่ำ “เช่นนั้นแล้วพวกเราทั้งสี่ไม่รบกวนคุณชายทั้งสองดีกว่า”

— ปัง! —

หลังจากที่ฉูคงกล่าวจบ ทันใดนั้นเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น ประตูห้องเปิดออกอย่างรุนแรง

“ประเดี๋ยวเจ้าค่ะคุณชายสามโอวหยาง! ที่นี่มิใช่สถานที่ที่คุณชายจะก่อความวุ่นวายได้นะเจ้าคะ วันนี้ฉูคง พวกนางมีแขกคนสำคัญต้องต้อนรับดูแล”

เสียงเย่อหยิ่งของคุณชายสามแห่งตระกูลโอวหยางดังมาแต่ไกล

“แขกคนสำคัญรึ ?! ในจื่อตูแห่งนี้ยังจะมีผู้ใดสำคัญไปกว่าข้าอีกรึ ?”

.