เย่เฟิงเป็นคนพูดน้อย กู้ชูหน่วนรู้สึกเบื่อ บิดขี้เกียจด้วยความง่วง “ข้าของีบก่อนนะ เริ่มเรียนแล้วเรียกข้าด้วย”

ว่าแล้ว นางก็หลับด้วยท่าทีที่สบายที่สุด

ทุกคนต่างอึ้งกันไปหมด

นอนอีกแล้ว?

ทำไมนางนอนในห้องเรียนตลอดเลยนะ?

หรือว่าคนที่เรียนเก่งอยู่แล้ว ต่างก็เรียนในความฝันกันหมด?

ในตอนที่กู้ชูหน่วนตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย อาจารย์สวีกำลังพูดไม่หยุด

นางสะดุ้งตื่นหายจากความง่วงไม่น้อย

สั่งให้เซียวหยู่เซวียนปลุกนางด้วยตอนที่เรียนไม่ใช่เหรอ?

ตอนนี้ดีเลย ไม่รู้ว่าอาจารย์สวีจะลงโทษนางอะไรอีก

“หลักคำสอนของชายชาตรีต้องได้ยินเข้าหู จดจำไว้ในใจ ต้องประพฤติมารยาท คำพูดและการกระทำต้องเป็นไปตามมาตรฐานทางศีลธรรม……”

กู้ชูหน่วนขยี้ตาที่งัวเงีย ยังไม่รู้สึกตัวว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว กลับได้ยินอาจารย์สวีพูดขึ้นอย่างดีใจว่า

“คุณหนูสามกู้ตื่นแล้วเหรอ งั้นก็เชิญคุณหนูสามกู้พูดต่อแล้วกัน”

พูด?

พูดอะไร?

กู้ชูหน่วนมองเซียวหยู่เซวียน กะพริบตาขอคำตอบ

เซียวหยู่เซวียนเอาหนังสือบังหน้าไว้ แล้วเบือนหน้าหนีไป

อาจารย์สวีพูดเยอะแยะไปหมด เขาจะรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์สวีพูดเกี่ยวกับอะไรบ้าง

กู้ชูหน่วนมองเย่เฟิง กะพริบตาขอคำตอบไม่หยุด แต่เย่เฟิงทำเหมือนนางเป็นอากาศ ไม่สนใจตัวตนของนางด้วยซ้ำ

อาจารย์สวีเดินเข้ามาหานางทีละก้าว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูสาม ต้องประพฤติมารยาท คำพูดและการกระทำต้องเป็นไปตามมาตรฐานทางศีลธรรม ต่อไปคืออะไร เชิญคุณหนูสามพูดให้ทุกคนฟังแล้วกัน”

อะไรนะ?

ให้นางท่องบทความเหรอ?

แถมยังเป็นบทความโน้มน้าวให้เรียนหนังสือของซุนจื๊อเนี่ยนะ?

กู้ชูหน่วนลองพูดขึ้นว่า “คำพูดเพียงเล็กน้อยของชายชาตรี แม้การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็สามารถกลายเป็นบรรทัดฐานที่จะปฏิบัติตามได้ คนถ่อยเรียนรู้จากหูและปาก ระหว่างหูและปากห่างกันแค่สี่นิ้ว……”

ทันใดนั้นอาจารย์สวีก็กระโดดขึ้นมา เหมือนเจอเรื่องดีอกดีใจ ชี้หน้านางอย่างตื่นเต้น

“ข้าบอกกับพวกเจ้าแล้ว แม้คุณหนูสามกู้จะหลับอยู่ แต่ก็ฟังที่ข้าพูดตลอด นางฟังทุกคำไม่ขาดตกบกพร่อง คุณหนูสามกู้ตั้งใจเรียนกว่าพวกเจ้าอีก พวกเจ้าต้องเอานางเป็นตัวอย่างนะ เป็นเด็กที่มีอนาคตจริงๆ”

กู้ชูหน่วนงุนงง

ตาเฒ่านี่ กำลังชื่นชมนางหรือประชดนางกันแน่?

“ข้าไม่ได้จะโม้นะ ตั้งแต่คุณหนูสามกู้มาเรียนในห้องเรียนครั้งแรก ข้าก็รู้สึกว่านางแตกต่างจากคนอื่น มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด ขอถามหน่อยสิว่าใครท่องสุ่ยหลีได้ทันทีโดยไม่ต้องคิด? ข้าถือว่าเป็นอาจารย์คนแรกในราชวิทยาลัยของคุณหนูสามกู้ ดูสิข้าสอนนักเรียนได้ดีขนาดไหน สร้างชื่อเสียงให้ราชวิทยาลัยได้มาก”

อาจารย์สวีเอ่ยชื่นชมไม่หยุด เล่าเรื่องที่นางชนะคนเก่งๆจากหลายๆแคว้นในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นยังไงอีกครั้งหนึ่ง

แถมยังอ่านกลอนที่นางเขียนทั้งหมดอีกครั้ง

กู้ชูหน่วนเข้าใจแล้วล่ะ

อาจารย์สวีไม่ได้ประชดนาง เขากำลังชื่นชมนางจริงๆ

เห็นเขาพูดไม่หยุด กู้ชูหน่วนก็รีบพูดแทรกว่า “อาจารย์ ท่านหมายความว่า ข้าสามารถงีบได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว เจ้านอนเรียนยังเก่งกว่าพวกเขาอีก ข้าอนุญาต”

กู้ชูหน่วนหาว

พูดก่อนก็จบเรื่อง

ทำเอานางตื่นเต้นอยู่ตั้งนาน

“ต่อไปอาจารย์ซ่างกวนจะมาสอนพวกเจ้าต่อนะ”

อาจารย์ซ่างกวน?

ซ่างกวนฉู่?

อาจารย์ใจดำเจ้าเล่ห์นั่นเหรอ?

ช่างเถอะ นอนดีกว่า

“กู้ชูหน่วนนอนหลับในห้องเรียน เลิกเรียนแล้ววาดรูปที่สอนวันนี้อีกห้าสิบรูป วาดไม่หมดห้ามกลับบ้าน”

กู้ชูหน่วนสะดุ้งตื่นทันที

“อาจารย์สวีอนุญาตให้ข้านอนแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“เมื่อกี้เป็นวิชาของอาจารย์สวี อาจารย์สวีอนุญาตให้เจ้านอน ข้าไม่ได้อนุญาต”

ซ่างกวนฉู่ยิ้มอ่อนโยนด้วยสีหน้าไม่มีพิษมีภัย

กู้ชูหน่วนกลับอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกหน้าเขาซะ

ซ่างกวนฉู่ตั้งใจกลั่นแกล้งนางชัดๆ

ทุกครั้งนางต้องโดนลงโทษในวิชาเขาตลอด

กู้ชูหน่วนหยิบพู่กันขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ใครจะรู้ว่าเมื่อกี้เขาสอนวาดอะไร

ทันใดนั้น นางก็กระตุกมุมปาก หยิบพู่กันขึ้นมาวาดลงบนสมุด