ว่าที่พ่อสามีนิสัยไม่เลวนี่คือสิ่งที่หลิวหลีรู้มา นางเคยเจอเขาเพียงแค่ครั้งเดียว ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร
หลิวหลีนับวันรอคอย จนวันเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงวันก่อนวันแต่งงานของบิดามารดาหนึ่งวัน
หลงจิ่งหลินมองดูชุดแต่งงานที่ถูกส่งมาที่สกุลหลง
“พระเจ้า หลานสาวของข้าเป็นคนจัดการหรือ ช่างงดงามยิ่งนัก” หลงจิ่งหลินกล่าวคำชื่นชม พี่สะใภ้ที่อยู่ข้างๆทั้งสองคนต่างก็รู้สึกอิจฉาเช่นกัน ถึงแม้หลงเหวินเซวียนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ความกว้างของมุมปากเขาแสดงให้เห็นว่าเขาพอใจอย่างมาก
“ข้าดูแล้วยังอยากจะแต่งงานอีกครั้งเลย” ภรรยาของหลงจิ่งอู๋พูดจาหยอกล้อ แต่ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความอิจฉา น้องสาวสามีช่างโชคดี มีลูกสาวที่มีความสามารถและพรสวรรค์เช่นนี้ ทำให้คนต่างพากันรู้สึกอิจฉา
“พี่สะใภ้พูดถูก มีใครเรียกน้องมาลองแล้วหรือยัง” ภรรยาของหลงจิ่งหนานจับชุดไม่ยอมวาง ช่างงดงามมากจริงๆ
“นังหนูหลิวหลีล่ะ” หลงจิ่งหลินถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ได้ยินมาว่านังหนูไปดูมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พอใจเป็นอย่างมาก วันนี้ไปคุยเรื่องค่าใช้จ่าย แล้วก็ไปเอาของอย่างอื่นด้วย” หลงเหวินเซวียนนึกถึงคำพูดของหลานสาวแล้วพูดขึ้น
“ท่านพ่อ ท่านเรียกข้ามาทำไมหรือเจ้าคะ” หลงซินเยว่สงสัยเป็นอย่างมาก พรุ่งนี้ก็จะถึงวันแต่งงานของนางแล้ว มีเรื่องอะไรทำไมต้องเรียกให้นางมาหาตอนนี้
“เป็นชุดแต่งงานที่งดงามยิ่งนัก ท่านพ่อกับพี่สะใภ้จัดเตรียมไว้ให้ข้าหรือ ขอบคุณท่านพ่อกับพี่สะใภ้” ชุดแต่งงานที่แสนงดงามนี้ดึงความสนใจของหลงซินเยว่ได้ไม่น้อย งดงามจับตา ท่านพ่อกับพี่สะใภ้คงตั้งใจกันมาก หลงซินเยว่จับมงกุฏหงส์ ฝีมือโดดเด่น ถึงขนาดสามารถทำหงส์ให้กลายเป็นเครื่องประดับได้ งดงามเหลือเกิน มงกุฏหงส์ชิ้นนี้ยังสามารถแยกออกเป็นเครื่องประดับอย่างอื่นแล้วนำมาใส่ในวันปกติได้ด้วย ช่างใส่ใจมากจริงๆ
“ซินเยว่ เจ้าขอบคุณผิดคนแล้ว นี่เป็นของที่ลูกสาวของเจ้าเตรียมให้” หลงเหวินเซวียนกล่าว
“หลิวหลี” หลงซินเยว่นึกไปถึงลูกสาวที่ได้ยินมาว่าเดิมจะไม่ให้นางยุ่งเรื่องการจัดงานแต่งงาน ไม่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายหลายวัน นึกว่านังหนูจะโมโหเสียแล้ว นึกไม่ถึงว่านังหนูจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้นางอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง หลงซินเยว่จับไปที่มงกุฏหงส์ แล้วก็ชุดแต่งงาน สัมผัสได้ถึงความรักที่ลูกสาวมอบให้เต็ม ๆ
“ไม่ใช่เท่านี้นะ ได้ยินว่า นังหนูก็มอบให้สกุลจ้านอีกชุดหนึ่ง” หลงเหวินเซวียนได้รับรายงานจากผู้ดูแล ก็รู้สึกพอใจในตัวหลิวหลีเป็นอย่างมาก นังหนูช่างเป็นคนที่ใส่ใจ
ณ สกุลจ้าน จ้านเฟิงอวี้มองดูชุดแต่งงานกับเครื่องประดับที่สกุลหลงส่งมาด้วยสายตาประหลาดใจ
“ของพวกนี้บ้านสกุลหลงเป็นคนส่งมาหรือนี่” จ้านเฟิงอวี้ถามขึ้น
“ใช่เจ้าค่ะ นี่คือของที่คุณหนูเตรียมไว้ให้กับผู้อาวุโสสกุลจ้าน หวังว่าท่านจะสวมใส่ในวันมงคล” เป้าเหมิงพูดขึ้น ชุดของสกุลจ้าน นางกับเฉิงปินร่วมมือกันทำขึ้น นางมาสกุลจ้าน ส่วนเฉิงปินไปสกุลหลง
“คุณหนู ใช่หลิวหลีหรือไม่” จ้านเฟิงอวี้ถาม ชุดแต่งงานนี้งดงามเหลือเกิน
“เจ้าค่ะ คุณหนูได้เตรียมไว้ให้เป็นชุดให้กับคู่บ่าวสาว ชุดมงคลนี้มีความหมายที่ดี รอจนถึงวันพรุ่งนี้ก็จะได้เห็นเจ้าค่ะ” เป้าเหมิงบอกใบ้
“ไปเรียกเฟิงหลิงมา” จ้านเฟิงอวี้สั่งการลงไป จริงๆเลย ทำไมถึงไม่ทำให้ลุงอีกสักหนึ่งชุด จัดแจงให้บิดาตนเองมากมายขนาดนี้ เฟิงหลิงจะใส่หมดได้อย่างไร
จ้านเฟิงหลิงมาถึง ได้ยินว่าเป็นชุดมงคลที่ลูกสาวของเขาส่งมาให้ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แล้วเมื่อได้ยินว่าเป็นชุดคู่กับหลงซินเยว่ ก็รู้สึกดีใจมากขึ้นไปอีกเมื่อสัมผัสได้ถึงความใส่ใจจากบุตรสาว จ้านเฟิงอวี้ที่ยืนมองอยู่พลันรู้สึกอิจฉา
หลิวหลีไปที่โรงตัดเย็บกับหออาวุธล้ำค่าเสร็จก็ไปที่บ้านสกุลหนานกง พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของพ่อแม่ของนาง ไม่รู้ว่าลุงชางจิ้งจะทำเสร็จแล้วหรือยัง
ตอนนี้ผู้รักษาประตูของสกุลหนานกงต่างรู้จักหลิวหลี ว่าที่ฮูหยินของนายน้อยเวิ่นเทียนผู้นี้ คนที่มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ
หลิวหลีกล่าวคำทักทายแล้วไปหาหนานกงเวิ่นเทียน กลับพบว่าหนานกงเวิ่นเทียนไม่อยู่ มีเพียงแต่หญิงงามวัยกลางคนนั่งอยู่ตรงนั้น นางคือใครกัน ลองคิดๆดู น่าจะเป็นแม่สามีในอนาคตที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ฮัวเชียนอวี่
“คารวะท่านป้า” หลิวหลีทำความเคารพด้วยความนอบน้อม อย่างไรเสียก็เป็นแม่ของเสี่ยวเทียน ไม่รู้ว่านางจะมีปัญหาเรื่องแม่สามีกับลูกสะใภ้รึเปล่า
“เจ้าคือหลิวหลี? เป็นสาวงามจริงๆ ข้ารู้จักเจ้ามานานแล้ว อยากจะกล่าวขอบคุณกับเจ้า ขอบคุณที่เจ้าช่วยเวิ่นเทียน ข้าอยากจะเจอเจ้าตลอดเลย” ฮัวเชียนอวี่เจอหลิวหลีครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจ ช่างเป็นเด็กดีมีมารยาท
“ท่านป้า ท่านเกรงใจมากเกินไปแล้ว หากไม่ได้ช่วยเสี่ยวเทียนไว้ ข้าก็คงไม่มีโอกาสได้พบรักในครั้งนี้” หลิวหลีพูดพลางส่ายหัว พรหมลิขิตของพวกเขาเริ่มต้นจากตรงนี้
“ช่างเป็นเด็กที่ตรงไปตรงมาจริงๆ” ฮัวเชียนอวี่พอใจในตัวหลิวหลีเป็นอย่างมาก นางรู้สึกไม่พอใจสามีตนเองที่ไม่ยอมให้นางได้เจอกับหลิวหลี วันนี้นางได้ยินว่าหลิวหลีจะมา ฮัวเชียนอวี่จึงสั่งการกับสามีของตัวเอง ว่าจะต้องพยายามถ่วงเวลาหนึ่งชั่วยาม แล้วค่อยให้หนานกงเวิ่นเทียนเข้ามา สำหรับคำพูดของภรรยา หนานกงชังอวี้ก็ได้แต่ฟังแล้วทำตามเท่านั้น
“เพราะฉะนั้น ท่านพ่อ เป็นเพราะท่านกลัวภรรยา เลยจะถ่วงเวลาข้าหนึ่งชั่วยามหรือนี่” หนานกงเวิ่นเทียนตีหน้านิ่ง แม่ของเขาสิบปีจะมีหนึ่งวันที่จะทำเรื่องไร้สาระ ไม่รู้ว่าจะทำให้หลิวหลีตกใจหรือไม่
“เอ่อ เวิ่นเทียน รอจนเจ้ามีฮูหยินแล้วก็จะรู้เอง” หนานกงชางอวี้นึกถึงคำพูดสุดโหดของภรรยา ก็ไม่กล้าที่จะไม่ทำตาม
“ท่านพ่อ ข้ามีฮูหยินแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนอยากจะกลอกตา แต่เนื่องจากทำหน้าไร้อารมณ์มานาน ทำให้ไม่สามารถทำท่าทางเช่นนี้
“รู้แล้ว รู้แล้ว แล้วก็ยังรู้ความสามารถของนางด้วย กล้าถึงขั้นเฝ้าด่านเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการกับคนนับหมื่นได้” หนานกงชางอวี้พูดต่อ ความสามารถของลูกสะใภ้ของเขาในอนาคตมีหรือที่เขาจะไม่รู้
“ยังมีอีกคำถามหนึ่ง ตอนนี้ท่านสู้ข้าได้หรือ” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว พลังเซียนในมือเริ่มก่อตัวขึ้น
“ตอนนี้ข้าก็เลยมาพูดดีๆกับเจ้า” หนานกงชางอวี้ไม่มีอะไรจะพูดได้แต่เงยหน้ามองฟ้า ลูกชายของเขาก้าวหน้าเร็วมาก ความน่าเกรงขามในการเป็นพ่อที่เข้มงวดของเขาไม่เหลือแล้ว
“ลูกชาย ไว้หน้ากันหน่อย ให้ท่านแม่ของเจ้าได้คุยกับฮูหยินของเจ้าสักพักเถอะนะ” หนานกงชังอวี้พูดพลางตบหนานกงเวิ่นเทียนเบาๆ
หนานกงเวิ่นเทียนเก็บมือ แล้วเงยหน้ามองฟ้า
ในอีกด้านหนึ่ง แม่สามีกับว่าที่ลูกสะใภ้กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส
“หลิวหลี เจ้าว่าเจ้าชอบลูกชายของข้าที่หน้านิ่งเป็นน้ำแข็งตรงไหนหรือ” ฮัวเชียนอวี่สงสัยในจุดนี้เป็นอย่างมาก
“เรื่องนี้หรือ ครั้งแรกที่ข้าเจอเสี่ยวเทียน ตอนนั้นเขาบาดเจ็บสาหัส แล้วก็กลายร่างเป็นเด็ก ตอนนั้นข้าไม่มีเสื้อผ้าที่พอดีกับเขา จึงนำเสื้อผ้าที่ข้าใส่ตอนเด็กเปลี่ยนให้กับเสี่ยวเทียน”
“ช้าก่อน เจ้าจับเสี่ยวเทียนแก้ผ้า แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาหรือ” ฮัวเชียนอวี่พูดแทรก ดูสิดู ในตอนนั้นลูกชายของนางปิดบังอะไรนางไว้บ้าง
“เจ้าค่ะ เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาไม่พอดีตัว ขาดรุ่งริ่งไปหมด ข้าเลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา” หลิวหลีพูดราวเป็นเรื่องธรรมดา ฮัวเชียนอวี่แอบหัวเราะเบาๆ
“ก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา ข้าทายาให้เขาด้วย เสี่ยวเทียนที่อาบน้ำทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วตัวขาวเนียนมาก แต่สิ่งแรกที่ข้าสังเกตเห็นในตัวเสี่ยวเทียนคือ คุณสมบัติร่างกายของเขา ตอนข้าอายุ 6 ขวบ อาจารย์ของข้าบอกกับข้าว่า ข้าคือร่างเพลิงสุริยา ธาตุหยางล้วน ข้าวางแผนจะหาผู้หญิงมาเป็นคู่อยู่แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าสวรรค์จะส่งเสี่ยวเทียนมาให้ข้า ตอนแรกข้าก็คิดจะเลี้ยงเขาจนโต ใครจะไปรู้ว่าเป็นเพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บจึงทำให้เขาต้องเป็นเช่นนั้น” หลิวหลีพูดต่อ
“ใช่ คุณสมบัติร่างกายของเวิ่นเทียนเป็นเรื่องที่ข้ากับชางอวี้กังวลใจมาโดยตลอด แต่ไม่ว่าจะหลบซ่อนอย่างไรก็ยังมีคนจิตใจสกปรกมาเจอเข้า โชคดีที่เจอเจ้า ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร” ฮัวเชียนอวี่พูดแล้วก็เศร้าใจ เสียดายที่แต่ก่อนพวกเขาดีกับหนานกงหางเทียนขนาดนั้น นึกไม่ถึงว่าเขาจะอยากได้ลูกชายของนางไปเป็นเตาหลอมเพื่อบำเพ็ญเพียร
“นี่คือพรหมลิขิตของพวกเรา ตอนที่ข้ามั่นใจว่าตัวเองชอบเสี่ยวเทียน ก็คือตอนที่ข้าอยู่ในแดนลี้ลับ ตอนนั้นข้าตกอยู่ห้วงภาพลวงตา แต่เพราะเสี่ยวเทียนจึงทำให้ข้าได้สติ ข้าเลยเข้าใจว่าตัวเองน่าจะชอบเสี่ยวเทียนมาโดยตลอด” หลิวหลีคิดๆแล้วพูดขึ้น
“นังหนู ของหมั้นที่เจ้ามอบให้เสี่ยวเทียน เจ้าไม่ได้อะไรกลับไปเลยแม้แต่อย่างเดียว เจ้าเก็บของชิ้นนี้ไว้ คิดเสียว่าเป็นน้ำใจจากพ่อและแม่” ฮัวเชียนอวี่นึกถึงของหมั้นมากมายที่หลิวหลีให้มา แม้แต่ตระกร้าดอกไม้ก็ถูกนำไปใช้
“ข้ารับของชิ้นนี้ไว้ไม่ได้” หลิวหลีส่ายหัว จะรับไว้ได้อย่างไรกัน
“รับไว้เถอะ ท่านแม่ให้เจ้า” อยู่ๆหนานกงเวิ่นเทียนก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วยัดของใส่มือหลิวหลี
“ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า” หลิวหลีเก็บของอย่างไม่อิดออด
“อะไรกัน เวิ่นเทียน กลัวแม่กินฮูหยินของเจ้าเข้าไปหรืออย่างไร” ฮัวเชียนอวี่พูดอย่างไม่พอใจ ไม่เห็นหรือว่าพวกเขากำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติ แล้วจึงส่งสายตาตำหนิไปให้หนานกงชางอวี้ที่อยู่ด้านหลัง บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้หยุดเวิ่นเทียนเอาไว้
หนานกงชางอวี้ยิ้มเศร้า เขารั้งไว้ไม่ได้จะให้ทำอย่างไร
“ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกเราไปก่อน” หนานกงเวิ่นเทียนพาหลิวหลีออกไป
“ท่านลุง ท่านป้า ข้าขอตัวก่อน” หลิวหลีบอกลาอย่างมีมารยาท
“ดูสิดู ไอ่ลูกตัวดี มีเมียแล้วลืมแม่” ฮัวเชียนอวี่ด่าปนหัวเราะ
“พวกเขาสองคนเหมาะสมกันมาก เชียนอวี่” หนานกงชางอวี้ที่ไม่รู้ว่าเดินมาอยู่ข้างฮัวเชียนอวี่ตอนไหนเอ่ยขึ้น
“เรื่องนั้นยังจะต้องพูดอีกหรือ พวกเขาเป็นคู่สวรรค์สร้าง ว่าแต่ชางอวี้ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้ถ่วงเวลาเด็กนั่นไว้หนึ่งชั่วยาม ทำไมแค่ครึ่งชั่วยามก็กลับมากันแล้ว” ฮัวเชียนอวี่พูดพลางบีบหูหนานกงชางอวี้
“ฮูหยินไว้ชีวิตข้าด้วย เจ้าก็ไม่ใช่ไม่รู้ ตอนนี้พลังบำเพ็ญเพียรของเวิ่นเทียนสูงกว่าข้า ข้าสู้เขาไม่ได้” หนานกงชางอวี้รีบอ้อนวอน
“แล้วอย่างไร ถ้าเจ้าลงมือ เวิ่นเทียนกล้าตอบโต้เจ้าหรือ” ฮัวเชียนอวี่กล่าวต่อ
“ฮูหยิน ปล่อยมือเถอะ ข้าผิดไปแล้ว” หนานกงชางอวี้อ้อนวอน
หนานกงเวิ่นเทียนกับหลิวหลียังไม่ได้เดินออกไปไกล แน่นอนว่าเสียงของหนานกงชางอวี้กับฮัวเชียนอวี่ต้องลอยเข้าหูของพวกเขาสองคน หนานกงเวิ่นเทียนสีหน้าเรียบเฉย แต่หูของเขากลับแดง หลิวหลีแอบหัวเราะเบาๆ
“เสี่ยวเทียน ท่านลุงท่านป้าดูรักกันมาก” หลิวหลีจับมือหนานกงเวิ่นเทียนแล้วพูดขึ้น
“อือ”
“เสี่ยวเทียน ต่อไปพวกเราก็จะเป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่” หลิวหลีถามต่อ
“อือ” ถึงแม้หนานกงเวิ่นเทียนจะไม่ได้พูด แต่ให้คำมั่นสัญญากับหลิวหลีในใจ ต่อไปเขาจะทำให้หลิวหลีมีความสุขมากกว่านี้
หลังจากที่เอาของจากหนานกงชางจิ้งแล้ว หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนก็บอกลาแล้วกลับบ้านสกุลหลง พรุ่งนี้เป็นวันมงคลของพ่อแม่นาง นางน่าจะเป็นคนแรกในโลกบำเพ็ญที่มีโอกาสได้เข้าร่วมงานแต่งงานของพ่อแม่ อยากให้ถึงวันงานเร็วๆ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ใส่ชุดแต่งงานที่นางออกแบบให้แล้วจะออกมาดูดีหรือไม่ อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เหลือเกิน
…………………………………