“ท่านตา ท่านลุง วันนี้เป็นวันแต่งงานของท่านแม่ ทำไมพวกท่านดูไม่รีบร้อนอะไรเลย” หลิวหลีอุตส่าห์ออกมาตั้งแต่เช้าตรู่ แต่กลับเจอท่านตากับท่านลุงของนางนั่งจิบชาอย่างสบายใจ หรือนางจำวันผิด
“หลิวหลีเองหรือ งานแต่งงานจัดขึ้นในตอนกลางคืน ยังเช้าอยู่เลยจะตื่นเต้นทำไม” หลงจิ่งหลินพูดอธิบาย
“กลางคืน?” ทำไมงานมงคลในโลกบำเพ็ญถึงจัดขึ้นตอนกลางคืน แล้วตอนกลางวันทำอะไร ดื่มชาหรือ
“ใช่ หลิวหลีไม่รู้หรือ” หลงเหวินเซวียนรู้สึกประหลาดใจ หลานสาวของเขา ขาดความรู้บางอย่างไปอย่างไม่น่าให้อภัย
“เจ้าค่ะ ข้านึกว่าจะเชิญแขกมามากมาย แล้วก็ประกาศให้โลกรู้ว่า เรามีงานมงคลเสียอีก” หลิวหลีพูดตามบทในนิยายที่นางเคยอ่านเจอ
“ฮ่าฮ่า นังหนู ในสำนักก็เป็นเช่นนั้น เพียงแต่สกุลพวกเราชอบแบบนี้มากกว่า” หลงจิ่งอู๋อธิบาย
“อ่อ เป็นเช่นนี้นี่เอง” หลิวหลีเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง เป็นเช่นนั้นกึ่งหนึ่งจริงๆ
“ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม” หลงจิ่งหลินกล่าว
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นท่านตา ท่านลุง ข้าขอไปดูแม่ข้าก่อน” หลิวหลีตัดสินใจไปอยู่เป็นเพื่อนแม่นางดีกว่า
ตอนที่หลิวหลีเดินเข้าไปในตำหนักของหลงซินเยว่ ก็สัมผัสได้ว่าแม่ของนางกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ วันสำคัญขนาดนี้มารดานางยังสามารถฝึกบำเพ็ญ ทำจิตใจให้สงบได้อย่างไร หลิวหลีถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกไป
หลิวหลีรออยู่ครู่หนึ่ง การบำเพ็ญเพียรของท่านแม่สิ้นสุดลง ไม่มีความก้าวหน้าอะไรเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็เห็นมารดาเดินไปที่โต๊ะ เห็นว่าแม่กำลังจับชุดแต่งงาน ดูจากท่าทางแล้ว นางน่าจะชอบไม่น้อย
“ท่านแม่ ท่านชอบขนาดนั้นเชียว ใส่ให้ข้าดูหน่อยสิ” หลิวหลีเปิดประตูเข้าไปแล้วพูดขึ้น
“หลิวหลี เจ้ามาสิ ดีเหลือเกิน แม่ชอบมาก แม่ไม่เคยเห็นชุดแต่งงานที่มีความงดงามเช่นนี้มาก่อน แม่กลัวจะทำพังเสียด้วยซ้ำ” เมื่อหลงซินเยว่เห็นว่าเป็นลูกสาวตัวเอง ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ท่านแม่ นี่คือชุดศักดิ์สิทธิ์ ใส่ไม่เสียหรอกเจ้าค่ะ นอกจากท่านจะไปออกรบ” หลิวหลีรับประกันได้ สิ่งที่นางอยากได้ก็คือชุดแต่งงานที่เป็นชุดศักดิ์สิทธิ์
“ท่านแม่ ใส่ให้ข้าดูหน่อยสิ” หลิวหลีออดอ้อน
“เจ้าเนี่ยนะ” หลงซินเยว่จับหัวหลิวหลีเบาๆ แล้วก็ทำตามคำขอของลูกสาว นางลองใส่ดู หลงซินเยว่ที่อยู่ในชุดแต่งงานสีแดงมีความงดงามสะดุดตา ชุดนี้ทำให้ความงดงามในตัวของนางปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด เงาของหงส์ตัวใหญ่ปรากฏขึ้นอยู่ด้านหลัง เพียงแต่ว่าตัวของหลงซินเยว่เองมองไม่เห็นเท่านั้น
“ท่านแม่ รีบสวมมงกุฎหงส์เข้าไปด้วยเร็วค่ะ” หลิวหลีเร่งรัด
หลงซินเยว่ทำตามที่หลิวหลีบอก ใส่มงกุฎหงส์เข้าไปด้วย ยิ่งทำให้ดูงดงามมากขึ้นไปอีก
“ท่านแม่ ท่านช่างงดงามยิ่งนัก ทำให้ข้าไม่อาจละสายตาได้เลย” หลิวหลีทำมือเป็นรูปหัวใจ มารดานางเป็นคนสวย จริงๆไม่ใช่สิ น่าจะต้องบอกว่านางไม่เคยเห็นผู้หญิงคนใดในโลกบำเพ็ญที่ไม่งดงาม เพียงแต่มารดานางเป็นหญิงงามในบรรดาหญิงงามอีกที
“ท่านแม่จะแต่งหน้าหรือ” อยู่ๆหลิวหลีก็นึกถึงสภาพหน้าขาว ปากแดงเป็นเลือดหมู คิ้วหนาเตอะ ชุดสวยขนาดนี้จะแต่งหน้าขนาดนั้นได้อย่างไร ไม่ได้ จะให้แม่ของนางแต่งหน้าเช่นนั้นไม่ได้
“แต่งหน้า? ก็แต่งอย่างเช่นปกติที่เคยแต่ง ที่นี่ไม่นิยมการแต่งหน้าเข้ม” หลงซินเยว่พูดอธิบาย นางจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าลูกสาวของนางเป็นกังวลเรื่องการแต่งหน้ามาก ลูกสาวของนางอุตส่าห์ตัดชุดแต่งงานที่สวยขนาดนี้ให้ จะให้นางแต่งหน้าน่ากลัวขนาดนั้นไปทำให้อาหลิงตกใจได้อย่างไร
ยังดี ยังดี หลิวหลีรู้ลึกโล่งใจ หลงซิวเยว่เห็นท่าทีของหลิวหลี จึงได้แต่ส่ายหน้าแล้วยิ้ม
เหมือนจะนึกอะไรออก หลิวหลีรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ผ้าคลุมศีรษะ เหมือนนางจะไม่ได้เตรียมผ้าคลุมศีรษะสีแดงให้กับแม่ของนาง นางตีหัวตัวเองเบา ๆ
“ท่านแม่ เดี๋ยวข้าออกไปสักครู่” หลิวหลีพูดแล้วรีบวิ่งออกไป น่าจะยังทันอยู่
“นังหนูนี่ ทำอะไรรวดเร็วจริงๆ” หลงซินเยว่พูดพลางส่ายหัว แล้วก็มองดูตัวเองในกระจกวารี จนอยากจะเจอหน้าจ้านเฟิงหลิงเร็วๆ
ส่วนจ้านเฟิงหลิงเปลี่ยนเป็นชุดมงคลที่หลิวหลีเตรียมไว้ให้ ดูสง่าผ่าเผยขึ้นมาในทันที เงามังกรที่ปรากฏขึ้นด้านหลังยิ่งทำให้จ้านเฟิงหลิงดูโดดเด่นน่ามองมากยิ่งขึ้น
“ซินเยว่ รอข้าก่อน” จ้านเฟิงหลิงรอคอยให้ถึงช่วงเวลากลางคืน
หลิวหลีรีบร้อนไปที่โรงตัดเย็บ
“คุณหนู วันนี้ไม่ใช่งานวันมงคลหรอกหรือ ทำไมคุณหนูจึงมาที่นี่” เป้าเหมิงมองดูคนที่ไม่สมควรมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วยความประหลาดใจ
“ข้าลืมของอย่างหนึ่ง ไม่ได้ใหญ่โตอะไร เป็นผ้าคลุมศีรษะ ช่วยข้าทำหน่อยได้หรือไม่ ผู้ดูแลเป้า” หลิวหลีร้อนรน ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว
“คุณหนูอยากจะได้รูปแบบใด” พอเป้าเหมิงได้ฟัง ก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาในทันที
“แบบนี้” หลิวหลีใช้พลังเซียนวาดกลางอากาศ
เป้าเหมิงเห็นก็ตกใจ งดงามมากจริง ๆ รีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณหนูรอประเดี๋ยว”
“หลิวหลีทำไมยังไม่มาอีก ใกล้จะได้ฤกษ์แล้ว” หลงจิ่งหลินมองดูเวลา แล้วมองดูน้องสาวที่นั่งข้างๆ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“พี่สาม หลิวหลีบอกว่าเหมือนจะลืมอะไรบางอย่าง ไม่เป็นไร ข้าเชื่อว่านางกลับมาทันแน่” หลงซินเยว่เชื่อว่าลูกสาวของนางจะต้องกลับมาแน่
“คุณหนูเจ้าคะ เสร็จแล้ว” เป้าเหมิงหยิบของแล้วรีบเดินออกมา
“ของตอบแทน” หลิวหลีโยนถุงเก็บของให้แล้วก็รีบไป ใกล้จะถึงเวลาแล้ว
เป้าเหมิงเปิดถุงเก็บของออกมาดู คุณหนูท่านนี้ยังคงใจกว้างเหมือนอย่างเคย
“นังหนูเจ้าไปไหนมา รอเจ้าอยู่คนเดียว” หลงจิ่งหลินเห็นหลิวหลีก็พูดขึ้น ขบวนสู่ขอใกล้จะมาถึงแล้ว
“ลืมของเจ้าค่ะ แต่ว่ายังไม่สายไปไม่ใช่หรือ” หลิวหลีถือผ้าคลุมศีรษะเดินไปตรงหน้ามารดานาง นำผ้าคลุมศีรษะคลุมหน้ามารดา
“ท่านแม่ รอเขามาเปิดแล้วให้เขาตกตะลึงไปเลยเจ้าค่ะ”
“ได้ แต่ว่าหลิวหลี เจ้ายังไม่ยอมเรียกเขาว่าพ่ออีกหรือ” หลงซินเยว่ซึมไปเล็กน้อย นางจะแต่งงานอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนลูกสาวยังไม่ยอมรับในตัวอาหลิง
“ท่านแม่ ข้าจำเป็นต้องใช้เวลา ท่านจะต้องมีความสุข จริงไหมเจ้าคะ” หลิวหลีย่อตัวลงสบตาท่านแม่ที่ถูกคลุมด้วยผ้าคลุมศีรษะ
“แน่นอน ข้าจะมีความสุข” หลงซินเยว่พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว หากเขาหรือว่าคนในครอบครัวของเขาทำร้ายท่านบอกข้านะเจ้าคะ ข้าจะจัดการพวกเขาเอง หากว่าท่านไม่อยากจะอยู่กับเขาแล้ว ข้าจะเป็นคนเลี้ยงท่านเอง” หลิวหลีพูดด้วยความแน่วแน่ ทว่า ‘ป๊าบ’ นางถูกลุงสามตีเข้าอย่างจัง
“นังหนูตัวดี เจ้าแย่งคำพูดของลุงเจ้าไปอย่างนี้เลยหรือ แล้วลุงจะพูดอะไร” หลงจิ่งหลินด่าแกมหัวเราะ
“น้องสาว หลิวหลีพูดไม่ผิดนัก บ้านสกุลหลงจะอยู่ข้างหลังเจ้าเสมอ เจ้าจะต้องมีความสุข” หลงจิ่งอู๋กล่าว
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่ แล้วก็ขอบคุณหลิวหลี มีพวกเจ้าคอยหนุนหลัง ข้ามีความสุขมากจริงๆ” หลงซินเยว่พูดพลางน้ำตารื้นสองข้าง นางมีความสุขเหลือเกิน
ขบวนสู่ขอมาถึงแล้ว พอจ้านเฟิงหลิงมาถึง ก็เข้าไปทำความเคารพพ่อตา จากนั้นจึงไปเรือนของซินเยว่อย่างตื่นเต้น เมื่อเปิดประตูออกมา ก็เห็นหลงซินเยว่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง
“นังหนู เจ้าไม่เข้าไปหรือ” หลงจิ่งหลินมองดูหลิวหลีที่ยืนอยู่ในมุมมืด
“มองจากตรงนี้ก็พอ”
“นังหนู ทำไมถึงไม่เรียกท่านพ่อล่ะ?” หลงจิ่งหลินสงสัยเป็นอย่างมาก
“ทำไมน่ะหรือ เพราะว่าคำว่าพ่อเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เขาไม่เคยมีส่วนร่วมในการเติบโตของข้า ข้าเรียกไม่ลง” หลิวหลีทอดถอนใจ
“แต่แม่ของเจ้าก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเติบโตของเจ้าด้วยเช่นกัน” หลงจิ่งหลินกล่าว ถึงแม้จะเป็นน้องสาวของเขาก็ตาม
“ใช่เจ้าค่ะ แต่ว่านางพยายามอย่างมาก เพื่อให้ข้าได้ออกมาลืมตาดูโลก” หลิวหลีกล่าว
เป็นเพราะเช่นนี้หรือ
จ้านเฟิงหลิงมือสั่นระริกขณะเปิดผ้าคลุมศีรษะของหลงซินเยว่ เขาถึงกับรู้สึกตกตะลึงในความงามของหลงซินเยว่
“เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก”
“อาหลิง เจ้าก็ดูสง่างามเช่นกัน” หลงซินเยว่หน้าแดงเล็กน้อย ราวถูกย้อมด้วยสีชาด
ทั้งสองคนไม่ทันได้สังเกตเห็น มงกุฎมังกรของจ้านเฟิงหลิงกับมงกุฎหงส์ของหลงซินเยว่แนบชิดกัน ราวกับกำลังพลอดรักกัน เมื่อทั้งสองคนเดินออกมา ทุกคนต่างพากันตกตะลึงในภาพงดงาม ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเหลือเกิน มีบางคนค้นพบอย่างประหลาดใจว่า ข้างหลังของทั้งสองมีเงาปรากฏขึ้น มังกรหงส์คู่เสริมมงคล
“เป็นมงคลเหลือเกิน มังกรปรากฏขึ้นมาพร้อมกับหงส์”
“ใช่ ชุดแต่งงานนี้สุดยอดจริงๆ ในอนาคตข้าก็อยากจะใช้บ้าง”
เงาของมังกรกับเงาของหงส์โอบล้อมคู่แต่งงานคู่นี้
จ้านเฟิงหลิงเรียกคู่พันธสัญญาออกมา จากนั้นก็ยื่นมือออกไป หลงซินเยว่ยื่นมือออกมาด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งสองขึ้นหลังกิเลนเพื่อเดินทางไปบ้านสกุลจ้าน
“จะมอบของขวัญให้อีกชิ้นดีไหมนะ” หลิวหลีพูดพลางมองท้องฟ้าสีทะมึน
“นังหนู เจ้าทำอะไรหรือ” หลงจิ่งหลินสงสัย
หลิวหลียื่นมืออกมาทั้งสองข้าง เพลิงอัคคี 5 สีปรากฏขึ้น หลิวหลีปล่อยเพลิงอัคคีขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ปรากฏเป็นภาพดอกไม้ไฟที่งดงาม ทุกคนต่างพากันตกตะลึง ทำอย่างนี้ได้ด้วยหรือ ดอกไม้ไฟพวกนั้นค่อย ๆ ปรากฏเป็นตัวอักษร ‘หงส์คู่กู่รัก’ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็น ‘มังกรหงส์คู่เสริมมงคล’ สุดท้ายเปลี่ยนเป็น ‘ใจเชื่อมกันตลอดไป’ ทำให้ทุกคนต่างพากันรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
“นังหนู เจ้าเล่นใหญ่อีกแล้ว คาดว่าต่อไปคงจะมีอีกหลายคนที่อยากจะได้แบบนี้” หลงจิ่งหลินพูดด้วยความประหลาดใจ แต่คำพูดของเขากลับแฝงไปด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยหรือ” หลิวหลีพูดจบก็จากไป บิดามารดานางไปไกลแล้ว รอท่านแม่ของนางกลับมา ก็ถึงเวลาที่นางจะต้องไปเช่นกัน จัดการเรื่องที่ค้างคาใจแล้ว นางก็ควรจะออกเดินทางไปดูโลกภายนอกบ้าง
“มันก็จริง” นังหนูเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ แต่ก็กับคนที่นางให้ความสำคัญเท่านั้น
หลังจากผ่านไปสามวัน คู่สามีภรรยาก็กลับมาพร้อมกับความหวานชื่น สีหน้าของท่านแม่เต็มไปด้วยความยินดี พลังบำเพ็ญเพียรมีแนวโน้มที่จะบรรลุช่วงอมตะ ใบหน้าบิดาของนางแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับไม่ใช่คนเดียวกันกับที่หมดอาลัยตายอยากมาก่อน หลังจากเสร็จพิธียกน้ำชาให้กับหลงเหวินเซวียนแล้ว หลิวหลีมอบของขวัญที่ตัวเองเตรียมไว้ให้ แหวนเก็บของหนึ่งคู่ ภายนอกรูปลักษณ์สวยงาม หลิวหลีสาธิตให้ดู ทุกคนจึงได้รู้ว่าแหวนสองวงนี้แยกออกจากกันจะเป็นของคู่กัน เอามารวมกันจะกลายเป็นแหวนวงเดียวกัน
“น่าเสียดาย หลิวหลีก็ยังไม่ได้เรียกข้าว่าพ่อ” จ้านเฟิงหลิงซึมไปเล็กน้อย
“นางยกน้ำชาให้เจ้าแล้วไม่ใช่หรือ หลิวหลีเป็นเด็กดี นางจะคิดได้แน่ เพียงแต่ว่า หลิวหลีจะอยู่ในรายชื่อของสกุลหลง” หลงซินเยว่รู้สึกผิดกับเรื่องนี้
“เรื่องนี้ไม่เป็นไร ข้าไม่สนใจหรอก ซินเยว่แค่ได้อยู่กับเจ้าก็พอแล้ว” จ้านเฟิงอวิ๋นจับมือซินเยว่แล้วกล่าว
“ข้าเช่นกัน” หลงซินเยว่รู้สึกว่าเรื่องที่โชคดีที่สุดก็คือ นางมีลูกสาวที่น่ารักเชื่อฟังและมีสามีที่รักใคร่เอ็นดูนาง
…………………………………….