เซี่ยวอวี่เซวียนลูบกำปั้นของเขาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น “รัฐเยี่ยของเรามีถ้ำๆ หนึ่งชื่อว่าถ้ำสวินหลงซาน ภายในมีสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าอยู่เป็นจำนวนมาก ไข่มุกเหวินหยวนของหัวหน้าสำนักศึกษาก็ได้มาจากถ้ำสวินหลงซานเช่นกัน”

“แล้วยังไงต่อ?”

“เพียงแค่คนที่สามารถเข้าไปได้ค้นพบสิ่งของล้ำค่าใดๆ เข้า สมบัติชิ้นนั้นก็จะเป็นของคนนั้น แต่การจะได้รับคุณสมบัติของผู้ที่สามารถเข้าไปยังถ้ำสวินหลงซานได้นั้นนับเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก แน่นอนว่าคนของสำนักศึกษาหลวงของเรานั้นมีข้อได้เปรียบ สามารถส่งจำนวนรายชื่อเข้าไปได้ก่อน และนี่ก็เป็นหนึ่งเหตุผลว่าทำไมคนจำนวนมากถึงต้องการเข้ามาศึกษาร่ำเรียนในสำนักศึกษาหลวงกัน”

แค่คำพูดของเซี่ยวอวี่เซวียนเพียงไม่กี่คำสั้นๆ ในใจของกู้ชูหน่วนก็สามารถเข้าใจได้แล้ว แต่เกรงว่าการชุมนุมแข่งขันล่าขุมทรัพย์ของถ้ำสวินหลงซานนั้นคงต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ใครค้นหาทรัพย์สมบัติไปได้ เช่นนั้นสมบัติชิ้นนั้นก็จะตกเป็นของคนนั้น?

เช่นนั้นก็ต้องรอให้เดินทางออกจากการชุมนุมแข่งขันล่าขุมทรัพย์ที่ถ้ำสวินหลงซานได้อย่างปลอดภัยเสียก่อน

เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนคิดจะฆ่าทำร้ายคนอื่นเพื่อแย่งชิงทรัพย์สมบัติมาครอบครองเอง

สมบัติศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าล่ะ?

กู้ชูหน่วนลูบคางเบาๆ และเกิดความสนใจขึ้นเล็กน้อย

หากสามารถเจอของล้ำค่าที่เหมือนกับไข่มุกเหวินหยวนละก็ ต่อให้ต้องบาดเจ็บสาหัสเพียงใด ก็สามารถรักษาให้หายได้ ซึ่งคิดดูแล้วก็ไม่เลวเลย

หลังจากเลิกเรียน ทุกคนต่างพากันแยกย้าย เหลือเพียงเซี่ยวอวี่เซวียนและกู้ชูหน่วนยังคงวิ่งอยู่ที่สำนักศึกษาหลวง

เพิ่งจะวิ่งไปได้เพียงสองรอบ เซี่ยวอวี่เซวียนเหนื่อยจนเหงื่อไหลออกมาท่วมตัวและหอบเหนื่อย และแทบยืนตัวตรงไม่ได้เลย

และเมื่อมองดูกู้ชูหน่วนที่กำลังวิ่งและครุ่นคิดถึงหยกจันทร์เสี้ยว นางรู้สึกมีสติสมาธิและผ่อนคลายอย่างมาก นางไม่แม้แต่จะรู้สึกหอบเหนื่อยเลยสักนิด

เซี่ยวอวี่เซวียนตกใจ “แม่สาวอัปลักษณ์ วิ่งนานขนาดนี้เจ้าไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างเลยหรือ?”

“หากเจ้าเหนื่อยเจ้าก็สามารถพักก่อน ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ได้กำหนดว่าเจ้าจะต้องวิ่งให้เสร็จตอนไหน”

“เจ้ามักมีความคิดที่แปลกประหลาดไม่ใช่หรือ? ลองคิดหาวิธีหลบหนีจากการลงโทษในครั้งนี้ดูสิ”

“ก็แค่วิ่งสิบรอบเอง ข้าไม่อยากใช้สมองหรอก” กู้ชูหน่วนวิ่งพลางและครุ่นคิดเกี่ยวกับลวดลายของหยกจันทร์เสี้ยว

“แค่สิบรอบ? แม่สาวอัปลักษณ์ เจ้าไม่รู้หรือว่าสำนักศึกษาหลวงมีขนาดใหญ่มากแค่ไหน ข้าไม่สน ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องคอยดูแลข้า ข้าวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว”

เซี่ยวอวี่เซวียนเหนื่อยจนแทบเป็นอัมพาต จากนั้นจึงเดินไปหาที่นั่งพักใกล้ๆ และหยิบพัดออกมาพัดให้ตัวเองโดยไม่สนใจ

กู้ชูหน่วนอยู่ไม่ไกลจากเขา ลมที่พัดออกมาจากพักของเขานั้นกระทบมาโดนตัวของนาง

จู่ๆ ลวดลายเส้นบนหยกจันทร์เสี้ยวก็ขยับเคลื่อนไหวขึ้น

นางตกใจ จากนั้นมันก็หยุดลง “ดูเหมือนว่าลวดลายบนหยกจันทร์เสี้ยวจะขยับได้”

“จริงหรือ? ทำไมข้าถึงมองไม่เห็น หรือว่าเจ้าจะสายตาไม่ดีเสียแล้ว”

กู้ชูหน่วนแย่งชิงพัดของเขามาและยืนเขย่งเล็กน้อย และร่างกายของนางราวกับได้หายเข้าไปในสายลมที่สำนักศึกษา

เซี่ยวอวี่เซวียนขยี้ตา

หรือว่าเขาจะเห็นผีใช่หรือไม่?

ความเร็วของแม่สาวอัปลักษณ์นี้เร็วขนาดนั้นเลยหรือ?

นางรู้วิชาตัวเบาได้ดีเช่นนี้เลยหรือ? เทียบกับพี่ใหญ่ของเขาแล้วแทบไม่เป็นรองเลย

“เฮ้ แม่สาวอัปลักษณ์ เจ้าจะแย่งพัดของข้าไปทำไม นั่นเป็นพัดที่ข้ารักมากที่สุดนะ เจ้าคืนข้ามาเดี๋ยวนี้นะ”

เซี่ยวอวี่เซวียนวิ่งตามไป ตรงหน้าไม่มีแม้แต่เงาของกู้ชูหน่วนแล้ว เพียงแค่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเท่านั้น

ภายในห้องที่ว่างเปล่าของสำนักศึกษาหลวงแห่งหนึ่ง

กู้ชูหน่วนทดลองให้พัดทำการพัดให้กับหยกจันทร์เสี้ยว แต่ลวดลายเส้นบนหยกจันทร์เสี้ยวกลับไม่มีการขยับเคลื่อนไหวเลยสักนิด

หยกชิ้นนี้ไม่มีอะไรพิเศษ นอกเหนือจากความรู้สึกอบอุ่นมือสัมผัสด้วยมือ

“น่าแปลกจัง เมื่อสักครู่ข้ายังเห็นว่ามันขยับเคลื่อนไหวได้อยู่เลย”

กู้ชูหน่วนหยิบกล่องไม้มะเกลือออกมา ภายในกล่องไม้มีระฆังวิญญาณสะบั้นบรรจุอยู่ในนั้น

อันหนึ่งคือระฆัง อีกอันหนึ่งคือหยกจันทร์เสี้ยว ดูเหมือนจะไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างสองสิ่งนี้

นางเอามือเท้าคางครุ่นคิดอยู่นานแต่นึกไม่ออกว่าทำไม

กู้ชูหน่วนรู้สึกอยากจะทดสอบ จากนั้นจึงหยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่งและทุบลงไปบนระฆังวิญญาณสะบั้นอย่างแรง