ตอนที่ 117.1 มอบเสี่ยวเหยาจื่อให้เจิ้นเถิด (1) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เอ่อ สมกับที่เป็นฮ่องเต้ สายตานั้น ดูอ่อนโยนแฝงรอยยิ้ม แต่ภายในกับดุดันค้นหา ทำให้คนมิอาจเพิกเฉย

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ฮ่องเต้ที่เดิมทีนั่งอยู่บนบัลลังก์ ค่อยๆ ลุกยืนขึ้น จากนั้นฝีเท้าหนักแน่น เดินขึ้นมาด้านหน้าสองก้าว ส่วนสายตากลับไม่ละไปจากตัวของเล่อเหยาเหยา

เล่อเหยาเหยาเพราะสายตาของพระองค์จึงใจเต้นระรัว และกังวลไม่คลาย ก่อนจะได้ยินเสียงของฮ่องเต้ตรัสขึ้นอีกครั้ง

“เงยหน้าขึ้นมา ให้เจิ้นดู”

“เอ่อ…คือ…”

เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาที่ก้มหน้าอยู่ก็สูดลมหายใจ ควบคุมหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งของตน พลันค่อยๆ เงยหน้าเล็กนั้นขึ้นมา

ดวงตางดงาม ก็ค่อยๆ มองตามบันไดหินอ่อนสีขาวนั้น ก่อนจะเห็นเงาร่างสีทองสูงใหญ่ และสบเข้ากับใบหน้าองอาจนั้น

เมื่อสบตาหงส์ที่อ่อนโยนของฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียน เล่อเหยาเหยายังหวาดกลัวในใจเล็กน้อย

เพราะหลังรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือฮ่องเต้ เล่อเหยาเหยาที่ไร้ตัวตน จึงต้องหวาดกลัวชายผู้นี้เป็นธรรมดา

เพราะก่อนหน้านี้เห็นจากในทีวีมามาก คนที่สามารถเป็นโอรสสวรรค์ได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

ความดุดันและสูงส่งที่แผ่ออกมาจากตัวพระองค์ ทำให้คนกล้าเพียงมองจากระยะไกลและไม่กล้าดูหมิ่น

ความหวาดกลัวกังวลของเล่อเหยาเหยา ความจริงเป็นการตื่นตระหนกชั่วขณะเท่านั้น

เพราะแม้เธอจะไม่ใช่คนที่เกิดและเติบโตในยุคโบราณ และมีละครเกี่ยวกับโอรสสวรรค์มากมาย แต่ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามคือชายหนุ่มอายุน้อย และหน้าตาไม่ธรรมดา ยังมีแม้สายตานั้นจะแหลมคมทว่าอ่อนโยน ก่อนความหวาดกลัวในใจเล่อเหยาเหยาจะค่อยๆ สลายไป

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงค่อยๆ เริ่มจากที่ไม่มีความกล้า จนสุดท้ายกล้าใช้สายตามองไปยังชายหนุ่มในชุดสีเหลืองทองที่อยู่ไม่ไกลนั้น

เห็นเพียง เวลานี้ฮ่องเต้ไพล่มือทั้งสองข้างไปด้านหลัง ยืนอยู่บนบัลลังก์สูง ทำให้พระองค์ดูสูงส่งยิ่งขึ้น ความดุดันของเจ้านายแผ่กระจายออกมาปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อมองเงาร่างสีเหลืองที่อยู่ไม่ไกลนั้นอีกครั้ง ภายในสมองเล่อเหยาเหยาอดผุดคำหนึ่งขึ้นมาไม่ได้

โอรสสวรรค์หนุ่ม!

หล่อเหลาเสียจริง!

หากตอนนี้เธอมีกล้องถ่ายรูปจะดีมาก เพราะถ้าถ่ายภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่นี่ลงไป และถ่ายกับฮ่องเต้ด้วย ไม่รู้ว่าหากนำกลับไปยุคปัจจุบัน จะขายดิบขายดีเพียงใด!

ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยายิ่งตะลึง และสมองถูกยัดเต็มไปด้วยตั๋วเงินสีขาว ดวงตาทั้งใหญ่ทั้งกลมคู่นั้น แทบเปลี่ยนกลายเป็นเงินขึ้นมา

เฮ้อ ไม่มีทางเลือก ก่อนหน้านี้ไม่ต้องกังวลเรื่องใด เพราะเธอมีบิดาร่ำรวย

แต่ตอนนี้ที่นี่ เธอยากจนข้นแค้น ดังนั้นเล่อเหยาเหยาตอนนี้ จึงคิดแต่เรื่องเงิน

ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดหาวิธีหาเงินอยู่ในใจ กลับไม่รู้ว่าสายตาตนที่ตกอยู่ในสายตาของฮ่องเต้นั้น เป็นประกายระยิบระยับ จนทำให้ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนตะลึงเล็กน้อย พลันปรากฏความสนุกขึ้นมาในแววตา!

ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนเวลานี้ รู้สึกแปลกใจอย่างมาก

เพราะใช้ชีวิตมายี่สิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นบ่าวรับใช้ที่กล้าหาญเช่นนี้ และกล้ามองพระองค์อย่างตรงไปตรงมา

เพราะพระองค์เป็นโอรสสวรรค์ แม้พระองค์จะไม่โมโห แต่บ่าวไพร่ต่างเคารพและหวาดกลัวพระองค์

สายตาที่บ่าวไพร่เหล่านั้นมองพระองค์ ก็ดูขลาดกลัว

แต่ขันทีน้อยตรงหน้า กลับแตกต่างจากผู้อื่น

เมื่อครู่สายตาที่ ‘เขา’มองที่ตน มีความหวาดกลัวเพียงชั่วขณะ แต่จากนั้นกลับปราศจากความหวาดกลัว ดูตรงไปตรงมา

ที่ทำให้พระองค์แปลกใจที่สุดคือ สายตาที่ขันทีน้อยตรงหน้ามองตน เป็นประกายระยิบระยับ สุกใสแววาว! ทำให้รู้สึกน่าสนใจอย่างมาก!

และที่ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนคิดว่าน่าสนใจอีกอย่างคือ เมื่อเห็นรูปโฉมของขันทีน้อยด้านล่างชัดเจน ดวงตาหงส์ปรากฎความตกตะลึงขึ้นมา!

ใบหน้าจิ้มลิ้มอันประณีต คิ้วเข้มดำขลับ ดวงตาสุกใสดุจน้ำ ผิวขาวผ่อง แวววาวดุจน้ำ ใต้จมูกโด่ง คือริมฝีปากอวบอิ่มแดงสด

ใบหน้างดงามดุจหยกสลักนี้ ทำให้คนที่เห็นมิอาจลืมเลือน!

แม้ในวังหลังจะมีสาวงามนับไม่ถ้วน แต่รูปโฉมประณีตงดงามเช่นขันทีตรงหน้านี้ ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนเคยเห็นเป็นครั้งแรก

เห็นชุดขันทีสีน้ำเงินเข้มบนตัวเล่อเหยาเหยา และดวงตางดงามที่สดใสแวววาวคู่นั้น ในใจฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนตกตะลึงและเสียใจขึ้นมาพร้อมกัน

ความงามล่มเมืองเช่นนี้ กลับเป็นขันทีผู้หนึ่ง ช่างน่าเสียดายจริงๆ

ขณะฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนคิดในใจ พลันคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาหงส์เป็นประกายครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“เหยากงกงหรือ เหยาหรือ น้องรอง เรื่องที่ซีเจียง เหอหนานครั้งก่อน เจ้าเอ่ยว่าในวังของเจ้ามีขันทีที่ชื่อเสี่ยวเหยาจื่อคิดวิธีออกมาได้ ใช่ขันทีน้อยผู้นี้หรือไม่”

เมื่อเหลิ่งจวิ้นเทียนเอ่ยถาม เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เดิมทีนิ่งเงียบไม่พูดจา ค่อยๆ วางชาในมือลง เผยอริมฝีปาก ก่อน

พยักหน้าพลางเอ่ยขึ้นว่า

“พ่ะย่ะค่ะ เป็นเขา”

“โอ้ ที่แท้นี่ก็คือเสี่ยวเหยาจื่อที่เจ้าเอ่ยถึง”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ สายตาของฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนที่มองเล่อเหยาเหยาคล้ายขบคิดบางอย่าง ก่อนพลันยิ้มมุมปาก หัวเราะเสียงดังออกมา

“ฮ่าๆ เสี่ยวเหยาจื่อ ลุกขึ้นเถิด คิดไม่ถึงเสี่ยวเหยาจื่อจะอายุน้อยเช่นนี้ แต่กลับชาญฉลาดกว่าคนปกติ เรื่องซีเจียง เหอหนานครั้งก่อน เจ้าทำคุณใหญ่หลวง ครั้งก่อนไม่ได้ตบรางวัลให้แก่เจ้า ครั้งนี้เจ้าทำให้ไทเฮาเบิกบานใจเช่นนี้ ช่างยอดเยี่ยมยิ่ง!”

เห็นเพียงฮ่องเต้สีหน้ามีความสุข เสียงหัวเราะสดใสดุจหยกนั้น ดังกึกก้องไปทั่วตำหนักหลงเทียน

เมื่อได้ยินคำพูดของฮ่องเต้ เล่อเหยาเหยาอดดีใจไม่ได้

ฮิฮิ ไม่ได้ยินหรือ!

ฮ่องเต้ตรัสว่าจะพระราชทานรางวัลให้เธออย่างดี!

เงิน เงินสีขาว…

ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยายิ่งดีใจไม่หยุด ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นเบิกบานขึ้นมา

และฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนก็ไม่ทำให้เล่อเหยาเหยาผิดหวัง พระราชทานรางวัลใหญ่ให้แก่เล่อเหยาเหยาหนึ่งพันตำลึง และไทเฮาที่ชมการแสดงสองเรื่องเมื่อครู่ก็ชื่นชอบอย่างมาก

ตอนนี้เห็นเล่อเหยาเหยา รูปโฉมคล้ายเซียนน้อยแสนสดใส โดยเฉพาะดวงตาดุจอัญมณีงดงามคู่นั้น ทั้งใหญ่ทั้งกลมโต คล้ายสามารถพูดได้ ยิ่งชอบใจ

ทันใดนั้น ไทเฮาจึงพระราชทานรางวัลพวกของล้ำค่าราคาสูงให้แก่เล่อเหยาเหยาไม่น้อย

เรื่องนี้เล่อเหยาเหยาต้องตื่นเต้นไม่หยุดแน่ ตื่นเต้นและมีความสุขจนแทบกระโดดลอยขึ้นมา

สวรรค์! เธอรวยแล้ว ฮ่าๆ เธอรวยแล้ว…

ต่อไป แม้จะออกจากวังอ๋องไป เธอเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยฟู่ฟ่า รางวัลจากฮ่องเต้และไทเฮา ทำให้ชีวิตที่เหลือของเธอไม่ต้องอดอยาก

ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยายิ่งดีใจ

กระทั่งดวงตางามกลมโตคู่นั้น เวลานี้เพราะยิ้มจึงโค้งงอราวพระจันทร์เสี้ยว

และปากเล็กที่แดงสดนั้น แทบฉีกกว้างไปถึงรูหู