หลังจากได้รับพระราชทานรางวัล แม้เล่อเหยาเหยาจะดีใจจนแทบเป็นลม แต่ยังปิดท้ายด้วยการคุกเข่าลงขอบพระทัยในพระกรุณา
แต่เธอกลับไม่รู้ว่า หลังจากที่ตนวาดฝันจะถอยตัวออกไปเพื่อรอกลับวังอ๋อง และใช้เงินเหล่านี้เช่นไร ในใจคิดสิ่งใด ทั้งหมดก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเล็กนั้นจนหมดเปลือก ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่นั่งมองอยู่ด้านข้าง อดขมวดคิ้วแน่นไม่ได้
เห็น ‘เขา’ ดีใจเช่นนี้ ‘เขา’ต้องคิดเรื่องไปจากวังอ๋องขึ้นมาอีกครั้งแน่!
น่าชังนัก!
หรือ‘เขา’อยากจะไปจากวังอ๋องขนาดนี้!
พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋พรั่งพรูอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อึดอัดกดทับอยู่บนหน้าอกเขา ทำให้รู้สึกไม่สบายในใจ
ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋สีหน้าเคร่งเครียด ขมวดคิ้วแน่น เขากลับไม่รับรู้เลยว่า ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนที่อยู่บนบัลลังก์สูง สังเกตเห็นสีหน้าเวลานี้ของเขาเข้าพอดี
ดวงตาหงส์อดปรากฏความสนุกวาบขึ้นมา พลันหัวเราะพลางเอ่ยขึ้นว่า
“น้องรอง เสี่ยวเหยาจื่อในวังของเจ้า เฉลียวฉลาดเหนือผู้ใด และต้องตาเจิ้นยิ่งนัก ข้างกายเจิ้นกำลังขาดคนมีความสามารถเช่นเสี่ยวเหยาจื่อพอดี มิสู้วันนี้น้องรองตัดใจ มอบเสี่ยวเหยาจื่อให้เจิ้นเถิด! เจ้าคิดเช่นไร!”
คำขอของฮ่องเต้ ทำให้คนที่เหลือในตำหนักหลงเทียนต่างตกตะลึง
ทว่าเหล่าขุนทางพวกนั้นคิดคือ ฮ่องเต้เอ่ยปากอยากได้บ่าวรับใช้ครั้งแรก เห็นชัดว่าฮ่องเต้ชื่นชอบขันทีน้อยผู้นี้อย่างยิ่ง!วันหน้าเกรงว่าขันทีน้อยผู้นี้ต้องมีตำแหน่งใหญ่โตแน่นอน กลายเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ วันหน้าพวกเขาต้องคิดหาวิธีประจบขันทีน้อยผู้นี้ไว้ถึงจะดี!
ตรงข้ามกับความคิดในใจของเหล่าขุนนางเหล่านั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋หลังได้ยินคำพูดของเสด็จพี่ตน คิ้วงามนั้นอดขมวดแน่นครู่หนึ่งไม่ได้ ทว่าไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา
ใบหน้าหล่อเหลาที่ยโสโอหังนั้นดูเยือกเย็น ดวงตาเย็นชาล้ำลึกแคบยาวคู่นั้นเรียบเฉย ดุจทะเลสาบอันสงบนิ่งที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง ทำให้คนมิอาจคาดเดาความในใจของเขาได้
แม้ใบหน้าจะไร้ความรู้สึกเช่นเดิม แต่ไอเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเขา กลับอดยิ่งหนาวเหน็บขึ้นไม่ได้
คนที่รู้จักเขาต่างรู้ว่า ความจริงพญายมไม่พอใจ
สำหรับความไม่พอใจของน้องชายตน ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนรับรู้แน่นอน แต่เวลานี้พระองค์แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจขึ้นมา
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พระองค็เห็นน้องรองใส่ใจคน!
และยังเป็นขันทีน้อยผู้หนึ่ง!
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาของฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนอดปรากฎความเจ้าเล่ห์วาบขึ้นมาไม่ได้
จากนั้นดวงตาหงส์แฝงยิ้มแย้ม มองไปยังเหลิ่งจวิ้นอวี๋ รอคำตอบของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างอดทน
ขณะเดียวกันเล่อเหยาเหยาที่ยืนอยู่ด้านข้าง หลังได้ยินคำพูดของฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียน ทั่วร่างกายราวถูกฟ้าผ่าตอนกลางวัน ยื่นแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
อะไรนะ!
เธอฟังไม่ผิดใช่หรือไม่!
ฮ่องเต้อยากได้ตัวเธอหรือ!
เวลานี้ เธอได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดคิดมาก่อนหรือ!
เพราะอีกฝ่ายคือฮ่องเต้ผู้ที่เหนือคนนับหมื่นแห่งแคว้นเทียนหยวน!คิดไม่ถึงตนจะมีเสน่ห์มากมายเช่นนี้ กระทั่ง ฮ่องเต้ยังอยากได้ตัวเธอ! ฮิฮิ อยากได้เธอไปปรนนิบัติ…
สำหรับคำพูดของฮ่องเต้ หลังจากเล่อเหยาเหยาหายตกตะลึง สายตาอดมองไปที่พญายมข้างกายไม่ได้ หัวใจเวลาจึงเต้นระรัวขึ้น
แม้เธอจะไม่ชื่นชอบพญายม แต่ว่าช่วงที่ผ่านมานี้พญายมคล้ายผิดปกติ ราวกับทำสงครามเย็นกับเธอ
แต่พญายมจะเอาเหตุผลนี้ มอบเธอให้กับฮ่องเต้จริงหรือไม่!
จะเป็นไปได้หรือ!
ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยายิ่งไม่แน่ใจ และก็กังวลอย่างมาก
กระทั่งไม่กล้าหายใจออกมา และพอนึกถึงว่าประเดี๋ยวพญายมจะนำตัวเธอมามอบให้กับฮ่องเต้ ในใจเธอรู้สึกไม่สบายขึ้นมา
ขณะที่เล่อเหยาเหยาวิตกกังวลในใจ พญายมกลับเพียงนิ่งเงียบไม่พูดจา ก้มหน้าหลบสายตา ดวงตาเย็นชามองถ้วยน้ำชาบนโต๊ะเงียบๆ คล้ายกำลังขบคิดบางอย่าง
กระทั่งหลังผ่านไปนาน ทุกคนต่างคิดว่าเขาคงไม่ให้คำตอบฮ่องเต้แน่ ทว่ากลับเห็นพญายมเงยหน้าหล่อเหลานั้นขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เผยอริมฝีปาก เอ่ยปากขึ้นว่า
“หากฝ่าบาททรงชื่นชอบ หม่อมฉันก็ไม่ขัดข้อง”
น้ำเสียงของพญายมบางเบาอย่างมาก และทุ้มต่ำอย่างยิ่ง แต่กลับไร้ความรู้สึก
หลังได้ยินคำพูดของเขา เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีกังวลใจไม่หยุด เกิดเสียง ‘ตูม’ดังขึ้นมาในใจ คล้ายมีบางสิ่งตกลงไป แตกสลาย ว่างเปล่า และสับสน
สวรรค์!
คำพูดนี้ของพญายม คือยกเธอให้ฮ่องเต้จริงใช่หรือไม่!
แม้เธอจะไม่ชื่นชอบพญายม และอยากออกห่างจากเขา แต่เหตุใดตอนนี้เมื่อพญายมส่งเธอออกไป ในใจเธอจึงรู้สึกไม่พอใจ!
เล่อเหยาเหยา เธอเป็นอันใดกันแน่
เวลานี้ เล่อเหยาเหยาก็ทั้งแปลกใจและสงสัยในใจ
ทว่าเธอรู้เพียงหลังจากได้ยินคำพูดนี้ของพญายม เธอรู้สึกไม่พอใจ
ภายในใจคล้ายถูกก้อนหินขนาดใหญ่กดทับไว้ จนหายใจไม่ออก
ยิ่งคิด ใบหน้าเล็กที่เดิมทีลำพองใจของเล่อเหยาเหยา พลันปกคลุมด้วยความเศร้าหมองขึ้นมา
ใบหน้าเล็กก็ก้มต่ำลง กระทั่งเธอไม่สังเกตเห็น ว่าแววตาตนดูผิดหวังและเศร้าสลด
ขณะที่ทุกคนคิดว่า พญายมจะมอบขันทีน้อยของตนให้กับฮ่องเต้จริง กลับเห็นเขาหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบเบาๆ ก่อนเผยอริมฝีปากเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ทว่า บ่าวผู้นี้จะไปปรนนิบัติเสด็จพี่หรือไม่ คำตอบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”
“โอ้ น้องรองพูดเช่นนี้ เช่นนั้นคำตอบนี้ ขึ้นอยู่กับผู้ใดกันหรือ! ”
สำหรับคำพูดราบเรียบของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนต่างชินชาจนเป็นรื่องปกติแล้ว เพียงแต่ดวงตาหงส์ของพระองค์เวลานี้ กลับดูสนุกสนานยิ่งขึ้น
เพราะจะพูดเช่นไร เหลิ่งจวิ้นอวี๋คือน้องชายของพระองค์ น้องชายผู้นี้ ดูเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่พระองค์กลับรู้ดีว่าน้องรองของพระองค์เป็นคนยึดติดในสิ่งต่างๆ
ดังนั้น พระองค์รู้ดีว่าหากน้องรองไม่สนใจบ่าวผู้นี้ คงเอ่ยอย่างเต็มปากมอบบ่าวผู้นี้ให้แก่พระองค์แล้ว คงไม่มีท่าทางดังเช่นตอนนี้
เหลิ่งจวิ้นเทียนรู้ดีในใจ แต่กลับยังคงอยากลั่นแกล้งน้องรองของตนเช่นเดิม
เพราะพระองค์มีพี่น้องค่อนข้างน้อย ด้านล่างมีเพียงน้องชายผู้นี้ แต่น้องชายผู้นี้มีนิสัยเย็นชาเกินไป อยากหยอกล้อกับเขา กลั่นแกล้งเขา โอกาสเช่นนี้ หาได้ยากยิ่งนัก!
โอกาสเช่นตอนนี้หาได้ยากยิ่ง เขาจะพลาดมันได้อย่างไร!
ขณะฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนคิดอย่างเจ้าเล่ห์ในใจ ทางเหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับไม่เอ่ยปากขึ้นอีก และดวงตาเย็นชาเงยมองไปยังบางแห่ง
เมื่อฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนค่อยๆ มองตามสายตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไป ดวงตาหงส์ที่มองไปยังเล่อเหยาเหยาอีกครั้งนั้น อดเป็นประกายครู่หนึ่งไม่ได้ พลันเอ่ยปากขึ้นมาว่า
“เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้ายินยอมอยู่กับเจิ้นหรือไม่!”
………………………………………