หลังประโยคนี้ของฮ่องเต้ สายตาของทุกคนพลันหันขวับมายังเล่อเหยาเหยาที่ยืนอยู่กลางตำหนัก
เมื่อกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน เล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง!
ใจเต้นระรัว หนังศีรษะชาวาบ เหงื่อไหลเปียกชุ่ม อยากร้องไห้ออกมา แต่ไร้น้ำตา นี่คือสิ่งที่เล่อเหยาเหยาเป็นตอนนี้!
เล่อเหยาเหยาเวลานี้ มืดมนไร้หนทางยิ่งนัก ในใจก็สับสนไม่หยุด
เพราะเวลานี้เธอไม่รู้ว่าควรตอบคำถามนี้เช่นไร โดยเฉพาะหลังจากฮ่องเต้ตรัสจบ เธอพลันรู้สึกถึงสายตาดุดันสายหนึ่งที่มองมายังเธออย่างรวดเร็ว
สายตานั้นดูนิ่งเรียบ แต่ภายในรู้สึกถึงการตักเตือน ร้อนแรงเช่นนี้ มองจนเธอหนังศีรษะชาวาบ เหงื่อตกออกมา
และเจ้าของสายตาก็มิใช่ผู้ใด คือพญายมนั่นเอง!
หลังรับรู้ถึงสายตาตักเตือนและไม่พอใจของพญายม เล่อเหยาเหยาอยากด่าทอขึ้นมาเสียจริง!
น่าตายนัก!ท่านจะจ้องข้าทำไม หากไม่อยากส่งเธอให้คนอื่น ก็พูดออกไปเองก็พอแล้ว เหตุใดต้องทำท่าทางไม่แยแสออกมา ตอนนี้ให้เธอตอบฮ่องเต้ผู้นั้น ตนก็มาจ้องตาเธอเขม็ง นี่ท่านหมายความว่าเช่นไร!
สำหรับท่าทางของพญายม เล่อเหยาเหยาคิดจนสมองแตกก็ไม่ได้คำตอบ
และไม่รู้ว่าพญายมสนใจเธอ หรือไม่สนใจกันแน่
ทว่าเธอตอนนี้ ก็ไม่มีเวลามากพอให้คิดเรื่องปัญหานี้
เพราะเธอรู้เพียง ตอนนี้สายตาของทุกคนต่างมองมาที่เธอ และหูก็ได้ยินคำพูดของทุกคนที่ต่างดังเข้ามา
เหล่าขุนนางตรงนั้น ต่างพากันคาดเดาว่าเธอต้องตอบตกลงกับฮ่องเต้แน่นอน เพราะอีกฝ่ายคือโอรสสวรรค์ โอรสสวรรค์เอ่ยปากอยากได้ตัวเธอด้วยตนเอง ผู้ใดจะกล้าปฏิเสธ!
และเธอรับรู้ว่าสายตาของฮ่องเต้ เวลานี้จ้องเขม็งมายังตน รอคอยคำตอบของเธอ ทำให้เธอกดดันยิ่งขึ้น
เพราะเธอไม่รู้ว่าควรเลือกเช่นใดดี
จากนั้น อาจเพราะรับรู้ถึงความลังเลในใจของเล่อเหยาเหยา ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนบนบัลลังก์สูงจึงหัวเราะออกมา ก่อนเอ่ยปากขึ้นว่า
“เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้าเป็นบ่าวผู้หนึ่ง เจิ้นชื่นชมยิ่งนัก และข้างกายเจิ้นขาดคนมีความสามารถเช่นเจ้าจริงๆ หากเจ้าอยู่ข้างกายข้า ชื่อเสียงและอำนาจ เจิ้นต่างสามารถมอบให้แก่เจ้าได้ เจ้าคิดเห็นเช่นไร!”
“เอ่อ”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาตื่นตกใจ
มารดามันเถอะ นี่มันคือหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ใช่หรือไม่!
ต้องพูดว่าหลังได้ยินคำพูดของฮ่องเต้ เล่อเหยาเหยาใจเต้นชั่วขณะ
เพราะคำพูดนี้ของฮ่องเต้ แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับเธออย่างยิ่ง! ทำให้เธอรู้สึกตกใจที่ได้รับการโปรดปรานเช่นนี้
ขณะที่เล่อเหยาเหยาใจเต้นดีใจ เธอกลับรู้สึกถึงสายตาอันหนาวเหน็บและร้อนแรงยิ่งขึ้นที่พญายมมองมายังเธอ
สายตาของเขานั้น คล้ายกระบี่ไร้รูปร่าง พาดอยู่บนคอของเธอ ราวกับว่าหากเธอเอ่ยผิดไปเพียงประโยคเดียว เขาพลันสังหารเธอทันที
เฮอะ มารดามันเถอะ รู้จักเพียงข่มขู่ผู้อื่น!เธอเกลียดชังยิ่งนัก!
ขณะที่โมโห ในใจกลับรู้สึกเบิกบานขึ้นมาพร้อมกัน ความเบิกบานที่ไร้ที่มานี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาขัดแย้งและสงสัยในใจอย่างมาก เพราะไม่รู้ตนเบิกบานสิ่งใด!
ความจริงหากให้เธอเลือกอยู่กับผู้ใด เธอยังเลือกพญายม
เพราะเธอเพียงเป็นขันทีตัวปลอม หากถูกคนรู้เข้าว่าเธอเป็นผู้หญิง มีเพียงต้องตายสถานเดียวเท่านั้น
แม้เธอเลือกอยู่ข้างกายฮ่องเต้ และเป็นดั่งที่เขาเอ่ยขึ้นทั้งหมดว่าสามารถให้ชื่อเสียงและอำนาจแก่เธอได้ แต่บนเส้นทางแห่งคมดาบนี้ ไม่เหมาะที่จะก้าวเดินอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะหากเธออยู่ในวังรุ่ยอ๋องจนครบสามปี เธอสามารถกลับไปมีอิสระเช่นเดิมได้ ตอนนี้เงินทองของมีค่าที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้และไทเฮา ก็เพียงพอให้เธอเสพสุขไปชั่วชีวิตแล้ว เธอยังจะละโมบอยากได้อำนาจไปทำสิ่งใดกัน!
หลังคิดถึงตรงนี้ ดวงตาคู่งามของเล่อเหยาเหยาเปล่งประกายครู่หนึ่ง ก่อนพลันคุกเข่าลงบนพื้น เอ่ยกับฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงว่า
“ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ บ่าวรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก ทว่าแม้บ่าวจะฐานะต่ำต้อย แต่ก็เข้าใจหลักการข้อหนึ่งที่ว่าเป็นนายเพียงวันเดียว แต่เป็นเจ้าของไปชั่วนิรันดร์ ชีวิตนี้ของบ่าว มีท่านอ๋องเป็นนายเพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยต่อฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนอย่างเคารพเลื่อมใสและถ่อมตัว ไม่ต่ำต้อยไม่สูงส่ง และไม่ถือว่าดังกังวาน ทว่าทุกคำกลับดังเข้าไปในหูของทุกคนโดยไม่มีตกหล่น
คำพูดของเล่อเหยาเหยา ทำให้ภายในตำหนักหลงเทียนเกิดความเงียบงัน สุดท้ายเสียงสูดหายใจก็ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย!
เพราะทุกคนต่างไม่คาดคิดว่าเล่อเหยาเหยาจะปฏิเสธรับสั่งของฮ่องเต้ต่อหน้าทุกคน!
อีกฝ่ายคือโอรสสวรรค์ผู้สูงส่ง! ฮ่องเต้แห่งเทียนหยวน มีอำนาจสั่งเป็นสั่งตายในมือ หากทำให้เขาไม่พอใจ เพียงประโยคเดียวของเขา ทำให้ศีรษะของเธอหลุดจากบ่าได้
ทุกคนต่างตกตะลึงในใจ ไม่เว้นแม้แต่ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียน
อันที่จริงคำพูดเมื่อครู่ของพระองค์ หากเป็นคนอื่นต้องใจเต้นเป็นแน่
เพราะคนหนึ่งคือฮ่องเต้ คนหนึ่งคือท่านอ๋อง สิ่งที่พระองค์สามารถให้ ‘เขา’ ต้องมากกว่าน้องรองมากมาย
นกที่ฉลาดย่อมเลือกไม้ดีทำรัง ทุกอย่างย่อมเป็นเช่นนี้ แต่ตอนนี้กลับเหนือความคาดหมาย!
ขันทีน้อยผู้นี้ ช่างน่าสนใจเสียจริง น่าสนใจจริงๆ!
ฮ่องเหลิ่งจวิ้นเทียนขบคิดในใจ และสนใจขันทีน้อยตรงหน้ายิ่งขึ้น
โดยเฉพาะ เมื่อกวาดตาไปก็เห็นน้องรองผ่อนคลายลง และภายในแววตาดูยิ้มแย้ม ทำให้ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนมีสีหน้าตะลึงเล็กน้อย พลันมีแววตาคล้ายขบคิดบางสิ่งขึ้นมา
พลางคิดในใจว่าตนไม่เคยเห็นน้องรองยิ้มมาก่อน วันนี้…
ดูแล้วขันทีน้อยตรงหน้า ในใจของน้องรองคงสำคัญอย่างมากทีเดียว!
ขณะฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนคิดในใจ สายตาก็มองไปยังเล่อเหยาเหยาที่คุกเข่าอยู่บนพื้น โดยปราศจากความหวาดกลัว ตื่นตระหนกตกใจ ภายในแววตาอดชื่นชมไม่ได้
ไม่แปลกที่น้องรองจะสนใจ ‘เขา’ ขันทีน้อยผู้นี้ ไม่เลวจริงๆ!
เพราะจะมีผู้ใดที่ปฏิเสธฮ่องเต้ แล้วยังมีสีหน้าราบเรียบ
แน่วแน่และไม่สูง ไม่ต่ำต้อยเช่นนี้
คล้ายภูเขาจะถล่มลงมาก็ไม่หวั่นไหว ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!
ความจริงเวลานี้ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนอยากได้ตัวขันทีน้อยผู้นี้จริงขึ้นมาแล้ว! ทว่าน่าเสียดายที่สวรรค์ไม่เข้าข้างตน ยิ่งกว่านั้นขันทีน้อยผู้นี้ เป็นคนที่น้องรองสนใจ
ขณะฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนคิดในใจ กลับไม่รู้ตัวว่า ความจริงเล่อเหยาเหยาเวลานี้ เหงื่อชุ่มเปียกไปทั้งตัวแล้ว!
เพราะเธอก็รู้ดีว่า คนที่เธอปฏิเสธไปเมื่อครู่คือโอรสสวรรค์ หากพระองค์ไม่พอใจ เพียงเอ่ยเบาๆ ประโยคเดียว ศีรษะของเธอต้องหลุดจากบ่าแน่ เธอจะไม่หวาดกลัวได้หรือ!
ส่วนสีหน้าแน่วแน่นิ่งเฉยนั้น ความจริงล้วนคือการเสแสร้ง!
เพราะความตาย มีผู้ใดไม่หวาดกลัว!
ขณะเล่อเหยาเหยากังวลใจ พลันมีเสียงหัวเราะสดใสดังขึ้นมา กึกก้องไปทั่วตำหนักหลงเทียน
“ฮ่าๆ ดียิ่ง พูดได้ดี เป็นนายเพียงวันเดียว เท่ากับเป็นเจ้าของไปชั่วนิรันดร์! คำพูดนี้ไม่เลว น้องรอง เจ้าช่างโชคดียิ่ง เจิ้นอิจฉาเสียจริง!”
ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนที่หัวเราะสดใส พลันหันหน้าเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่มีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ด้านข้าง
เมื่อได้ยิน เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงยิ้มมุมปาก ทว่ากลับเป็นยิ้มที่คล้ายไม่ได้ยิ้มออกมา
ส่วนสายตาที่มองเล่อเหยาเหยานั้น กลับอ่อนโยนลง
ฮ่าๆ ช่างเป็นประโยคที่ดียิ่ง เป็นนายเพียงวันเดียว เท่ากับเป็นเจ้าของไปชั่วนิรันดร์!
เช่นนั้น หากพูดเช่นนี้ เจ้าก็คือคนของข้าไปตลอดชีวิตใช่หรือไม่!
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋หวานชื่น ราวกับถูกอาบไปด้วยน้ำผึ้ง
…
แม้เล่อเหยาเหยาจะปฏิเสธฮ่องเต้ ทำให้ทุกคนตกใจไม่หยุด
แต่โชคดีที่ฮ่องเต้กลับไม่ทรงกริ้วแม้แต่นิดเดียว ยังชื่นชมเล่อเหยาเหยาขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากนั้น การแสดงดนตรีและระบำชั้นสูงก็เริ่มขึ้น
เล่อเหยาเหยาหลังจากแอบเช็ดเหงื่ออยู่เงียบๆ ก็กลับไปยืนยังตำแหน่งเดิมของตน
ต้องพูดว่า ไม่เพียงแต่การจ้องมองจากโอรสสวรรค์ที่น่าเกรงขามเหนือผู้อื่น การคุกเข่าที่พื้นเมื่อครู่ และถูกจ้องมองจากทุกคน เธอจึงเหงื่อไหลดุจเปียกฝน
จนถึงตอนนี้ แม้ฮ่องเต้จะมีสีหน้าสรวลเสเฮฮา แต่ในใจเธอยังคงเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงเช่นเดิม
หลังผ่านเหตุการณ์ที่หวาดหวั่นเมื่อครู่ไป คาดว่าคืนนี้เธอคงนอนไม่หลับเป็นแน่!
แม้เล่อเหยาเหยาจะหลงเหลือความหวาดกลัวในใจ แต่จากนั้น เมื่อนึกถึงเงินทองของมีค่าที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้และไทเฮา ความกลัวในใจพลันถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
สวรรค์!
ต่อไปนี้เธอร่ำรวยแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องอนาคตอีกแล้ว!
หลังออกจากวังอ๋องไป ก็สามารถค้าขายเล็กๆ น้อยๆ กับเสี่ยวมู่จื่อ ทำให้ครอบครัวเขาดีขึ้นมา และตนยังสามารถท่องเที่ยวไปทั่วแคว้น ชื่นชมสถานที่แปลกใหม่ในแถบแม่น้ำเจียงเหอ
เล่อเหยาเหยาเวลานี้ ภายในหัวเต็มไปด้วยเรื่องราวชีวิตอิสระหลังออกจากวังอ๋องของตน
โดยไม่คิดว่า เวลานี้กลับรู้สึกได้ถึงสายตาร้อนแรงมองมายังตน พลันตกใจเล็กน้อย ก่อนมองตามสายตาอันร้อนแรงนั้นไป
เมื่อเห็นเจ้าของสายตานั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาอดตะลึงไม่ได้
เห็นเพียง เวลานี้พญายมกำลังยิ้มแย้มมองมาที่เธอ
รอยหยักบนมุมปากรูปกระจับ และดวงตาพอใจนั้น ทำให้ใบหน้าที่เดิมทียโสโอหัง พลันอ่อนโยนลงไปหลายส่วน และทำให้เขามีเสน่ห์อย่างไร้ขีดจำกัด
‘ตึกตักตึกตัก’ทันใดนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงหัวใจเต้นเร็วขึ้นทันทีอย่างรุนแรง
และเกิดความสงสัยในใจว่า พญายมเป็นอันใดกันแน่ จึงใช้สายตามองมาที่เธอ
และเขาเวลานี้กำลังยิ้ม
รอยยิ้มนั้นยังดูอ่อนโยน ดุจสายลม ดุจเมฆหมอก รวมเข้ากันได้อย่างสง่างามและงดงาม น่ามองชวนตกตะลึง!
แม้เล่อเหยาเหยาจะไม่อยากยอมรับ แต่ตนเวลานี้ กลับคล้ายคลั่งไคล้ มองอย่างใจเต้นระรัว
ทันใดนั้น กลับได้ยินเสียงนุ่มลึกสดใสของตงฟางไป๋ดังขึ้นมา
“น้องเหยาเจ้าช่างเฉลียวฉลาดเสียจริง ประพันธ์ละครสองเรื่องนี้ประพันธ์ขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม มิแปลกที่ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยอย่างมาก กระทั่งไทเฮายังชื่นชอบ”
เห็นเพียงตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้าง หันหน้ามาเล็กน้อย ก่อนยิ้มพลางเอ่ยกับเล่อเหยาเหยา
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาอดยิ้มมุมปากไม่ได้
“ฮ่าๆ พี่ไป๋ชมเกินไปแล้ว ทุกคนชื่นชอบก็เพียงพอแล้ว”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยจบ พลันคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ มองไปยังหนานกงจวิ้นซีที่ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มกว้างอยู่อีกด้าน ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรอยยิ้มของเล่อเหยาเหยา ใบหน้าของหนานกงจวิ้นซีกับดูน่ารังเกียจ
…………………………………..