ตอนที่ 203 ถือว่าเป็นการขอบคุณ / ตอนที่ 204 อารมณ์คุกรุ่น

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 203 ถือว่าเป็นการขอบคุณ

 

 

นี่เป็นสถานการณ์ตึงเครียดที่ไม่มีทางเลี่ยง เธอถูกจับได้ว่านอกใจเขา!

 

 

ตั้งแต่เธอฟื้นกลับขึ้นมาได้เป็นครั้งที่สอง ชีวิตของเธอก็ดูเหมือนจะผจญแต่กับปัญหาต่างๆ นานาไม่หยุดหย่อน…

 

 

หลินเยียนไม่กล้าสบตาเผยอวี้เฉิงเพราะเธอรู้ว่าเขาไม่มีวันเข้าใจความรักที่เธอมีต่อไอดอลของเธอ นอกจากนี้เธอก็ประกาศปาวๆ ออกไปแล้วว่าเธอรักเขาแค่ไหนและนั่นหมายถึงไม่มีที่ว่างเหลือให้ไปรักใครได้อีก แต่ถึงกระนั้นเธอกลับแอบซ่อนรูปชายอื่นที่มีฐานะเป็นน้องชายของเขาอีก หลินเยียนรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นคนต่ำช้า…

 

 

เธอรู้สึกแค้นใจมาก!

 

 

โชคไม่ดีที่เธอไม่มีทางเลือก! เพราะท่าทางงี่เง่าแบบนั้นของเธอทำให้เธอต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องชู้ทางใจ

 

 

หลินเยียนรีบก้มลงไปม้วนโปสเตอร์เก็บ เธอทำหน้านิ่งอธิบาย “ทั้งหมดนี่เป็นเพราะนายน้อยลำดับที่สาม เขาบังคับให้ฉันเก็บโปสเตอร์ไว้ ฉันบอกปฏิเสธไป แต่สุดท้ายมาคิดๆ ดูฉันก็เลยเก็บไว้ เพราะยังไงฉันก็เป็นพี่สะใภ้เขา ฉันต้องสนับสนุนเขา นั่นเป็นสิ่งที่ฉันสมควรทำ…”

 

 

หลินเยียนรู้สึกถูกคว้าเอวไปทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบ ก่อนที่จะทันได้ตั้งตัวเธอก็ถูกดึงเข้าไปสู่อ้อมกอดอันแน่นหนาและอบอุ่น ด้วยความตกใจเธอเผลอปล่อยโปสเตอร์ที่กำไว้

 

 

แม้ว่าเผยอวี้เฉิงจะเป็นคนอ่อนโยนเสมอมาและแอบค่อนไปทางรอบคอบด้วยซ้ำ หลินเยียนรู้สึกถึงความอำมหิตและความกลัวที่แทรกซึมเขาไปสู่จิตวิญญาณของเธอ…

 

 

เธอรู้สึกราวมีตาข่ายขนาดยักษ์แผ่กระจายคลุมทั่วร่างเธอ ความรู้สึกในตอนแรกไม่มีสัญญาณของอันตรายเลย เธอจึงเพลิดเพลินไปกับมัน…แต่ตาข่ายนั่นกลับรัดแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ…

 

 

ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้

 

 

เขาช่างเป็นบุรุษที่แสนสุภาพและวางตัวดี แต่ทำไมจู่ๆ เธอถึงถูกครอบงำด้วยความกลัวเหลือสุดคณานับเช่นนี้

 

 

ทันใดนั้นหัวของหลินเยียนก็เหมือนถูกแยกออกด้วยอาการปวดตุบๆ รุนแรงที่ปราดเข้ามา…

 

 

เผยอวี้เฉิงกอดรัดเธอไว้ไม่นาน

 

 

ความกลัวและความเจ็บปวดในหัวมลายหายวับไปภายในพริบตาราวกับทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา

 

 

หลินเยียนกลับมารู้ตัวอีกครั้ง “ทำไม…”

 

 

เผยอวี้เฉิงก้มและม้วนโปสเตอร์ให้เธอ เขายัดมันกลับลงไปในกระเป๋าและส่งให้เธอก่อนที่จะยืนมองพิจารณาหญิงสาวที่ยืนตกตะลึงและโน้มใบหน้าของเขาลงไปสัมผัสริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถือว่าเป็นการขอบคุณ”

 

 

หลินเยียนหน้าแดงก่ำทันที

 

 

ขอบคุณที่เธอสนับสนุนเผยหนานซวี่?

 

 

ทำไมผู้ชายคนนี้ไม่เล่นตามกฎ

 

 

หลินเยียนทำอะไรได้บ้าง

 

 

เธอยิ้มและพึมพำในลำคอ “ด้วยความยินดีค่ะ มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำ”

 

 

ถึงอย่างไรเธอก็เอาตัวรอดจากวิกฤตินี้จนได้

 

 

ขณะที่เผยอวี้เฉิงเดินนำหลินเยียนไปที่ประตู เขาสัมผัสได้ว่าหญิงสาวยังดูกังวลอยู่ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่คิดถึงความรู้สึกของคนอื่น เขาตัดสินใจให้คนขับรถไปส่งเธอแทน

 

 

หลินเยียนโบกมือลา “งั้นฉันกลับก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณเผย”

 

 

เผยอวี้เฉิงพูดตอบ “ราตรีสวัสดิ์”

 

 

หลินเยียนนั่งในรถที่ค่อยๆ เคลื่อนหายเข้าไปในความมืด

 

 

เผยอวี้เฉิงจุดบุหรี่สูบขณะที่มองรถเคลื่อนออกไปจนลับสายตา เขายืนอยู่ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนที่กำลังโชยพัด

 

 

หลังจากสูบบุหรี่เสร็จ เผยอวี้เฉิงหันหลังกลับและเดินกลับเข้าคฤหาสน์ไป

 

 

 

 

 

ตอนที่ 204 อารมณ์คุกรุ่น

 

 

ด้วยความครุ่นคิด…

 

 

ชายหนุ่มนั่งหน้าโต๊ะทำงานถือถ้วยกาแฟ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาและแว่นตาที่ทำให้เขาดูอ่อนโยนและสุภาพ

 

 

เขานั่งนิ่งเงียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ด้านหน้ามีกองเอกสารที่ยังไม่ได้เปิดดูวางอยู่ อีกทั้งกาแฟของเขาก็เริ่มเย็นชืด

 

 

แสงไฟจากแล็ปท็อปส่องสะท้อนใบหน้างดงามของชายหนุ่ม ดวงตาหลังกรอบแว่นดูลึกล้ำและลึกลับดุจห้วงมหาสมุทร

 

 

เมื่อมองไปใกล้ๆ ชายหนุ่มกำลังจ้องมองไปยังนอกหน้าต่างบริเวณที่รถซึ่งหลินเยียนนั่งเคลื่อนตัวออกไป

 

 

หญิงสาวดูโล่งใจเป็นที่สุดเมื่อรู้ว่าคนขับรถของเขาจะเป็นคนไปส่งเธอแทน สาวน้อยดูกระตือรือร้นที่จะหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ราวกับเธอเป็นสิ่งมีชีวิตตัวกระจ้อยที่กำลังหนีออกจากถ้ำที่แสนอันตราย…

 

 

บางทีเธอคงไม่รู้ว่าสีหน้าเธออ่านง่าย

 

 

แววตาของเผยอวี้เฉิงที่ตอนแรกดูเรียบเฉย จู่ๆ ก็เหมือนมีคลื่นอารมณ์ถาโถม เขาถือถ้วยกาแฟและใช้อีกมือเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ

 

 

ยิ่งดึกในบ้านก็แทบจะเงียบสนิทราวกับบ้านร้าง มีเพียงเสียงติ๊กเบาๆ ของเข็มนาฬิกาเคล้าคลอไปกับเสียงเคาะนิ้วของชายหนุ่มตามจังหวะนั้น…

 

 

ด้านนอกต้นไม้ส่ายไปมาตามแรงลม…

 

 

ทันใดนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงเพล้งสะท้อนดังก้องขึ้นภายในห้องอย่างน่าหวาดผวา

 

 

แก้วกาแฟเย็นชืดที่เคยอยู่ในมือของเผยอวี้เฉิงแตกละเอียดออกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที…

 

 

เศษแก้วและกาแฟไหลออกมาตามซอกนิ้วเรียวของชายหนุ่มและหยดเปื้อนชุดสูทสั่งตัดของเขา

 

 

เผยอวี้เฉิงชายตามองมือที่บดขยี้แก้วจนเป็นผง ร่องรอยของความเกลียดชังเข้ากระดูกดำฉายวาบผ่านดวงตาคู่นั้นขณะที่เขามองมือตัวเองที่ไม่เป็นอะไรเลย

 

 

ชั่วอึดใจชายหนุ่มกลับมานิ่งสงบอีกครั้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

เขาหยุดเคาะโต๊ะและปัดเศษฝุ่นออกจากเสื้อสูท จากนั้นลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปที่ประตู

 

 

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะก้าวออกจากห้องไป…

 

 

เสียงกะเทาะดังสนั่นดังขึ้นไล่หลังเขา โต๊ะแยกออกเป็นสองท่อนและทุกอย่างที่อยู่บนนั้นก็ถล่มลงมา…

 

 

ข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนเต็มพื้น…

 

 

เฉิงมั่วผู้ช่วยของเผยอวี้เฉิงที่ยืนรออยู่หน้าประตูห้องทำงานรีบปรี่เข้าไปในห้อง

 

 

ตอนที่เฉิงมั่วได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ตัวเขายืนแข็งทื่อด้วยความตกใจ

 

 

เขามองกองเอกสารที่เกลื่อนกระจายและโต๊ะที่แยกออกเป็นสองท่อนภายในห้องทำงานด้วยความอัศจรรย์ใจ ไม่นานความตกใจก็พลันหายไปและถูกแทนที่ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเฉกเช่นเคยแม้จะยังคงมีร่องรอยของความกลัวไหววูบหลงเหลืออยู่ภายในแววตา

 

 

เฉิงมั่วไม่กล้าชักช้า เขารีบรายงานเผยอวี้เฉิง “ท่านประธานเผย บอร์ดผู้บริหารมีเรื่องอีกแล้วครับ พวกเขากำลังรออยู่ที่ห้องประชุมของบริษัทตอนนี้ พวกเขาอยากให้คุณไป…”

 

 

เผยอวี้เฉิงจัดเสื้อที่มีรอยยับให้เรียบร้อยขณะที่สาวเท้าตรงไปยังห้องน้ำ “ไปเตรียมรถ” เขาสั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

“ครับ” เฉิงมั่วก้มน้อมรับคำสั่ง

 

 

ก่อนที่เฉิงมั่วจะออกไป เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบหันไปมองเศษซากปรักหักพังบนพื้นอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วก่อนที่หันหลังเดินออกไป