ตอนที่ 205 เบาะแสใหม่ / ตอนที่ 206 คุณต้องมีคำตอบให้กับเรา

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 205 เบาะแสใหม่

 

 

คนขับรถขับพาหลินเยียนมาส่งที่หน้าอะพาร์ตเมนต์ เธอดีใจที่กลับมาได้อย่างมีลมหายใจ

 

 

เธอรอดและผ่านมันมาได้อีกวันแล้ว

 

 

เมื่อถึงบ้านหลินเยียนเพิ่งรู้ว่ามีสายที่ไม่ได้รับ

 

 

หน้าของเธอหุบลงเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรมา เธอรีบโทรกลับไป

 

 

“ฮัลโหล! มีข่าวอะไรไหม”

 

 

ชายปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย “มี ผมพบเบาะแสใหม่”

 

 

หลินเยียนกำโทรศัพท์ในมือแน่น “เบาะแสอะไร”

 

 

ชายในสายเงียบไปและไม่ตอบอะไรกลับมาราวกับเขากำลังนึกอยู่ว่าจะแจ้งข่าวอย่างไรดี

 

 

หัวใจของหลินเยียนหล่นวูบเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ “ข่าวร้ายเหรอ”

 

 

ชายในสายถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตอบ “ผมเปลี่ยนเป้าหมายไปยังองค์กรที่ดูมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนลักพาตัวคุณและน้องชายของคุณไปเมื่อหลายปีก่อน หลังจากใช้เวลาสืบพักใหญ่ ผมก็ได้ข้อมูลบางอย่างมา ห้องทดลองนั่นจับคนอื่นๆ ไปไว้แบบเดียวกับที่ทำกับคุณและน้องชายคุณ ผมยังสืบรู้มาว่าพวกนั้นแบ่งคนที่จับไปออกเป็นกลุ่ม”

 

 

“กลุ่ม?” หลินเยียนขมวดคิ้ว

 

 

ตอนนั้นเธอเด็กมากจนจำอะไรได้ไม่ค่อยถนัดนัก เธอจำได้ลางๆ ว่าเห็นป้ายติดอยู่ที่เด็กคนอื่นๆ ป้ายพวกนี้สักพักก็จะถูกเปลี่ยน

 

 

พวกเขาถูกแบ่งประเภทตามกลุ่ม?

 

 

“ใช่ พวกคุณที่โดนจับไปทุกคนมีกลุ่มเป็นของตัวเองโดยแบ่งตั้งแต่กลุ่มเอไปจนถึงกลุ่มอีแล้วแต่ศักยภาพของผู้ทดลอง สติปัญญาและสุขภาพของคุณอยู่ในเกณฑ์ดี หลังจากผ่านการทดลองและทดสอบคุณเลยได้อยู่กลุ่มเอ…ผมยังไม่รู้แน่ชัดว่าพวกเขาพยายามทำอะไรเกินตัวด้วยการใช้การทดสอบที่โหดร้ายมากขึ้นไปอีกกับพวกที่อยู่กลุ่มเอหรือเปล่า” ชายในสายบอก

 

 

หลินเยียนรู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้ยินที่เขาเล่า “แล้วน้องชายฉันล่ะ สุขภาพของน้องชายฉัน…”

 

 

ชายในสายตอบ “จากสถานการณ์ที่คุณเคยเล่าให้ผมฟัง น้องชายคุณต้องถูกจัดอยู่ในกลุ่มต่ำสุด ถ้าคุณไม่คอยอยู่เคียงข้างปกป้องเขา เขาคงไม่รอดมาจากการทดลองที่ทารุณนั่นหรอก คุณยังบอกผมอีกว่าคุณถูกจับแยกออกจากน้องชายและพวกนั้นก็เป็นคนพาตัวเขาไป…ผมพูดถูกไหม”

 

 

“ใช่คุณพูดถูก” หลินเยียนตอบอย่างกระด้าง จู่ๆ เธอก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอระลึกถึงอะไรบางอย่างได้

 

 

ชายในสายอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึม “ตามที่ผมเข้าใจ คนที่อยู่กลุ่มซีและกลุ่มที่ต่ำลงมาจะถูกกำจัดทิ้ง…”

 

 

คำพูดของเขาราวกับสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่หลินเยียน “คุณพูดอะไรนะ กำจัดทิ้ง…”

 

 

“ใช่ มีความเป็นไปได้ว่าหลังจากที่น้องชายคุณถูกพาตัวแยกออกไปจากคุณ พวกเขา…”

 

 

“ไม่มีทาง!” หลินเยียนพูดขัดอย่างร้อนรน

 

 

ชายในสายที่รู้ว่าเธอไม่มีทางรับเรื่องนี้ได้ ปลอบโยนเธอ “อย่าสิ้นหวัง ข้อมูลของผมอาจไม่ถูกต้องไปเสียทั้งหมด พวกเขาอาจพาตัวน้องชายคุณไปด้วยเหตุผลอื่น หรือบางทีน้องชายคุณอาจจะหนีออกมา…”

 

 

ขาของหลินเยียนไร้เรี่ยวแรง เธอเซและทรุดลงไปพิงกำแพง เธอพึมพำอย่างหมดสิ้นหนทาง “คุณพูดถูก…อะไรก็เกิดขึ้นได้…”

 

 

น้องชายของเธออาจมีชีวิตที่ดี…

 

 

เขาเป็นคนจิตใจดีชนิดว่ากับมดสักตัวก็ไม่เคยเหยียบ พระเจ้าคงไม่โหดร้ายขนาดที่จะพรากชีวิตเขาไป…

 

 

“ผมจะสืบต่อและอัปเดตข่าวให้คุณเรื่อยๆ แต่ผมขอแนะนำให้คุณเตรียมใจถ้าเกิดมีข่าวร้ายขึ้นมาจริงๆ…”

 

 

 

 

 

 ตอนที่ 206 คุณต้องมีคำตอบให้กับเรา

 

 

ขณะเดียวกัน ณ ตึกเจเอ็ม คอร์เปอเรชัน

 

 

ดึกมากแล้วแต่ไฟห้องประชุมยังสว่างจ้า คณะกรรมการบริหารทั้งหมดนั่งรอเผยอวี้เฉิงมาให้คำตอบอยู่ในห้อง

 

 

“ไอ้คนอวดดี! เขาคิดจริงเหรอว่าเขาคือผู้นำของตระกูลเผย! เขาไม่สนกฎที่มีมาเป็นสิบๆ ปีได้ยังไง”

 

 

“ตอนที่เราต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านเผยและสร้างอาณาจักรนี้มา เขายังนุ่งผ้าอ้อมอยู่เลย! เขากล้าดียังไงมาชี้นิ้วสั่งเราให้ทำนู่นนี่!”

 

 

“กับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาต้องให้คำตอบเราวันนี้!”

 

 

“ใช่! เขาคิดจริงๆ เหรอว่าเขามีอำนาจสิทธิ์ขาดคนเดียวในตระกูลเผย”

 

 

 

 

ในห้องประชุมความวุ่นวายส่วนใหญ่มาจากฝั่งพวกผู้ถือหุ้นและกรรมการบริหาร มีเพียงไม่กี่หยิบมือที่นั่งนิ่งไม่พูดอะไร

 

 

ท่ามกลางความโกลาหล ประตูก็พลันเปิดออก

 

 

เผยอวี้เฉิงที่เปลี่ยนไปใส่ชุดสูทสีเทาอ่อนสาวเท้าเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งกลางห้องประชุม “ผมต้องขออภัยที่ทำให้ทุกคนต้องรอ”

 

 

เฉิงมั่วนั่งลงทางด้านซ้ายของเผยอวี้เฉิงทันที

 

 

ทันทีที่พวกผู้บริหารหันมาเห็นเผยอวี้เฉิง พวกเขาก็ระเบิดความโกรธออกมาไม่ยั้ง

 

 

“ประธานเผย พวกเราทุกคนตั้งใจเชิญคุณมาวันนี้ แต่คุณดันมาสาย!” ชายแก่ร่างท้วมในวัยหกสิบพูดขึ้น คำพูดของเขากลั่นออกมาด้วยความดูแคลน

 

 

ชายสูงวัยผมขาวซึ่งนั่งอยู่ทางด้านขวาของเผยอวี้เฉิงพูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง “เผยอวี้เฉิง คุณรู้อยู่แล้วว่าทำไมพวกเราถึงต้องเชิญคุณมาที่นี่วันนี้

 

 

เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เราทุกคนทำงานร่วมกับพ่อของคุณเพื่อสร้างอาณาจักรนี้ แม้พวกเราจะไม่ได้เป็นคนทำให้มันประสบความสำเร็จด้วยมือของเราเอง แต่ความพยายามของเราไม่ควรถูกมองข้าม

 

 

เพื่อที่จะขยายบริษัท คุณลดเงินทุนของโปรเจ็กต์ปัจจุบัน เรารู้ว่าคุณเอาผลประโยชน์ของบริษัทเป็นที่ตั้ง เราเลยไม่คัดค้านการตัดสินใจของคุณ

 

 

ดูภายนอกดูเหมือนคุณกำลังเลื่อนขั้นให้เรา แต่เอาเข้าจริงนี่เป็นการลดตำแหน่งของเราลง!

 

 

คุณหยุดโปรเจ๊กต์ของเราได้ยังไง คุณคิดว่าคุณตอบคำถามนี้ของเราได้ไหม”

 

 

ทุกคนต่างพากันเห็นด้วยกับคำพูดของเขา

 

 

“ผู้อาวุโสเฝิงพูดถูก! เผยอวี้เฉิง คุณอาจเป็นประธานของเจเอ็ม คอร์เปอเรชัน แต่คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้เพียงลำพัง!”

 

 

 

 

เผยอวี้เฉิงนั่งเท้าโต๊ะมือพิงข้างหน้าผากขณะใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เป็นจังหวะ เขาสุขุมและเยือกเย็นขณะฟังข้อทักท้วงและความไม่พอใจของผู้เข้าประชุมอย่างตั้งใจ

 

 

หนึ่งในกรรมการบริหารที่นั่งเงียบไม่พูดอะไรตั้งแต่เริ่มรีบพูด “กรรมการเฉียน ผู้อาวุโสเฝิง ใจเย็นก่อน เราทุกคนต่างก็รู้ว่าท่านประธานเผยตัดสินใจและมองการณ์ไกลได้อย่างแม่นยำ การลงทุนทุกอย่างที่ท่านประธานลงทุนไปเมื่อสองปีก่อนทำกำไรทั้งนั้น

 

 

การปรับตำแหน่งครั้งนี้เป็นกระบวนการจัดสรรบุคลากรตามปกติของฝ่ายบุคคลเพื่อความก้าวหน้าของบริษัท ถ้าคุณเป็นห่วงบริษัทจริง คุณไม่ควรคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง”

 

 

กรรมการบริหารที่เพิ่งพูดจบไปอยู่ในวัยสี่สิบ เขาสวมชุดสูทสีกรมและใส่เจลจนผมเรียบแปล้ เขาดูเอาจริงเอาจังและเข้มงวดขณะมองไปที่กรรมการบริหารท่านอื่นด้วยความไม่เห็นด้วย

 

 

กรรมการบริหารร่างท้วมที่มีหน้าท้องใหญ่ยื่นตะโกน “เริ่นหงจื้อ! หยุดพูดจาแดกดันซะที! คุณพูดแบบนี้ได้เพราะเรื่องนี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับคุณนี่! คุณก็แค่คนมาทีหลังและมีพวกคนรุ่นใหม่หนุนหลังก็เท่านั้น คุณกล้ามาทำอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าผมงั้นเหรอ! คุณไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอิทธิพลและสถานะของผมในตระกูลเผยหรือไง”