ตอนที่ 207 ชายคนนั้นกลับมาแล้ว / ตอนที่ 208 เขากล้าทำได้ยังไง

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 207 ชายคนนั้นกลับมาแล้ว

 

 

เริ่นหงจื้อหน้าแดง “คุณ! กรรมการเฉียน คุณกำลังบังคับให้ผมแฉความจริงที่น่าสะอิดสะเอียนนั่นงั้นเหรอ พวกคุณทุกคนที่นี่ล้วนต่างใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานและอิทธิพลสูบเงินไปจากบริษัท พวกคุณรู้ดีว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป บริษัทล่มสลายแน่ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน! ”

 

 

เมื่อฟังเริ่นหงจื้อพูดเรื่องนี้ออกมา ทั้งกรรมการเฉียน ผู้อาวุโสเฝิง และคนอื่นๆ พากันเดือดดาลและทุบโต๊ะอย่างโกรธจัด

 

 

“เริ่นหงจื้อ! มีหลักฐานหรือไง ทำไมคุณถึงมองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเราต่างก็ทำงานถวายชีวิตเพื่อบริษัทมาเป็นสิบๆ ปี”

 

 

“คุณชักจะเหิมเกริมมากไปแล้ว! ประธานเผย คุณต้องมีคำอธิบายเรื่องนี้!”

 

 

“ใช่! ไม่งั้นเราจะนำเรื่องนี้ไปร้องเรียนท่านประธานบริษัท ท่านเผยเตือนคุณหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้แตะต้องเราสักคนเดียว ผมอยากรู้จริงๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเก้าอี้ประธานกรรมการของคุณถ้าท่านเผยรู้เรื่องที่คุณทำเข้า!”

 

 

กรรมการบริหารและผู้บริหารระดับสูงทุกคนรู้ว่าพวกเขามากประสบการณ์และได้รับการสนับสนุนจากท่านประธานบริษัท เพราะฉะนั้นพวกเขาพร้อมใส่ไม่ยั้งเมื่อถึงคราวต้องใช้การข่มขู่

 

 

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือหนาหูว่าเผยอวี้เฉิงป่วยหนัก พวกเขาเลยยิ่งนั่งไม่ติดเข้าไปใหญ่

 

 

เผยอวี้เฉิงย่อมมีคนที่เขาไว้ใจ แต่พวกนั้นส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ พวกของเขาที่มีเพียงหยิบมืออาจกล้าแสดงความคิดเห็น แต่พวกนั้นไม่มีทางต้านทานบรรดากรรมการบริหารรุ่นเก่าได้ มีก็แต่เริ่นหงจื้อเพียงคนเดียวที่กล้าต่อกรกับพวกเขา

 

 

ขนาดเฉิงมั่ว คนที่เผยอวี้เฉิงไว้ใจมากที่สุดยังนั่งนิ่งเงียบมาจนถึงตอนนี้ เขามองมาที่พวกเขาทั้งหมดด้วยแววตาที่แสดงความสงสารและเห็นใจ…

 

 

เผยอวี้เฉิงเข้ามารับช่วงกุมบังเ**ยนต่อเมื่อสองปีก่อน

 

 

ช่วงนั้นเองที่เขาเปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคน เขาเริ่มกลายมาเป็นคนสุขุมและสุภาพมากขึ้น จนทุกคนมองว่าเขาเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและเป็นผู้ดี ไม่มีใครคาดคิดแน่ว่าเมื่อสองปีก่อนเขาเคยเป็นคนยังไง…

 

 

เพราะถ้าพวกเขารู้ คงไม่มีใครกล้าเอะอะโวยวายอย่างที่ทำในวันนี้แน่

 

 

เผยอวี้เฉิงหยุดเคาะนิ้วขณะที่กลับมานั่งตัวตรง เขาจากนั้นมองพิจารณาผู้เข้าประชุมทีละคนก่อนเอ่ยปากตอบ “ดูเหมือนทุกคนจะไม่โอเคกับผม แต่ไม่จำเป็นต้องไปเรียนให้พ่อผมทราบหรอก”

 

 

กรรมการเฉียนยิ้มเยาะสะใจจนแก้มที่อวบอูมกระตุก “หึ…ไอ้คนอวดดี กลัวขึ้นมาแล้วเหรอ จะบอกอะไรให้นะ…สายไปแล้วละ พวกเราแจ้งเรื่องนี้ให้กับท่านเผยทราบแล้วและเราจะเดินทางไปประเทศเอ็มด้วยตัวเอง เราจะบอกให้ท่านทราบทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ!”

 

 

เผยอวี้เฉิงยังคงสงบนิ่งและแสดงท่าทีอย่างสุภาพ “กรรมการบริหารทุกท่าน อย่าวิตกขนาดนั้น ผมมีข้อเสนอที่จะทำให้ทุกคนพอใจ”

 

 

กรรมการบริหารทุกคนยิ้มอย่างผู้มีชัยเมื่อได้ยินสิ่งที่เผยอวี้เฉิงพูด

 

 

ไอ้เด็กนี่กำลังยอมจำนน!

 

 

“คุณควรพูดแบบนี้ตั้งแต่แรก!”

 

 

“เดี๋ยวก่อน อย่ามาทำเป็นพูดดี บอกเรามาว่าข้อเสนออะไร!”

 

 

“ถ้าฟังแล้วเราไม่พอใจละก็ เราไม่มีวันยอมเด็ดขาด!”

 

 

 

 

 

 

เผยอวี้เฉิงยิ้ม รังสีอำมหิตป่าเถื่อนบ้าคลั่งปรากฏอยู่ในแววตา

 

 

“ได้…”

 

 

เมื่อเฉิงมั่วลอบมองเผยอวี้เฉิง เขาก็ถึงกับหน้าถอดสี

 

 

เขากลับมาแล้ว ชายผู้ที่นำความสิ้นหวังมาให้แก่โลกใบนี้กลับมาแล้ว

 

 

กรรมการบริหารพวกนั้นนึกไม่ถึงแน่ว่าในอดีตเผยอวี้เฉิงบ้าระห่ำขนาดไหน คำว่า ‘น่าสะพรึงกลัว’ คงไม่พอที่จะใช้บรรยายตัวเขา

 

 

 

 

 

  ตอนที่ 208 เขากล้าทำได้ยังไง

 

 

ขณะที่เฉิงมั่วมองคนเหล่านั้น คำเดียวที่ผุดเข้ามาในความคิดของเขาเลยคือ ‘พวกโง่’

 

 

พวกนั้นไม่รู้เลยว่าชายคนนี้บ้าและอำมหิตขนาดไหน ถึงแม้เขาจะสวมหน้ากากเป็นชายหนุ่มสมบูรณ์แบบเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่เขาก็ทำได้ไม่ตลอดหรอก

 

 

ชายคนนี้ครอบครองความสามารถพิเศษที่คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจทำได้ แต่ในทางกลับกันความชั่วร้ายและความทมิฬหินชาติที่ซ่อนอยู่ในใจของเขาอาจทำลายล้างโลกใบนี้ได้ในทันทีที่มันถูกปลดปล่อยออกมา

 

 

เฉิงมั่วเฝ้ามองชายหนุ่มข้างตัวอย่างระแวดระวังพร้อมส่งสายตายำเกรงเป็นนัยๆ

 

 

“เข้ามา”

 

 

เผยอวี้เฉิงพูดอย่างนุ่มนวล

 

 

ทันทีที่เขาพูดจบใครบางคนก็ผลักประตูเปิดออกและคนหนุ่มสาวสามคนก็ก้าวเข้ามา

 

 

คนแรกเป็นชายหนุ่มผู้มีรอยยิ้มดุจดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิ เขาสวมชุดสูทสั่งตัดที่ประดับดอกทิวลิปสีขาวในกระเป๋าหน้าเสื้อซึ่งทำให้เขาดูสูงศักดิ์และสง่างาม

 

 

หญิงสาวท่าทางเย็นชาในชุดสูทสีดำเดินตามหลังชายคนแรกมา หน้าตาของเธอไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกและดูเป็นคนที่ยากจะเข้าถึง

 

 

คนสุดท้ายเป็นชายหนุ่มหน้าตาหมดจดใสซื่อ เขาไว้ผมลอนสีขาวและกำลังกินอมยิ้ม

 

 

“คนพวกนี้…”

 

 

เฉิงมั่วถึงกับร้อนใจเมื่อเห็นสามคนนี้…

 

 

ถึงแม้เขาอาจจะเป็นคนสนิทที่เผยอวี้เฉิงไว้ใจมากที่สุด แต่เขาไม่ได้เป็นคนที่มีความสามารถและฉลาดที่สุด

 

 

เหตุผลที่เขาสามารถอยู่เคียงข้างเผยอวี้เฉิงได้เพราะเขาเป็นคนที่สุภาพอ่อนโยนเหมาะกับงานนี้ที่สุด

 

 

แต่สามคนนั้น…

 

 

สามคนที่มาใหม่รีบปรี่เข้ามายืนข้างเผยอวี้เฉิงทันที ชายหนุ่มในชุดสูทโค้งคำนับเผยอวี้เฉิงด้วยความเคารพพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใสหล่อเหลาที่ประดับดวงหน้าอยู่ตลอดเวลา

 

 

บรรดากรรมการบริหารต่างพากันไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นสามคนนี้

 

 

กรรมการเฉียนพูดด้วยความรำคาญ “พวกเขาเป็นใคร คิดว่าที่นี่คือที่ไหนกันฮะ ปล่อยให้เข้ามาง่ายๆ ได้ยังไงกัน”

 

 

ผู้อาวุโสเฝิงพูดอย่างฉุนเฉียว “ประธานเผย หยุดลีลาซะที แค่บอกเรามาว่าคุณต้องการทำอะไรที่จะทำให้เราทั้งหมดพอใจได้!”

 

 

“อ๋า…” ชายหนุ่มในชุดสูทยิ้มและกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “วิธีที่จะทำให้ทุกคนพอใจ…แน่นอนว่าคุณรู้คำตอบของคำถามง่ายๆ นี้อยู่แล้วนี่”

 

 

เขาหยุดพูดและยิ้มสดใส “ถ้าบรรดาคนที่ไม่พอใจหายไปกันหมด…เพราะฉะนั้นก็จะเหลือแต่คนที่พอใจ”

 

 

แม้ว่าชายหนุ่มจะกำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้ทุกคนตัวสั่นเทา

 

 

พวกเขาไม่รู้เลยว่าหนุ่มสาวสามคนนี้เข้ามาทำไม บรรยากาศตึงเครียดชวนอึดอัดแผ่ปกคลุมล้อมรอบทั่วห้องประชุม

 

 

แม้แต่คำพูดของชายหนุ่มก็ทำให้พวกเขาขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ

 

 

เมื่อกรรมการเฉียนได้ยินคำขู่เป็นนัยๆ นี้ เขากำหมัดทุบโต๊ะอย่างแรง “เผยอวี้เฉิง! นี่มันหมายความว่าอะไร คุณกำลังขู่ผมเหรอ…”

 

 

ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ ดอกทิวลิปสีขาวก็พุ่งไปและเสียบลงบนมืออวบอ้วนตรึงเขาให้อยู่กับโต๊ะ

 

 

“อ๊ากกก”

 

 

กรรมการเฉียนร้องลั่นเสียงดังสะท้อนก้องไปทั่วห้อง

 

 

เกือบทุกคนผวาขณะมองมือที่อาบไปด้วยเลือดของเขาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

 

 

เขากล้าทำร้ายหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัทท่ามกลางประจักษ์สายตาของคนมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน

 

 

และชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร ไม่มีใครเห็นว่าเขาทำแบบนั้นได้ยังไง เขาใช้ดอกไม้แทงมือกรรมการเฉียน ได้อย่างไรกัน