ถึงแม้หมูต้มจิ้มน้ำจิ้มจะเป็นอาหารจานเย็นบ้านๆ ที่แสนธรรมดา แต่กลับเป็นที่นิยมไปทั่วทุกสารทิศ คนกินรสมันเลี่ยนก็ชอบกิน เพราะสามารถทำน้ำจิ้มให้เผ็ดและหอม คนกินรสจืดก็ชอบ เนื้อหมูที่ต้มเสร็จแล้ว ขอเพียงจุ่มซีอิ๊วเล็กน้อยก็ทำให้รู้สึกอยากอาหารแล้ว
หลังจากเซี่ยยวี่หลัวลอกหนังหมูและล้างจนสะอาด ก็ใส่เนื้อหมูลงไปในหม้อน้ำเย็น ต้มด้วยไฟแรงจนเดือด ตักฟองอากาศออก ชะล้างหนึ่งครั้ง ใส่พริกหมาล่า จันทน์แปดกลีบ พริกไทย ต้นหอม และขิงต้มรวมกันจนเดือด หลังจากต้มด้วยไฟแรงจนเดือด จึงต้มต่อด้วยไฟอ่อน
ระหว่างนั้น เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้อยู่นิ่ง เริ่มเตรียมน้ำจิ้ม
หมูต้มจิ้มน้ำจิ้มนั้นนอกจากตำแหน่งของเนื้อและวิธีการปรุง รวมถึงระยะเวลาในการต้มที่สำคัญเป็นอย่างมาก อีกสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจิตวิญญาณ ก็คือตัวน้ำจิ้ม
หั่นต้นหอมสดใหม่เป็นท่อนๆ สับกระเทียมและพริกจนละเอียด ใช้อัตราส่วนซีอิ้วหนึ่งช้อนต่อน้ำส้มสายชูสองช้อน ใส่เกลือเล็กน้อย ใส่กระเทียม ต้นหอม และพริกที่หั่นไว้แล้วเข้าไปในถ้วย หลังจากคนน้ำจิ้มจนเข้ากัน นางเติมน้ำตาลเล็กน้อย เหยาะน้ำมันงาจำนวนหนึ่ง น้ำจิ้มก็เสร็จแล้ว
เนื้อหมูในหม้อต้มจนได้ที่แล้ว เซี่ยยวี่หลัวเปิดฝาออก ไอน้ำสีขาวจากหม้อลอยฟุ้งขึ้นเบื้องหน้านาง ประหนึ่งหมอกเทพเซียนก็มิปาน
ซ่งฉางชิงพิงอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร มองดูเทพธิดาผู้งามสง่าท่ามกลางหมอกเทพเซียนสีขาวที่ฟุ้งกระจาย
เขาหรี่ตาทั้งคู่ทันที
เซี่ยยวี่หลัวหยิบตะเกียบมาเสียบเนื้อหมู ต้มเสร็จแล้ว นางรีบยกขึ้นมา ตากจนเย็นแล้ว จึงตัดชั้นไขมันส่วนใหญ่บนเนื้อหมูออก หั่นเป็นแผ่นบางๆ จัดเรียงเนื้อหมูแผ่นบางไว้บนจานอย่างเป็นระเบียบ ข้างจานมีน้ำจิ้มที่นางทำเสร็จเมื่อครู่วางอยู่
ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ เซี่ยยวี่หลัวจึงเรียกสติคืนกลับมา ทุบเอวที่ปวดเมื่อยเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มพร้อมกล่าว “เสร็จแล้ว! ”
ท่าทางที่นางยิ้มจนตาหยี เหมือนจิ้งจอกตัวน้อยเสียจริง
ทั้งน่ารักทั้ง…
นางหันมองไปรอบด้าน กลับเห็นซ่งฉางชิงเพียงคนเดียว
“พ่อครัวหยวนเล่า? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถาม “ข้าให้เขาคอยดูว่าปรุงอาหารอย่างไรไม่ใช่หรือ? ”
ซ่งฉางชิงก็รู้สึกประหลาดใจ “ไม่ทราบเช่นกัน อาจมีธุระอะไร จึงไปก่อนแล้ว! อาหารนี่ เจ้าทำเสร็จแล้วงั้นหรือ? ”
“อื้ม ทำเสร็จแล้ว มา ท่านซ่งลองชิมดู” เซี่ยยวี่หลัวยกจานขึ้น ยื่นส่งไปตรงหน้าซ่งฉางชิง
ซ่งฉางชิงมองเนื้อหมูแผ่นบางแต่ละชิ้นที่จัดวางอยู่บนจานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตัวเนื้ออ่อนนุ่ม กลิ่นหอมน่ากิน น้ำจิ้มที่วางอยู่ข้างๆ มีกลิ่นหอมแผ่ออกมา
บนน้ำจิ้มมีเศษพริกที่โดนสับจนละเอียดลอยอยู่ ประกอบกับกระเทียมสีขาวและต้นหอมสีเขียว สีแดง สีเขียว สีขาว สีสันช่างดูดีเสียจริง!
เขาไม่ได้เคลื่อนไหว
เขารู้จักพริกเหล่านั้น นั่นเป็นพริกที่ทางห้องครัวซื้อมาโดยเฉพาะ รสชาติเผ็ดยิ่งนัก!
เขาไม่กินอาหารรสเผ็ด ไม่กินแม้แต่น้อย!
เซี่ยยวี่หลัวหยิบตะเกียบขึ้นมาหนึ่งคู่ ยื่นส่งให้ซ่งฉางชิงพร้อมกล่าว “เนื้อหมูนี่ต้องจิ้มน้ำจิ้มกิน ท่านซ่งลองชิมดู รสชาติดีมากทีเดียว! ”
ดวงตาของนางทั้งโตและสว่างสดใส ยามมองดูอีกฝ่าย ราวกับสามารถสื่อสารเป็นถ้อยคำได้
ซ่งฉางชิงรับตะเกียบมาด้วยสติเลื่อนลอย ภายใต้สายตาของเซี่ยยวี่หลัวที่คอยจับจ้อง หยิบตะเกียบขึ้น
เขาคีบเนื้อส่วนปลายสะโพกขึ้น
เขาไม่ชอบกินของมัน จึงคีบเนื้อหมูชิ้นที่ไม่ติดมันขึ้นมา
เซี่ยยวี่หลัวชี้ไปทางน้ำจิ้มข้างๆ ยิ้มจนคิ้วงามโก่งโค้งพร้อมกล่าว “จิ้มเจ้านี่ รับรองว่าท่านกินจนหยุดไม่ได้แน่นอน”
ซ่งฉางชิงมองดูเศษพริกที่ลอยอยู่บนผิวน้ำจิ้ม ก่อนหันมองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง
ยามนี้เซี่ยยวี่หลัวกำลังเงยหน้ามองเขาพอดี
ดวงตาของนางใสสะอาดแฝงเร้นด้วยประกายปราดเปรื่อง ฉายประกายแสงระยิบระยับราวกับสามารถสะกดวิญญาณได้
เซี่ยยวี่หลัวเห็นซ่งฉางชิงมองตัวเอง จึงตวัดมุมปากแย้มรอยยิ้มเล็กน้อย ดวงตาที่เดิมทีก็ยาวรีเล็กน้อยดูมีมุมองศาและยาวยิ่งขึ้น
นางยิ้มแล้วช่างดูดียิ่งนัก
จิตใจที่นิ่งสงบพลันสั่นไหว สติเลื่อนลอย ซ่งฉางชิงคีบเนื้อหมูในมือไปจุ่มน้ำจิ้มที่อยู่ข้างๆ
สุราขมผสมกับซีอิ๊ว ทั้งยังมีพริกหั่นละเอียดติดมาด้วย
เนื้อหมูสีขาว ซีอิ๊วสีดำ พริกสีแดง ต้นหอมสีเขียว กระเทียมสีขาวที่สับจนละเอียด เนื้อหมูหนึ่งชิ้น ถูกย้อมด้วยสีสันไม่น้อย
กลิ่นทั้งเผ็ดละหอมกระตุ้นต่อมอยากอาหารมากแล้ว
ซ่งฉางชิงไม่ได้คิดด้วยซ้ำ เคี้ยวสองที ก็กลืนลงไป
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “เป็นอย่างไร รสชาติไม่เลวใช่หรือไม่? ”
รสชาติดีเสียยิ่งกว่าอะไร เนื้อหมูหอมอร่อย พอกลืนลงไป ยังมีกลิ่นหอมหลงเหลือในปาก
ซ่งฉางชิงพยักหน้า “อืม ไม่เลวเลย”
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้มทันที “ข้าบอกแล้วว่าต้องอร่อย”
พอนางแย้มรอยยิ้ม ก็ราวกับว่าทั้งฤดูใบไม้ผลิได้มาเยือน
ริมฝีปากซ่งฉางชิงเริ่มชาและร้อน ใบหน้าขึ้นสีแดง คล้ายกับดื่มสุราจนเมาอย่างไรอย่างนั้น
เขาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ หมายจะบรรเทาความเผ็ด แต่ก็เสียแรงเปล่า นั่นเป็นพริกที่เผ็ดเสียยิ่งกว่าอะไรซึ่งเขาเป็นคนคัดสรรกลับมาเอง คนชอบกินเผ็ดย่อมชอบยิ่งนัก คนที่ไม่ชอบกิน…
อย่างเช่นตัวเขา เขาไม่ชอบกินเผ็ดจริงๆ พริกแม้เพียงน้อยนิด เขาก็ยังเผ็ดจนน้ำตาไหลได้
เซี่ยยวี่หลัวกำลังเพ่งสมาธิกับการอธิบายอาหารชนิดนี้ ไม่ทันสังเกตเลยว่า ซ่งฉางชิงเผ็ดจนแม้แต่ดวงตายังกลายเป็นสีแดง
พอกะพริบตา หยาดน้ำตาก็ไหลลู่ลงมา ซ่งฉางชิงรีบหันหลังไป เช็ดคราบน้ำตาที่หางตา จากนั้นจึงฟังเซี่ยยวี่หลัวกล่าวต่อด้วยดวงตาแดงก่ำ
ซ่งฝูที่อยู่ด้านนอกมาถึงโถงใหญ่ กำลังดูเหล่าลูกจ้างเตรียมงานกันอยู่ในโถงใหญ่
ช่วงเที่ยงก็จะเปิดร้านแล้ว โต๊ะเก้าอี้เช็ดจนสะอาดพอหรือไม่ ชามกับตะเกียบจัดวางไว้เป็นระเบียบหรือไม่ พื้นสะอาดหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดที่เขาต้องคอยตรวจสอบอยู่ทุกวัน
ระหว่างที่เขาใช้มือลูบขอบโต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่ริมหน้าต่าง ก็เห็นรถม้าที่ดูคุ้นตาเคลื่อนมาหยุดจอดอยู่หน้าประตูใหญ่
ซ่งฝูไม่มีแก่ใจจะตรวจสอบต่อ รีบวิ่งไปทางประตูใหญ่ ก็เห็นกู้ซินเยว่ประคองฮูหยินเฒ่าลงจากรถม้า
“ฮูหยินเฒ่า คุณหนูเยว่…” ซ่งฝูวิ่งลงบันได
เมื่อเห็นซ่งฝู ฮูหยินเฒ่ากู้ก็แสดงสีหน้าเมตตา “คุณชายเล่า? ”
ซ่งฝูกล่าว “ฮูหยินเฒ่า คุณชายอยู่ด้านใน กำลังลองอาหารใหม่ขอรับ! ”
“หืม? ” ฮูหยินเฒ่ากู้รู้สึกยินดี “มีอาหารใหม่อีกแล้วงั้นหรือ? เร็ว พาข้าไปชิมบ้าง! ”
กู้ซินเยว่ที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มพร้อมกล่าว “ญาติผู้พี่ช่างเก่งกาจนัก เพิ่งเปิดตัวอาหารใหม่ไป ก็มีอาหารใหม่มาอีกแล้ว! ”
มีอาหารใหม่ก็หมายความว่ากิจการของเซียนจวีโหลวจะเจริญขึ้น ฮูหยินเฒ่ากู้รู้สึกยินดียิ่งนัก “เร็ว พาข้าไปดู! ”
ซ่งฝูนำทางอยู่ด้านหน้า ฮูหยินเฒ่ากู้และกู้ซินเยว่ตามอยู่ข้างหลัง มายังห้องครัวด้านหลัง
ยามนี้ห้องครัวด้านหลังทั้งยุ่งและคึกคักมาก