บทที่ 157
สูญเสียอย่างหนัก
กว่าเจียงหวายเย่จะทราบเรื่องนี้ก็อีกหนึ่งวันให้หลัง ถึงแม้เขาจะรีบแจ้งเรื่องนี้ให้หลินซีเหยียนทราบ แต่ก็ต้องใช้เวลาครึ่งวันในการควบม้ากลับมา
หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ เจียงหวายเย่ก็ได้เอายาที่ล้ำค่าในพระราชวังของเจียงหวายเย่ออกมา แล้วแอบนำไปให้ จงซู่เฟิงเพื่อรักษาชีวิตของเขา
ส่วนหลินซีเหยียนที่อยู่ห่างไกลถึงภูเขาอูอวิ๋นนั้น พร้อมด้วยเยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้ทำการช่วยเหลือแม่ทัพเฉิงที่บาดเจ็บสาหัส
ในวันนั้น แม่ทัพเฉิงได้ปฏิเสธที่จะฟังการทักท้วงและออกไปพบกับพวกโจร หลังจากที่พบกับฝ่ายตรงข้ามแล้ว เขาก็ต้องพบกับการซุ่มโจมตีเข้า เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเหล่าทหารก็สูญเสียอย่างหนักเช่นกัน แต่โชคยังดีที่เยี่ยจุนเจี๋ยมาถึงทันเวลา ไม่อย่างนั้นแม่ทัพเฉิงคงถึงแก่ชีวิตไปแล้ว
แต่ด้วยเหตุนี้เยี่ยจุนเจี๋ยจึงได้อาศัยโอกาสนี้เข้าจับกุมคนบนภูเขาทั้งหมดได้สำเร็จ และในเวลาเหตุการณ์ในภูเขาอูอวิ๋นนั้นก็ได้จบลงอย่างเป็นทางการ
ส่วนเรื่องของนักฆ่านั้น เพราะการเตือนของ เจียงหวายเย่ เยี่ยจุนเจี๋ยจึงได้เอาตัวรอดมาได้อย่างเฉียดฉิว
“เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ข้าเชื่อว่าลำพังแค่ท่านก็น่าจะเพียงพอแล้ว” หลินซีเหยียนที่กำลังขี่ม้าอยู่นั้น ก็ได้มองไปที่เยี่ยจุนเจี๋ย ที่ออกมาส่งนางด้วยยิ้มบนริมฝีปากของนาง “ข้ากำลังรีบ ข้าขอตัวก่อน”
เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้โบกมือให้หลินซีเหยียน “ถึงแม้ว่าจะเสียดายที่ข้าไม่สามารถร่วมเดินทางไปกับเจ้าได้ แต่ข้าก็ขอขอบใจน้องอวิ๋นเซวียนมากกับการช่วยเหลือของเจ้า”
แต่ออกเดินทางไปได้ไม่เท่าไร หลินซีเหยียนก็พลันนึกขึ้นได้ แล้วนางก็ได้หยิบเอาขวดยาในกระเป๋าของนางออกมาแล้วโยนให้กับเยี่ยจุนเจี๋ย “น้ำในลำธารบนภูเขานั้นมีพิษอยู่ นี่คือยาแก้พิษอย่าลืมเทลงไปได้ด้วยล่ะ”
เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้กล่าวว่าเขาจะจำให้ขึ้นใจ
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วขี่ม้าจากไป ส่วนเทียนเอ๋อนั้น เจ้าตัวแสบนั่นได้เสนอตัวที่จะอยู่ต่อเพื่อ “เฝ้าดู” ซึ่ง หลินซีเหยียนก็ได้ฝากเขาไว้กับชิงอวี่แล้วจากไป อย่างไรเสียที่นั่นก็ไม่มีอันตรายอะไรแล้ว
นางออกเดินทางต่อเนื่องโดยไม่หยุดแม้เพียงนาทีเดียว แล้วในที่สุดก็ได้กลับถึงเมืองหลวงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นของวันต่อมา
เมื่อหลินซีเหยียนกลับมาถึงเมืองหลวง ก็พบว่าองค์ชายจงซูเฟิงนั้นหมดสติไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเหล่าข้ารับใช้คนสนิทของจงซู่เฟิงทั้งช่างช่านและเหลยถิงนั้นต่างก็เชื่อว่ามีเพียง หลินซีเหยียนคนเดียวที่รักษานายท่านของพวกเขาได้แล้ว ก็เกรงว่าพวกเขาคงเอาเรื่องนี้ไปรายงานให้ฮ่องเต้เจียงทราบแล้ว
หลินซีเหยียนที่กลับมาถึงจวนมหาเสนาบดีก็ได้มุ่งตรงไปที่เรือนเชียนเหยียนทันที แต่ระหว่างทางนางก็พบกับหลินรั่วจิ่งเข้า เป็นผู้หญิงที่นางไม่รู้เลยว่ามาดีหรือมาร้ายกันแน่ แต่จะต้องมีแผนอะไรบางอย่างแน่นอน
“ท่านพี่ ทำไมท่านถึงได้ดูรีบร้อนนักล่ะเจ้าคะ?” มองไปที่หลินซีเหยียนที่หอบ หลินรั่วจิ่งก็ได้ถามอย่างสงสัย
เมื่อถูกหยุด หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย สีหน้าของนางนั้นดูสงบนิ่งมาก “ข้าพบสมุนไพรแล้ว ข้าจึงได้รีบนำมาปรุงให้กับองค์ชายจงน่ะ”
“เพื่อที่จะรักษาองค์ชายจง ท่านพี่ได้พยายามทำอย่างเต็มที่เลยสินะเจ้าคะ” หลินรั่วจิ่งก็ได้กล่าวอย่างอ่อนโยน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม “ไม่ทราบว่าขอข้าไปกับท่านพี่ด้วยได้ไหมเจ้าคะ?”
“ข้าเกรงว่าในเวลานี้องค์ชายจงคงไม่สะดวกที่จะรับแขก เอาไว้วันอื่นก็แล้วกันนะ!” โดยไม่อยากที่จะเสวนาไร้สาระกับหลินรั่วจิ่งต่อ หลินซีเหยียนก็ได้เมินนางแล้วเดินไปตามระเบียงต่อไป
หลินรั่วจิ่งก็ได้มองไปที่แผ่นหลังของหลินซีเหยียนด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก ถึงแม้ว่านางนั้นจะไม่ได้พบกับพี่สาวคนนี้มานานหลายปีแล้ว แต่นางก็รู้ดีว่าความสามารถด้านการแพทย์นั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเรียนรู้กันได้ในชั่วข้ามคืน และต้องใช้เวลาเป็นทศวรรษในการเรียน นางจึงได้ไม่เชื่อว่าหลินซีเหยียนนั้นจะเก่งขนาดนั้น นางจึงคิดว่าจะต้องมีใครที่คอยช่วยเหลือหลินซีเหยียนอยู่เป็นแน่
ที่นางไม่ยอมให้นางไปด้วยนั้น ก็เพราะเกรงว่าความลับจะถูกเปิดเผยล่ะสิ! หลินรั่วจิ่งก็ได้จ้องไปที่เรือนเชียนเหยียนแล้วสาบานในใจว่านางจะต้องพบกับหมอผีที่ทุกคนชื่นชมและหวาดกลัวให้ได้
หลังจากที่เข้ามาในเรือนเชียนเหยียน ก่อนที่จะได้พูดอะไร ก็มีคนวิ่งมาหานางซึ่งก็คือช่างช่านนั่นเอง ช่างช่านมีสีหน้าที่ประหลาดใจและตื่นตระหนก นางก็ได้รีบยื่นมือออกไปจับแขนของหลินซีเหยียน “แม่นางหลิน ได้โปรดรีบเข้าไปดูอาการของนายท่านด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
หลินซีเหยียนก็ได้ตบไหล่นาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นเพื่อปลอบช่างช่าน “ไม่ต้องกังวลไปนะ ข้าจะรักษาองค์ชายจงแน่นอน”
ช่างช่านก็ได้ผงกหัวแล้วทั้งสองคนก็ได้เข้าไปในห้องของจงซู่เฟิงด้วยกัน เดินผ่านเตียงไม้พะยูงไป หลินซีเหยียนก็ได้เข้ามาด้านในแล้วพบจงซู่เฟิงที่นอนหลับอย่างสงบอยู่ที่เตียง ถ้าไม่เห็นใบหน้าของเขาที่ซีดเซียวแล้ว หลินซีเหยียนก็คงคิดว่าแค่เขาหลับไปเฉยๆเท่านั้น
เดินเข้าไปหาใกล้ๆแล้วดึงมุมผ้าห่มที่คลุมตัวจงซู่เฟิงออก แล้วหลินซีเหยียนก็ได้จับชีพจรของเขาซึ่งพบว่าแปรปรวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจงซู่เฟิงนั้นกำลังจะตาย
หลินซีเหยียนจึงได้เปิดเปลือกตาของจงซูเฟิงแล้วจากนั้นก็ถ่างปากของเขาออก แล้วพบว่าลิ้นของเขามีสีม่วงหน่อยๆ ซึ่งทำให้นางเป็นกังวลขึ้นมา นางจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังโต๊ะไม้พะยูงแล้วหยิบเอาปากกาขึ้นมาเขียนสูตรยา “จากนี้ไป จะต้องทานยาตัวนี้สามมื้อต่อวัน”
ช่างช่านก็ได้รับเอากระดาษแผ่นนั้นมาแล้วผงกหัวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าน้อยจะจำไว้เจ้าค่ะ”
จากนั้นนางก็ได้รีบไปปรุงยา แล้วเหลือเพียงจงซู่เฟิง, เหลยถิงและหลินซีเหยียนอยู่ในห้องนี้ หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เหลยถิงอย่างครุ่นคิดแล้วกล่าว “ปิดประตูที ข้ามีเรื่องที่จะบอกท่าน”
เหลยถิงก็ได้ผงกหัวแล้วเดินไปที่ประตูแล้วปิด “แม่นางหลินกำลังคิดอะไรอยู่ เชิญบอกมาได้เลย”
“อาการของนายท่านของพวกท่านในเวลานี้ไม่ใช่เพราะโรคเรื้อรังกำเริบ แต่เป็นเพราะถูกพิษต่างหาก” หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาลงแล้วมองอย่างสงสัย “ซึ่งจากที่รู้กันข้านั้นเป็นคนเตรียมสมุนไพร แล้วคนต้มยาคือช่างช่าน และเจ้ามีหน้าที่คอยปกป้ององค์ชายจง แล้วพิษจะมาจากไหน?”
หัวข้อนี้หนักหนามาก แม้แต่เหลยถิงก็ยังมีสีหน้าที่มืดดำขึ้นมา “ช่างช่านกับข้าไม่มีทางทำร้ายคุณชายได้หรอก อย่างไรเสียคุณชายก็เป็นเหมือนความหวังของพวกเรา”
“ถ้าเป็นที่รัฐจงล่ะก็ใช่ แต่ที่นี่คือรัฐเจียงน่ะสิ ถ้าหากองค์ชายจงตายที่นี่ พวกเจ้าก็จะมีโอกาสใช้ชีวิตอย่างที่พวกเจ้าต้องการ และไม่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของใคร หรือต้องหวาดกลัวใคร ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ต้องคอยเอาใจเจ้านายทุกวัน และที่สำคัญที่สุดคือไม่มีใครมาคอยฉุดรั้งพวกเจ้าเอาไว้”
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาหงส์ไฟของนางลง แล้วยิ้มที่มุมปากอย่างเห็นได้ชัดเจน และมองไปที่เหลยถิงอย่างเงียบๆ
และรู้สึกได้ว่าแม่นางหลินนั้นกำลังสงสัยเขาอยู่ ซึ่ง เหลยถิงก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะเขารู้ดีว่าแม่นางหลินทำเพื่อองค์ชายของพวกเขา และเขาเองก็มีแรงจูงใจ แต่เพราะตัวเขานั้นย่อมไม่มีทางที่ทำอะไรที่ผิดต่อองค์ชายแน่ เพราะองค์ชายนั้นคือผู้ช่วยชีวิตของเขา
“แม่นางหลิน ช่างช่านและข้าไม่ทำอะไรเช่นนั้นแน่ ทำไมท่านถึงไม่สงสัยคนของท่านบ้าง?” เหลยถิงก็ได้มองไปที่ หลินซีเหยียน ด้วยแววตาที่แหลมคมที่ปรากฏในดวงตาของเขา
“เหลยถิง เจ้าคงไม่เคยได้ยินคำว่าหากจะสงสัยใคร จงอย่าสงสัยลูกน้องของตัวเองสินะ”
ด้วยเสียงที่ใสและเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจเช่นเคยของนางนี้ ทำให้ผู้คนนั้นต้องเชื่อนางอย่างช่วยไม่ได้ แต่ถ้าเขาเชื่อเช่นนั้นแล้วใครกันล่ะจะเป็นผู้ที่วางยาองค์ชายกันล่ะ…
องค์ชายนั้นดีกับช่างช่านมาก ช่างช่านย่อมไม่กล้าทำร้ายเขาแน่
จึงได้จบบทสนทนาแต่เพียงเท่านั้น เป็นการพูดคุยที่ไม่ต้องการพูดให้จบ เพราะอาจจะมีคำพูดที่ไม่สร้างสรรค์หลุดออกมาก็ได้ จำเป็นที่เขาจะต้องทำการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว
ในขณะที่ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอยู่นั้น เสียงของช่างช่านก็ได้ดังออกมาจากด้านนอก “ยาได้แล้วเจ้าค่ะ”
เหลยถิงก็ได้สงบอารมณ์ของเขาแล้วออกไปเปิดประตู
“นายท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ”?
ช่างช่านก็ได้นำยาเข้ามาในห้องนี้แล้ววางถาดไว้บนโต๊ะ นางได้หยิบชามยาขึ้นมาแล้วเดินไปหาองค์ชายจงเพื่อเตรียมป้อนยาให้เขา