บทที่ 134 เรื่องยิบย่อยของท่านเซียนกับข้า

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 134 เรื่องยิบย่อยของท่านเซียนกับข้า
เมื่อได้ฟังเถ้าแก่ซ่งกับพวกหลิวไท่อี่พูดประจบแล้ว เสิ่นเทียนเอามือกุมหน้าผากด้วยความจนปัญญา

แม้เจ้าพวกนี้จะเป็นคนที่มีความสามารถ พูดจาก็น่าฟังอีก แต่จะเกาะติดเกินไปหรือไม่

ตามอย่างกับยาสีฟันหนังหมา ข้าไปตั้งแผงลอยที่ใด พวกเขาก็จะตามไปที่นั่น และที่สำคัญกว่านั้นคือเหนือศีรษะเจ้าพวกบ้าอย่างเถ้าแก่ซ่งยังมีภาพโชคลิขิตจริงๆ และชัดเจนมากด้วย

นี่ไม่แปลก ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้โชคดีได้รับแก่นรากต้นกำเนิดอัสนีเทพส่วนหนึ่งในร้านวิญญาณสวรรค์ ดวงชะตาจึงเพิ่มขึ้นมาก

ตอนนี้คนที่ดวงชะตาต่ำที่สุดในพวกเขาก็มีวงรัศมีสีเขียวเข้มแล้ว เถ้าแก่ซ่งที่ดวงชะตาสูงสุดยังปรากฏจุดสีแดง

แม้แต่ทั้งเมืองเล็กหมอกลับแล พวกเถ้าแก่ซ่งก็ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีดวงชะตาสูงสุดในนั้นเช่นกัน ด้วยดวงชะตาของพวกเขา การเดินทางมาฝึกฝนหาสมบัติในที่ราบหมอกลับแลก็ต้องได้โชคลิขิตเป็นเรื่องธรรมดามาก

ในเมื่อโชคลิขิตมาส่งถึงหน้าบ้าน ไม่เกาะไปหน่อยก็ไม่ใช่แนวทางของเสิ่นเทียนแล้ว

เขามองพวกเถ้าแก่ซ่งพลางพูดยิ้มๆ “เจ้าโง่ พวกเจ้ามันโง่เขลา ช่างเถอะ วันนี้ได้พบกันที่นี่ก็ถือว่าเป็นโชคชะตาของเรา”

เอ่ยจบแล้วเขาก็พูดนิ่งๆ ต่อ “เถ้าแก่ซ่ง เจ้าเข้ามา”

ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ให้ข้าเข้าไป หรือว่าจะชี้แนะให้ข้าไปหาโชคลิขิตกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้น เถ้าแก่ซ่งก็กดความตื่นเต้นในใจไว้ก่อนรีบเดินเข้ามา “สาวกมาแล้วขอรับ!”

เสิ่นเทียนเอ่ยนิ่งๆ “วันนี้เจ้ามีวาสนากับข้า เดินไปตามทางที่ข้าชี้แนะก็จะได้โชคลิขิต”

กล่าวจบ เสิ่นเทียนก็ยื่นมือออกมาช้าๆ กดตรงระหว่างคิ้วเถ้าแก่ซ่ง ข้อมูลสายหนึ่งส่งผ่านพลังจิตออกไป

นี่คือทักษะที่ต้องบรรลุถึงระดับสร้างฐานถึงจะสำแดงได้ หรือก็คือวิธีสำหรับการใช้ถ่ายทอดวิชาลึกล้ำ ก็เหมือนกับคัมภีร์มารสู่สุริยันกับจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์ ในตัวมันมีพลังจิตที่ไม่บุบสลายอยู่

เมื่อชนรุ่นหลังต้องการรับมรดก แค่กระตุ้นตราประทับจิตสัมผัสก็ได้รับสืบทอดแล้ว แน่นอนตอนนี้เสิ่นเทียนอยู่แค่ระดับสร้างฐาน จิตสัมผัสยังอ่อนแอมาก

เขาเลยได้แต่ฝืนใช้จิตสัมผัสส่งแผนที่เล็กๆ ให้หน้าต่อหน้า ขอแค่เถ้าแก่ซ่งเดินไปตามแผนที่เล็กที่เสิ่นเทียนให้ก็จะเจอกับโชคลิขิตนั้น

เมื่อรู้สึกถึงข้อมูลที่เสิ่นเทียนส่งมา เถ้าแก่ซ่งพลันมีสีหน้าดีใจยิ่ง “ขอบคุณท่านเซียน! ขอให้ท่านเซียนวางใจ ถ้าข้าได้โชคลิขิตแล้วจะต้องซาบซึ้งในบุญคุณ ไม่ลืมบุญคุณยิ่งใหญ่ที่ท่านเซียนชี้แนะแน่นอน!”

เสิ่นเทียนพยักหน้าอย่างเฉยชา “ข้าเคยบอกแล้วว่าหากเป็นผู้มีวาสนาจะไม่รับแม้แต่แดงเดียว หากเป็นผู้ไร้วาสนามีหมื่นตำลึงทองก็ไม่รับ โชคลิขิตของพวกเจ้ามาถึงแล้ว ได้โชคลิขิตแล้วก็ให้ไปเลย อย่ามัวพิรี้พิไร

ข้าส่องดูโหราศาสตร์ในยามราตรี ดวงดาวที่นี่เปลี่ยนทิศ งูมังกรขึ้นบก เกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โชคลิขิตไม่อาจรับได้ถึงที่สุด หัวใจก็จะละโมบถึงที่สุดไม่ได้เช่นกัน สิ้นสุดคำพูดตรงนี้ จำเอาไว้ให้ดี”

เถ้าแก่ซ่งพยักหน้าอย่างจริงจัง “ขอให้ท่านเซียนวางใจ ถ้าข้าได้โชควาสนาแล้วจะมารับใช้อยู่ข้างท่านเซียน”

ตลก มีท่านเซียนชี้แนะทิศทางในเมืองเล็กหมอกลับแล ตนยังต้องเหนื่อยไปหาสมบัติเองอีกหรือ ก็เหมือนกับว่าเมื่อครู่เสิ่นเทียนมอบสมบัติล้ำค่าในข้อมูลพลังจิตให้เถ้าแก่ซ่ง นั่นคือหวายจองจำเซียน!

อีกทั้งยังเป็นหวายจองจำเซียนยังอ่อนๆ อยู่ ถ้าดวงดีก็อาจจะกำราบได้

หวายจองจำเซียนชนิดนี้มีการเติบโตที่แข็งแกร่งมาก ทั้งยังเติบโตเร็วสุด ถ้าได้เป็นนายจริงๆ จะมีผลกับผู้ฝึกบำเพ็ญอย่างยิ่ง!

เถ้าแก่ซ่งตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว ถ้าตนหาหวายจองจำเซียนนี่พบก็จะกลับมาถวายให้ท่านเซียนทันที ขอแค่ได้ประจบท่านเซียนให้สบาย จากนี้ยังต้องกังวลว่าจะไม่ได้มหาโชคลิขิตสะเทือนโลกที่ดีกว่านี้อีกหรือ

เมื่อคิดได้ดังนั้น เถ้าแก่ซ่งก็วิ่งฉิวไปทางที่ราบที่กระแสหมอกเริ่มถอยกลับ

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนเบนสายตามองอีกหลายคนที่เหลือ “สยงเหมิ่ง เจ้าเข้ามา!”

สยงเหมิ่งเดินมาหน้าเสิ่นเทียนด้วยความตื่นเต้น ร่างองอาจห้าวหาญขยับหน้ามาอย่างเต็มที่ “ข้ามาแล้วขอรับ”

พอเห็นชายร่างกำยำเหมือนกับปีศาจหมีแพนดาตัวเป็นๆ แล้ว เสิ่นเทียนพูดด้วยความจำใจ “เจ้าเองก็มีวาสนา”

เมื่อพูดจบ เสิ่นเทียนยื่นมือมากดตรงระหว่างคิ้วสยงเหมิ่ง ส่งพลังจิตสายหนึ่งเข้าไป

เหนือศีรษะสยงเหมิ่งก็มีโชคลิขิตเช่นกัน แต่โชคลิขิตของเขาไม่ใช่หวายจองจำเซียน แต่เป็นว่านวัชระ

นี่คือหนึ่งในวัตถุดิบหลักในการหลอม ‘โอสถกายทองคำ’ กับ ‘ของเหลวกายทองคำ’ สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กายหยาบได้ในระดับสูง

เดิมทีสยงเหมิ่งมีร่างกายใหญ่โต ถือว่าเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการฝึกฝนวิชาหลอมกายเทพมาร ตอนนี้ก็กำลังพยายามฝึกควบวิชาหลอมกายอยู่ ถ้าได้ว่านวัชระตอนนี้ มันจะส่งผลกับบทหลอมกายวิชาหลอมกายจักรพรรดิอัสนีอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้หลังจากได้รับโชคลิขิตที่เสิ่นเทียน ‘มอบให้’ สยงเหมิ่งก็แทบจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับเผ่ามนุษย์สัตว์

“ขอบคุณท่านเซียน ขอให้ท่านเซียนอายุยืนหมื่นๆ ปี รอข้าได้โชคลิขิตก่อนข้าจะเชื่อฟังท่านเซียนทุกอย่าง!”

พูดจบ สยงเหมิ่งก็วิ่งหายลับไปตามทางที่เถ้าแก่ซ่งไป

…….

เมื่อเห็นเสิ่นเทียน ‘ทายสวรรค์ค้นวาสนา’ ให้คนอื่นเรื่อยๆ แล้ว จางอวิ๋นซีมีสีหน้ากังวลขึ้นมา

นางส่งกระแสจิตไปหา “ศิษย์น้อง เจ้าทายสวรรค์ค้นวาสนาให้คนอื่นถี่เช่นนี้ เกรงว่าจะโดนสวรรค์ริษยาเอานะ!”

คำพูดของจางอวิ๋นซีใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเลย ในโลกบำเพ็ญเซียนก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้สูงส่งเหนือชั้นที่ฝึกฝนวิถีแห่งการทำนายชะตา

แต่วิถีแห่งการทำนายชะตาของผู้สูงส่งพวกนี้ล้วนมีขีดจำกัดสูงสุด ถ้าส่องความลับสวรรค์ถี่มากเกินไปจะต้องถูกสวรรค์ลงทัณฑ์

ตอนนี้เสิ่นเทียนตั้งแผงลอยทำนายชะตาในเมืองเล็กหมอกลับแลอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้แล้ว ถ้าไม่แม่นก็ดีไป แต่ถ้าแม่นจริงๆ จะไม่เป็นการส่องความลับสวรรค์แบบต่อเนื่องกันหรือ

หากเป็นเช่นนั้น ถ้าโดนวิถีฟ้าแว้งกัดจริงๆ จางอวิ๋นซีจะทำอย่างไร!

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย “ช่วยไม่ได้ ข้ามีเนตรเทพส่องสวรรค์มาแต่กำเนิด กันวิถีฟ้าแว้งกัดได้ ขอแค่ข้าไม่ฝืนทำนายความลับสวรรค์สะเทือนโลก ไม่ชิงโชคลิขิตของผู้มีมหาดวงชะตา ก็จะไม่เป็นไร”

คำพูดของเสิ่นเทียนทำให้จางอวิ๋นซีโล่งอก ขณะเดียวกันในใจยังนึกถึงเรื่องที่เสิ่นเทียนเปิดได้จี้มังกรพยัคฆ์ในสวนหมื่นวิญญาณ

มิน่าเห็นๆ อยู่ว่าศิษย์น้องไม่ได้ใช้พลังจิตตรวจสอบแร่ลายแมงมุมนั่นเลย แต่กลับคาดการณ์ได้ว่าในนั้นมีจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์อยู่

ที่แท้ศิษย์น้องก็ไม่ได้ใช้วิชาค้นวิญญาณประเมินแร่เลย แต่เป็นวิชาส่องสวรรค์ที่ระดับสูงกว่า!

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนมั่นใจแล้ว จางอวิ๋นซีก็ไม่ว่าอะไรอีก

เสิ่นเทียนแบ่งข้อมูลให้ผู้มีวาสนาที่เหลือต่อ ให้พวกเขาไปเก็บเกี่ยวเอาเอง

ถึงอย่างไรเพื่อความปลอดภัยแล้ว เสิ่นเทียนก็ไม่คิดจะเข้าไปในที่ราบหมอกลับแลเองอยู่แล้ว

วงหมอกมืดกว้างสุดลูกหูลูกตา ทั้งยังหดได้ แค่มองก็รู้สึกไม่สบายใจแล้ว

สิ่งที่ควรค่าเอ่ยถึงคือหลังจากเสิ่นเทียนส่งภาพโชคลิขิตให้หลิวไท่อี่แล้ว เจ้านี่ไม่ได้ไปหาสมบัติเลย

ในความคิดเขาคือ ตอนนี้พวกเถ้าแก่ซ่งไม่อยู่ เป็นโอกาสทองในการประจบเพียงลำพัง เขาจะอยู่หน้าแผงลอยของท่านเซียนต่อ และเผยแพร่กฎของกลุ่มให้พวกผู้มีวาสนาคนใหม่ฟัง

แม้ลัทธิปรมาจารย์เซียนจะเปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ แต่กฎครึ่งหนึ่งก็ยังอยู่

วัฒนธรรมอันดีงามเช่นนี้ หลิวไท่อี่จะไม่ยอมให้สาวกใหม่มาทำลายเด็ดขาด

โชคลิขิตอะไรพวกนี้หาได้ตลอดเวลา โอกาสได้เสพบุญคุณของท่านเซียนสำคัญยิ่งกว่า

หลิวไท่อี่กอดความคิดนี้วางมาดยกม้านั่งมานั่งตรงปากตรอกเมืองเล็ก

เขากำลังรอ รอผู้มีวาสนาคนแรกกลับมา

…..

ในที่สุดราวครึ่งชั่วยามต่อมา ผู้ได้โชควาสนาคนแรกก็กลับมา

คนนี้ไม่ใช่พวกหลิวไท่อี่ แต่เป็นผู้มีวาสนาคนใหม่ที่เสิ่นเทียนพบในทีหลัง

เขามีพลังบำเพ็ญเพียงระดับสร้างฐานตอนต้น ครั้งนี้พบเบญจมาศวิญญาณครองคู่เกือบร้อยต้นจากการชี้แนะของเสิ่นเทียน!

เบญจมาศวิญญาณพวกนี้ล้วนเป็นสมุนไพรวิญญาณขั้นสอง สามารถหลอม ‘ยาน้ำพลอดรักยืนยาว’ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคู่รักผู้บำเพ็ญเซียนอย่างยิ่ง

ในตลาด เบญจมาศวิญญาณครองคู่ขั้นสองหนึ่งต้นขายได้หนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ แล้วเกือบร้อยต้นนี่ก็ได้เกือบแสนศิลาวิญญาณ

สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานแล้ว นี่คือทรัพย์สินค่อนข้างมากเลยทีเดียว สามารถเก็บไว้ใช้ได้นานมาก

หลังเห็นผู้มีวาสนาคนนี้กลับมาเมืองเล็กหมอกลับแลแล้ว หลิวไท่อี่ก็ตาเป็นประกายพร้อมกับเข้าไปต้อนรับ

“อืม สหาย เจ้าคิดจะเก็บโชคลิขิตแล้วกลับบ้านไปเลยหรือ

เลอะเทอะ สหายเจ้ามันเลอะเทอะ! เจ้านี่มันมองแค่การณ์สั้น! เจ้าลืมคำพูดของท่านเซียนไปแล้วรึ หัวใจจะละโมบถึงที่สุดมิได้!

เจ้าคิดว่านี่พูดให้ใครฟัง ก็เจ้าไง! ท่านเซียนไม่ต้องการ แต่เราจะไม่ให้ไม่ได้!

ท่านเซียนไม่ต้องการ นั่นคือไม่ขอสิ่งตอบแทน มีคุณธรรมสูงส่ง แต่เราไม่ให้ นั่นคือเราไม่รู้จักดีชั่ว รู้บุญคุณคนแต่ไม่คิดตอบแทน!

สหาย แซ่หลิวขอถามเจ้าคำเดียว เจ้าคิดว่าถ้าติดตามท่านเซียนจะสบายหรือไม่ เจ้าหวังจะต่อวาสนากับท่านเซียน สบายต่อไปเรื่อยๆ หรือจะสบายแค่ครั้งเดียวพอกันล่ะ แซ่หลิวมีประสบการณ์มาก่อน มาๆๆ สหายไม่ต้องรีบร้อน มาฟังเรื่องราวของท่านเซียนกับข้าก่อน”

………………………..