EP.129****การตัดสินกันของขอบเขตปราชญ์
“โล่!”
จางเหว่ยคำราม ทหารรักษาการณ์สิบนายของวิหารศักดิ์สิทธิ์ทยอยนำโล่มากั้นไว้ด้านหน้าทันที
ซือคงหนานหัวเราะเย็นชา “ยิงธนู!”
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”
ประกายแสงหลายสายบินว่อนอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ลูกธนูยิงเข้าใส่โล่จนเกิดเสียงดัง พร้อมกับเสียงของทหารของวิหารศักดิ์สิทธิ์หลายนายที่ร้องโหยหวนล้มลงกับพื้น เลือดนองเต็มพื้นหินในพริบตา
จางเหว่ยกระโจนออกไปขวางหน้าโล่ ระเบิดเสียงคำรามแล้วขว้างดาบออกไป!
“ฉึก!”
แทงทะลุร่างพลธนูสองนายจนไปตรึงอยู่บนประตูใหญ่ของวิหารศักดิ์สิทธิ์ในพริบตา
“จางเหว่ย!”
ซือคงหนานตะโกนออกมา ยกกระบี่พุ่งเข้าไป ประกายปราณยุทธ์ปรากฏขึ้นบนชุดเกราะ เขาหมุนแขนเบาๆ ทันใดนั้นก็ฟันออกไปหลายกระบี่ ส่วนจางเหว่ยที่แทบจะมือเปล่า ได้แต่ใช้หมัดกระชากวิญญาณมาต้านคมกระบี่เอาไว้ ปะทะกันรอบหนึ่งผ่านไปแขนสองข้างของจางเหล่ยก็เต็มไปด้วยบาดแผล เป็นเพราะพลังห่างชั้นกันมากเกินไป คนหนึ่งขอบเขตปฐพี อีกคนขอบเขตนภา ไม่มีทางรับมือได้อยู่แล้ว
“ฉึก!”
พลธนูค่ายเสินเวยแม่นยำมาก จางเหว่ยที่กำลังตะลึงพลันถูกยิงเข้าที่แขน บาดเจ็บแล้วบาดเจ็บอีก ถูกซือคงหนานฟันกระบี่ใส่จนต้องถอยไปหลังกำแพงโล่ อดสูยิ่งนัก
และในตอนนี้เอง เงาร่างผู้หนึ่งกระโจนออกมาจากวิหาร ประกายแสงสีครามสาดไปรอบทิศ
หลินมู่อวี่โกรธจัดขว้างมีดเสียงปีศาจมาแต่ไกลไปช่วยจางเหว่ย มีดเสียงปีศาจในท้องฟ้ายามราตรีเปล่งเสียงแหลมพุ่งโจมตีเข้าไปที่ลำคอของซือหนานคง การโจมตีนี้ถึงชีวิตได้!
“หือ?”
ประสาทสัมผัสของซือคงหนานที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตนภานั้นย่อมไม่ธรรมดา มีดเสียงปีศาจยังไปไม่ถึงตัวเขา แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความแหลมคมที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว จึงรีบก้มศีรษะลง หมวกเหล็กบนศีรษะถูกเฉือนออกไปชิ้นใหญ่ดัง “เคร้ง”
หลินมู่อวี่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใช้ฝีเท้าดาวตกมายืนขวางอยู่หน้าทหารรักษาการณ์ของวิหารศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว เขากางฝ่ามือรวมพลังสร้างกำแพงน้ำเต้า “เกร้งๆๆ” เสียงลูกธนูกระเด็นออกไป ขณะเดียวกันเขาก็ยกมือขวาขึ้นเบาๆ แสงอัสนีปรากฏขึ้นที่ระหว่างนิ้วมือทั้งห้า กระบี่เหลียวหยวนก็หมุนเป็นเกลียวขึ้นข้างกายห่างออกไปสองเมตรอย่างรวดเร็ว เกิดเปลวเพลิงรุนแรง!
“ไป!”
พลังสายฟ้าช่วยส่งกระบี่ที่ใช้อัคคีควบคุมให้พุ่งออกไป
ซือคงหนานรู้ความร้ายกาจของมัน จึงรีบถอยร่นไป เขากระทืบพื้นหินแล้วหมุนตัวอย่างรวดเร็วเพื่อหลบการโจมตีของเกลียวเพลิงมังกรคลั่ง กระบี่เหลียวหยวนโฉบเกราะอกของเขาไป พลังปราณที่เย็นเฉียบทำให้เกราะของเขาแตกสลายไปทันที เกิดเสียงดัง “เปรี้ยง” ขึ้นใส่กลุ่มพลธนูที่อยู่ด้านหลัง พลธนูเสียชีวิตไปสามนายในพริบตาเดียว
“เจ้า!”
ซือคงหนานยังคงหลบหลีกอยู่ มือสองข้างยันพื้นเอาไว้ ใบหน้าคล้ำเขียว “หลินมู่อวี่ ไอ้บัดซบ กล้านักนะ! ทหาร ทหารม้าโจมตีได้!”
เสียงฝีเท้าม้าด้านนอกดังกึกก้อง วินาทีถัดมา ทหารม้าค่ายเสินเวยร้อยกว่านายก็พุ่งเข้ามาในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ในมือแต่ละคนถือหอกเหล็กยาวอย่างน้อยสามเมตร หอกเหล็กของคนจำนวนไม่น้อยยังปรากฏพลังวิญญาณยุทธ์ขึ้นมาด้วย
จางเหว่ยเห็นสถานการณ์จึงรีบกล่าว “ท่านหลินจื้อระวังด้วย ทหารม้าเกราะดำของค่ายเสินเวยนั้นถูกขนานนามว่าเป็นทหารม้าอันดับหนึ่งในใต้หล้า!”
หลินมู่อวี่เองก็ทราบถึงความร้ายกาจ แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก หากเขาหนีไป กลุ่มทหารรักษาการณ์และครูฝึกของวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ฝีมือด้อยกว่าด้านหลังเขา อาจจะกลายเป็นเป้าสังหารของค่ายเวยเสินได้ และซือหนานคงก็นำสิ่งที่เรียกว่า “หลักฐานความผิด” มาด้วย น่าจะเตรียมการทั้งหมดไว้แล้ว ทหารรักษาการณ์วิหารและครูฝึกถูกสังหารก็คือตายเปล่า และอาจจะถูกตัดสินว่าปกป้องนักโทษอุกฉกรรจ์
“วิ้ง วิ้ง วิ้ง…”
กำแพงน้ำเต้าที่อยู่รอบตัวพลิ้วไหวช้าๆ มีดเสียงปีศาจยังคงหมุนอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่คว้ากระบี่เหลียวหยวนที่หมุนกลับมา สองมือจับกระบี่เหลียวหยวนแล้วพุ่งออกไป ด้านหน้ามีทหารม้าสิบกว่านายพุ่งเข้ามา และเมื่อเข้ามาใกล้ต่างก็ยกหอกเหล็กขึ้นแทงกำแพงน้ำเต้า น้ำหนักของทหารม้ารวมกับม้าศึกที่หนักกว่าร้อยกิโลกรัมรวมกับพลังโจมตีที่เกิดจากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแค่คิดก็รู้แล้ว
“เปรี้ยงงง…”
กระดองเต่าทมิฬชั้นนอกถูกแทงทะลุอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่โน้มตัวแล้วก็แทงกระบี่เหลียวหยวนเข้าที่ร่างของทหารม้านายหนึ่ง จากนั้นหมุนตัว ปราณยุทธ์ระเบิดออก ทำให้ทหารอีกคนหล่นลงจากหลังม้า แต่ด้านหลังเขายังถูกหอกเหล็กแทงเข้า ทหารม้านายหนึ่งพุ่งกระแทกเข้ามาพร้อมม้าอย่างทุ่มสุดชีวิต!
“ปึง…”
การกระแทกที่หนักหน่วงทำให้หลินมู่อวี่ถอยล้มลงไปกับพื้น เงยหน้าขึ้นก็เป็นประกายคมแหลมสองเส้นพุ่งเข้ามา ปราณยุทธ์ที่หุ้มกายแตกทลายในพริบตา โต้ตอบกลับไม่ทัน จึงรีบยกมือขึ้น คำรามเสียงต่ำ “รากพันธนาการ!”
เถาวัลย์หลายสายผุดขึ้นมาจากพื้นหิน พันธนาการขาม้าศึกของเหล่าทหารม้า ทำให้พวกเขาเหยียบกันเอง แต่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก เหล่าทหารม้ายังคงพุ่งเข้ามาจากด้านนอกไม่หยุดหย่อน
“จับกุมนักโทษหลินมู่อวี่ ใครขัดขวางก็สังหารมันซะ!” ซือคงหนานตะโกนอยู่ด้านหลังกลุ่มคน ตัวเขาเองก็รู้ว่าการจะจับเป็นหลินมู่อวี่นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
รู้ว่าสู้ไม่ได้ แต่ก็ไม่อาจไม่สู้!
หลินมู่อวี่ฝืนเร่งปราณยุทธ์ ตัดสินใจแน่วแน่ ทันใดนั้นเขางอตัวลงเล็กน้อย บนหมัดขวาปรากฏพลังงานสีเลือดขึ้น และในจังหวะที่ทหารม้าสิบกว่านายพุ่งเข้ามาหมายจะสังหารเขาก็ปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง!
หนึ่งประทีบพิฆาตชีวัน!
“เปรี้ยง…”
เสียงดังขึ้นไม่ขาดสาย ทหารม้าสิบกว่านายไม่ตายก็สาหัส ขนาดม้าศึกก็ล้มร้องครวญครางไปกับพื้น
“มะ…ไม่มีทาง…”
จางเหว่ยและกลุ่มครูฝึกมองตะลึงตาค้าง พลังการโจมตีของทหารม้าค่ายเสินเวยพวกเขารู้ๆ กันอยู่ แต่การโจมตีของหลินมู่อวี่เพียงครั้งเดียว กลับสังหารทหารม้าได้มากมายเช่นนั้น นี่ต้องเป็นพลังของขอบเขตปราชญ์แน่ๆ
……
ในตอนนี้ หลินมู่อวี่มีบาดแผลเต็มกาย แขนซ้ายมีธนูสองดอกปักอยู่ บนไหล่เองก็มีบาดแผลจากหอกเจ็ดแปดแผล การโจมตีพวกนี้ทำให้เกิดบาดแผลที่ผิวหนังและกล้ามเนื้อ แต่ไม่ได้บาดเจ็บถึงกระดูก อย่างไรก็ตามคัมภีร์หลอมกระดูกมังกรทำให้กระดูกของเขาหลอมกลายเป็นกระดูกมังกรที่แข็งแกร่งแทงไม่เข้า ไม่อ่อนแอแบบเมื่อก่อนอีกต่อไป
แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีพลังไร้ลักษณ์สายหนึ่งกดลงมาทำให้ของหลินมู่อวี่แทบจะไม่สามารถขยับตัวได้
“บังอาจนัก เป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ คิดจะขัดขืนหรือ”
น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมา หลินมู่อวี่เปื้อนเลือดเต็มตัว เงยหน้ามองไปด้านนอก
ภายใต้แสงจากเปลวเพลิง ร่างที่ผอมแห้งก้าวเข้ามาบนพื้นหินอย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวราวกับเพิ่มพลังพันธนาการไว้อีกชั้น หลินมู่อวี่รู้สึกเหมือนถูกตาข่ายนับหมื่นคลุมเอาไว้ ไม่อาจขยับตัวได้
“ฉึก ฉึก…”
ลูกธนูอีกสองดอกทะลุเข้าที่กลางอก สร้างความเจ็บปวดรุนแรง
หลินมู่อวี่คิดจะต่อต้าน แต่ไม่อาจต้านทานพลังนี้ได้โดยสิ้นเชิง
……
“ท่านเสินโหว…ท่านเสินโหวมาแล้ว,,,”
กลุ่มครูฝึกตกตะลึงตาค้าง หลายคนในนั้นถึงขั้นที่ขี่ม้าอยู่ก็ลงจากม้ามาคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น ตะโกนด้วยความเคารพ “คารวะท่านเสินโหว…”
เจิ้งอี้ฝานเป็นผู้มีเกียรติยศสูงสุดในกองทัพของจักรวรรดิ ในสายตาของเหล่าทหารเขาเหมือนกับพระเจ้า มีฐานะที่ดูเหมือนจะสูงกว่าจักรพรรดิด้วยซ้ำ
จางเหว่ยกลับกำหมัดแน่น กระโจนขึ้นไปด้านหน้าด้วยร่างกายที่บาดเจ็บ ขวางอยู่หน้าหลินมู่อวี่ มองเจิ้งอี้ฝานด้วยสายตาที่แผดเผา “ท่านเสินโหว มีอะไรก็ได้โปรดพูดกันดีๆ เถอะ…ใต้เท้าหลินจื้อต้องไม่ใช่นักโทษอุกฉกรรจ์แน่นอน!”
เจิ้งอี้ฝานยิ้มจางๆ “จางเหว่ย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ใช่นักโทษอุกฉกรรจ์”
คำถามนี้ทำให้จางเหว่ยยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่
“ทหาร”
เสียงของเจิ้งอี้ฝานราบเรียบ “มัดหลินมู่อวี่ไว้กับโซ่ตรวนสัตว์!”
ทหารค่ายเสินเวยสองสามนายขึ้นมาข้างหน้า ใช้โซ่เหล็กที่รูปร่างแปลกประหลาดมัดแขนและขาทั้งสองข้างของหลินมู่อวี่ ทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“พาตัวไป”
เจิ้งอี้ฝานสะบัดแขนเสื้อ กำลังจะจากไป
แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีพลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่งแผ่ขยายเข้ามาอย่างรวดเร็ว เหลยหงเดินออกมาจากกวิหารศักดิ์สิทธิ์อย่างช้าๆ เสียงดังกังวาน “พี่เจิ้ง พวกเราไม่ได้พบกันเสียนาน ท่านมาวิหารศักดิ์สิทธิ์กลับไม่แม้แต่ทักทายข้า ก็จะกลับไปแล้วหรือ”
เจิ้งอี้ฝานหันกลับมายิ้ม “พี่เหลยหงนี่เอง ที่จริงข้ามาครั้งนี้ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อันใด เพียงแค่จับกุมนักโทษที่กำลังหลบหนีอยู่เท่านั้น ในเมื่อเป็นคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นข้าก็ทักทายตรงนี้เลยแล้วกัน”
“พี่เจิ้งจะบอกว่าหลินจื้อก็คือหลินมู่อวี่หรือ”
เหลยหงยิ้มจางๆ “ถึงเขาจะเป็น…แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรมาก เพียงแต่หลินมู่อวี่เป็นคนที่องค์หญิงซีแห่งตระกูลถังเมืองซีไห่ไหว้วานวิหารศักดิ์สิทธิ์ไว้ ตัวเขามีป้ายเหล็กตระกูลถัง พี่เจิ้ง เกรงว่าวันนี้คงจะพาตัวเขาไปไม่ได้”
“เช่นนั้นหรือ”
เจิ้งอี้ฝานมองเหลยหง ไม่ได้กระทำอันใด แต่พื้นหินใต้เท้าค่อยๆ แตกร้าว พลังไร้ลักษณ์แผ่ขยายออกจากรอบตัว พุ่งใส่เหลยหง!
“เปรี้ยง!”
คลื่นพลังไร้ลักษณ์ระเบิดตรงหน้าของเหลยหง เคราของเหลยหงขยับเบาๆ มือสองข้างไพล่หลัง สายตามองเจิ้งอี้ฝานอย่างขบขัน พลังปราณของเขาแผ่กระจายออกอย่างรวดเร็ว
……
ยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์ทั้งสองคนใช้พลังขอบเขตเผชิญหน้ากัน กลุ่มครูฝึกตะลึงตาค้าง พวกเขารู้ว่าเสินโหวเจิ้งอี้ฝานเข้าใจวิธีการรบอย่างล้ำลึก เป็นเทพสงครามของจักรวรรดิในยุคนี้ แต่กลับไม่ได้รู้ว่าพลังของเจิ้งอี้ฝานจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ขนาดที่สามารถต่อกรกับเหลยหงผู้นำแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้!
“หลีกไปให้หมด!”
เหลยหงตะโกนเสียงดัง จางเหว่ยฉวยโอกาสนี้คว้าโซ่ที่มัดของหลินมู่อวี่ไว้และพาเขาเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ส่วนทหารค่ายเสินเวยที่อยู่ด้านหลังเจิ้งอี้ฝานกระจายกันออกไป ไม่มีใครคิดจะติดร่างแหไปด้วย
“เปรี๊ยะๆๆ…”
ขอบเขตของพลังกดแผ่ลงมา กำแพงของวิหารค่อยๆ แตกร้าวและร่วงหลุด พลังไร้ลักษณ์กำลังปะทะเข้าหากันอยู่กลางอากาศ ราวกับกองทัพทหารหลายหมื่นนายกำลังพุ่งห้ำหั่นกัน น้ำในสระกระเพื่อมขึ้นเป็นคลื่น มิติด้านในวิหารบิดเบี้ยวเพราะการปะทะกันของผู้แข็งแกร่งทั้งสอง
“เปรี้ยง!”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว คลื่นอากาศโจมตีออกไปรอบบริเวณ
ร่างของเจิ้งอี้ฝานสั่นน้อยๆ ใบหน้าเขียวคล้ำกล่าว “พลังของพี่เหลยหงก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว…”
สีหน้าของเหลยหงกลับซีดขาว กล่าวเสียงเรียบ “พี่เจิ้งเองก็เก็บซ่อนไว้อย่างลึกล้ำ”
……
และในตอนนี้เอง ด้านนอกมีเสียงจอแจวุ่นวายขึ้น เห็นเพียงคนสวมชุดขาวถือดาบพุ่งเข้ามา ใบหน้าร้อนรน ไม่ใช่ใครอื่นใด นั่นคือเฟิงจี้สิง
“ผู้ดูแลอาวุโส…” เมื่อเขาเห็นสีหน้าของเหลยหงก็ต้องตกใจ เขาไม่เคยเห็นเหลยหงดูอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน
เจิ้งอี้ฝานกล่าวอย่างเยือกเย็น “แม่ทัพเฟิงจี้สิงมาที่นี้มีเรื่องอันใดหรือ”
เฟิงจี้สิงประสานมือกล่าว “ท่านเสินโหว เมืองหยินซานส่งสารมา รวมกับครั้งก่อนที่องครักษ์อวี้หลินฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนลงไปรวบรวมหลักฐานด้วยตนเองนั้น พบว่าการตายของฮว๋าเทียนเจ้าเมืองหยินซานเป็นเพราะเขารนหาที่เอง ฝ่าบาททรงอภัยโทษให้แก่หลินมู่อวี่ นี่คือหนังสืออภัยโทษที่เขียนด้วยลายพระหัตถ์ของฝ่าบาท!”
เจิ้งอี้ฝานไม่แม้แต่จะมอง เขาหันหลังจากไปก่อนจะกล่าวขึ้น “แม่ทัพเฟิงช่างมีความสามารถเสียจริงๆ…”
……