ตอนที่ 221 เป็นแฟนที่ดีของผมก็พอ / ตอนที่ 222 นี่คือประธานเฉินของพวกเขาจริงๆ ใช่ไหม

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 221 เป็นแฟนที่ดีของผมก็พอ

 

 

ขณะที่ขับมาถึงสี่แยก สัญญาณไฟแดงก็ติดขึ้นพอดี

 

 

รถค่อยๆ ชะลอจนหยุดนิ่งในที่สุด สายตาของเฉินฝานซิงทอดมองไปด้านหน้า เฝ้าดูรถฝั่งตรงข้ามที่กำลังเลี้ยวไปทางซ้าย หลังจากที่รถคันนั้นผ่านไป เธอก็เงยหน้าขึ้นไปดูเวลาของสัญญาณไฟตรงหน้า

 

 

ป๋อจิ่งชวนเองก็มองไปทางด้านหน้าเช่นกัน นัยน์ตาดำขลับลึกล้ำจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง ยากจะหยั่งรู้ได้ว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่

 

 

ผ่านไปพักใหญ่ เสียงเรียบๆ ของเฉินฝานซิงถึงจะดังขึ้นมาเบาๆ

 

 

“ป๋อจิ่งชวน ตอนนี้ฉัน…เชื่อใจใครอย่างสนิทใจโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ ไม่ได้หรอกนะ คุณดีกับฉันมาก แต่ยิ่งคุณดีกับฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งกลัว…”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชาราบเรียบ “กลัวอะไร”

 

 

เฉินฝานซิงเบนสายตาจากด้านหน้าหันมามองใบหน้าด้านข้างที่แสนจะดูดีของชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลานั้นแฝงไปด้วยความเฉยเมย

 

 

“ฉันกลัวฉันจะตกหลุมรักคุณมากกว่าทุกคนที่ผ่านมาจนมากเกินไป ฉันกลัวว่าต่อให้ฉันจะแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็แบกรับผลลัพธ์ที่เลวร้ายไว้ไม่ไหว…ฉันเลิกคิดเรื่องพวกนี้ไม่ได้เลย เพราะในหลายปีมานี้ ทุกอย่างมันเป็นแบบเดิมซ้ำๆ เหมือนกันหมด…ฉันสูญเสียมามาก จนสิ่งที่ยังมีเหลืออยู่นั้น น้อยเหลือเกิน…”

 

 

ป๋อจิ่งชวนไม่ได้พูดอะไร สัญญาณไฟแดงข้างหน้าเริ่มนับถอยหลังสิบวินาที

 

 

จนกระทั่งไฟเหลืองกะพริบ จากนั้นไฟเขียวสว่างขึ้น ป๋อจิ่งชวนก็ยังคงไม่พูดอะไรสักคำ เพียงแค่ออกรถเพื่อขับผ่านสี่แยกนั้นไป

 

 

ดวงตาของเฉินฝานซิงส่องประกาย “คุณ…คุณไม่มีอะไรจะพูดเลยเหรอ จะตำหนิฉัน หรือโกรธฉัน หรือจะ…”

 

 

“ไม่มี” ป๋อจิ่งชวนเอ่ยปากพูดนิ่งๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่กลับตัดบทคำพูดของเธอได้อย่างง่ายดาย “ผมเข้าใจความกังวลของคุณดี คุณจะรู้สึกแบบนั้นต่อไปก็ได้ ส่วนเรื่องที่จะทำยังไงให้คุณเชื่อใจ นั่นเป็นสิ่งที่ผมควรทำ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหันหน้าไปมองเธอ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่งดงามสะอาดตา รอยยิ้มจางๆ ที่อ่อนโยนรับกับน้ำเสียงในลำคอที่ทุ้มนุ้ม

 

 

“คุณแค่ทำตัวเป็นแฟนที่ดีของผมก็พอ”

 

 

เฉินฝานซิงนิ่งอึ้งไปทันที ภายในใจรู้สึกซาบซึ้ง แต่ที่นอกเหนือจากนั้นคือความรู้สึกผิด

 

 

คนที่ฉลาดทันคนอย่างเขา จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าความรู้สึกที่เธอยับยั้งเอาไว้นั้นหมายความว่าอย่างไร

 

 

เธอเม้มริมฝีปากแน่น ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ยื่นมือไปจับมือเขาไว้ นิ้วมือทั้งห้าประสานระหว่างนิ้วของเขาไว้ไม่ยอมคลาย

 

 

ป๋อจิ่งชวน การเดิมพันครั้งนี้ บางที…ฉันเองอาจจะลองเสี่ยงให้มากขึ้นดู

 

 

ซิงเฉินกั๋วจี้เป็นของขวัญที่จีเฟิ่งเหมียนมอบให้เธอเพื่อฉลองที่เธออายุสิบแปดปีและกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

 

 

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ต่างประเทศ บริษัทประสบปัญหาจนแทบจะล้มกลางคัน กว่าจะยื้อมาถึงทุกวันนี้ได้ ทั้งยังพอจะเป็นที่รู้จักอยู่บ้างนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

 

 

ป๋อจิ่งชวนส่งเฉินฝานซิงที่ด้านล่างอาคาร ก่อนจะสอดสายสายตาไปมองยังตัวตึกที่สูงราวๆ สิบกว่าชั้น พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่เป็นสิ่งที่แม่ของคุณมอบให้คุณเพื่อรับขวัญการบรรลุนิติภาวะของคุณเหรอ”

 

 

“อื้ม แน่นอนว่าถ้าเทียบกับของพวกคุณมันยังห่างชั้นกันมาก”

 

 

“คุณคิดมากไปแล้ว” ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาสำรวจอาคารที่อยู่ตรงหน้า “ตอนจิ่งสิงบรรลุนิติภาวะ ที่บ้านให้เขาแค่รถสปอร์ตแม็คลาเรนรุ่นลิมิเต็ดคลาสคันหนึ่งเท่านั้น”

 

 

“จิ่งสิง? น้อยชายของคุณเหรอ ที่บ้านอาจจะแค่อยากตอบสนองความต้องการของเขาก็แค่นั้นล่ะมั้ง แล้วคุณล่ะ ของรับขวัญตอนบรรลุนิติภาวะของคุณคืออะไร”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหันหน้ามามองเธอ ดวงตาดำทมิฬคู่นั้นนิ่งสนิทราวกับน้ำ ระหว่างคิ้วทั้งสองราวกับกำลังคั่นกลางด้วยเมฆหมอกบนหุบเขาที่แสนห่างไกล

 

 

เฉินฝานซิงมองเขาด้วยสีหน้าแห่งความคาดหวัง สุดท้ายคิ้วของเขาค่อยๆ คลี่จนตรงเรียบ จากนั้นก็ตอบง่ายๆ เพียงไม่กี่คำ

 

 

เฉินฝานซิงนิ่งชะงัก ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

 

“เพราะงั้น คุณยังรู้สึกว่าการตอบสนองความต้องการมันใช้ได้สำหรับผมอยู่ไหมล่ะ”

 

 

เฉินฝานซิงส่ายหน้าอย่างเก้ๆ กังๆ “น่าจะใช้ไม่ค่อยได้เท่าไหร่…”

 

 

เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการพูดถึงประเด็นที่คอ่นข้างจะอ่อนไหวนี้ เฉินฝานซิงจึงรีบหันตัวไปเปิดประตูรถทันที “ฉันขึ้นไปก่อนนะ คุณขับรถดีๆ ล่ะ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนกำชับ “อย่าลืมล่ะ คืนนี้…”

 

 

“ไม่ลืมหรอก ฉันจะต้องพาชิงจือไปให้ได้”

 

 

ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้ว บนใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ ที่แทบจะสังเกตไม่ได้

 

 

“อืม ผมจะให้การต้อนรับเธอเป็นอย่างดี”

 

 

 

 

 

ตอนที่ 222 นี่คือประธานเฉินของพวกเขาจริงๆ ใช่ไหม

 

 

หลังจากเฉินฝานซิงลงจากรถไปแล้ว เธอเพิ่งจะมารู้สึกทีหลังว่าคำพูดของป๋อจิ่งชวนเมื่อครู่นี้ฟังดูราบรื่นกว่าปกติ ตอนนี้มาคิดๆ ดูอีกที กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ อยู่

 

 

แต่แปลกตรงไหนนั้น เธอก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

 

 

เธอเดินเข้าไปในบริษัท พลางคิดเรื่องนัดมื้อค่ำคืนนี้

 

 

เพียงแต่ยิ่งคิดถึงมัน เท้าของเธอก็ยิ่งก้าวไม่ออก

 

 

ทำไมถึงรู้สึก…

 

 

เหมือนกับโดนบังคับให้ไปพบผู้ปกครองยังไงยังงั้นเลยล่ะ

 

 

ฝีก้าวของเฉินฝานซิงช้าลงเรื่อยๆ สุดท้าย ระหว่างที่เดินไปถึงหน้าลิฟต์ คิ้วที่สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบก็ค่อยๆ ผูกติดกันจนแน่น

 

 

“ประธานเฉินสวัสดีค่ะ”

 

 

“ประธานเฉิน อรุณสวัสดิ์”

 

 

นานทีปีหนพนักงานจะได้เจอหน้าเฉินฝานซิงสักที ทุกคนต่างก็พากันเอ่ยคำทักทายเธออย่างกระตือรือร้น

 

 

เดิมทีเฉินฝานซิงก็เข้าบริษัทแทบจะน้อยมาก อีกทั้งทุกคนในบริษัททั้งตำแหน่งเล็กใหญ่ต่างก็ไม่มีข้อกังขาใดๆ ในการตัดสินใจของเธอ คนที่พัฒนาบริษัทที่กำลังจะล้มกลางคันขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ พวกเขาจะไม่นับถือชื่นชมคงไม่ได้

 

 

ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นกระแสอยู่บนอินเตอร์เน็ตช่วงนี้ ช่วงเวลาที่อ่อนไหวขนาดนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่อยากจะรนหาเรื่องเดือดร้อนแน่

 

 

เพราะฉะนั้น ท่าทางของพนักงานเหล่านี้ต่างก็ระมัดระวังและให้ความเคารพนอบน้อมเป็นพิเศษ

 

 

ในช่วงแรก เฉินฝานซิงยังคงพยักหน้าตอบรับเบาๆ กลับไปอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่แม้แต่จะหันไปตอบโต้อะไรเลยด้วยซ้ำ

 

 

เธอยกมือขึ้นมานวดหัวคิ้ว ยิ่งมาคิดๆ ดู ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองหลงกลป๋อจิ่งชวนเข้าแล้ว

 

 

ดูเหมือนว่า…จะเริ่มตั้งแต่คืนเมื่อวาน หรืออาจจะก่อนหน้านั้น

 

 

กล้ามเนื้อบนใบหน้าตึงแล้วก็คลาย คลายแล้วก็ตึงอีกครั้ง ทำเอาพนักงานที่กำลังรอลิฟท์อยู่พร้อมกับเธอใจเต้นตุ๊มต่อมราวกับกำลังเล่นรถไฟเหาะที่เดี๋ยวก็ขึ้นเดี๋ยวก็ลงอย่างน่าหวาดเสียว

 

 

ทว่า ผ่านไปไม่นานนัก ใบหน้าเหยเกของเฉินฝานซิง จู่ๆ ก็ยกมุมปาก ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ

 

 

ผู้ชายคนนี้…

 

 

สายตาของผู้คนทั้งโถงรอลิฟท์ต่างก็แสดงถึงความแปลกใจ ก่อนจะพากันหันไปมองทางเฉินฝานซิงด้วยใบหน้าตกใจกลัว

 

 

นี่มันปาฏิหาริย์ชัดๆ

 

 

ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นประธานเฉินของพวกเขายิ้ม แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นรอยยิ้มที่เป็นทางการที่สุดในขณะที่ตอบคำถามต่อหน้าสื่อหรือเผชิญหน้ากับลูกค้า

 

 

 นานๆ ทีที่จะมาปรากฏตัวที่บริษัท ซึ่งส่วนมากแล้วก็มักจะมาพร้อมกับใบหน้าไร้ความรู้สึก

 

 

รีบมาแล้วก็รีบไป

 

 

รอยยิ้มที่ออกมาจากใจเหมือนในตอนนี้นั้น พวกเขายังไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยจริงๆ

 

 

ประธานเฉินในลักษะนี้ทำให้รังสีความหยิ่งยโสก่อนหน้านี้ลดลงไปเท่าตัว

 

 

เพียงแค่รอยยิ้มเดียว ราวกับว่าเปลี่ยนภาพลักษณ์ของคนทั้งคนได้เลย

 

 

ใบหน้าเฉยชาถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงจากความเขินอาย ดวงตาที่ราวกับมีเกล็ดหิมะแฝงอยู่ด้านในคู่นั้นตอนนี้ราวกับมีคบเพลิงไฟที่แสนอบอุ่นถูกจุดติดขึ้น มุมปากโค้งดั่งพระจันทร์เสี้ยว ทั้งสง่าและงดงงาม ดูมีเสน่ห์สวยงามในแบบฉบับของหญิงสาวเผยออกมา

 

 

ชายหนุ่มหลายคนที่ยืนด้านข้างจ้องเฉินฝานซิงจนใจเต้นหน้าแดงก่ำ

 

 

นี่…ใช่ประธานเฉินของพวกเขาจริงๆ เหรอ

 

 

ที่แท้…เธอก็ยิ้มเป็น…

 

 

 ไม่ ไม่ ไม่ ใครๆ ก็ยิ้มได้ทั้งนั้น

 

 

ต้องบอกว่า ที่แท้ เธอยิ้มแล้วสวยขนาดนี้เลยเหรอ

 

 

ทว่ายังไม่ทันรอให้พวกเขาได้แอบมองจนหนำใจ ประตูลิฟท์ก็ถูกเปิดออกช้าๆ เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมา รู้สึกได้ว่ารอบตัวยังมีคนอื่นอยู่ด้วย ใบหน้าที่มีรอยยิ้มค่อยๆ หายไปก่อนจะกลับมาเป็นใบหน้าที่เย็นชาเหมือนกับที่ผ่านมาในทุกวัน

 

 

เมื่อโดยสารลิฟท์ขึ้นมาถึงบริเวณห้องทำงาน จู่ๆ ผู้ช่วยเฉิงลั่วหรานก็รีบวิ่งตามหลังมา “ประธานเฉิน พรุ่งนี้เจ้าพ่อจอเงินฉู่มีอัดรายการวาไรตี้ เริ่มอัดสิบโมงเช้า ถ้ารวมเวลาแต่งหน้าเสร็จสรรพแล้ว พวกเราจะต้องไปถึงสตูดิโอเก้าโมง เรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าพ่อจอเงินฉู่ คุณให้ดิฉันแจ้งล่วงหน้าหนึ่งวัน เพราะฉะนั้น…ท่านประธานตอนนี้มีแผนอะไรต่อไหมคะ”

 

 

เฉินฝานซิงก้มมองนาฬิกาข้อมือขณะที่กำลังเดินอยู่ แปดโมงสิบห้านาที

 

 

เมื่อนึกถึงอาการเหวี่ยงวีนหลังเพิ่งตื่นนอนที่น่าสยดสยองของฉู่อี้แล้ว เฉินฝานซิงได้แต่สูดหายใจลึก

 

 

“เลือกผู้ช่วยมาคนหนึ่ง พรุ่งนี้ไปเตรียมการที่นั่นพร้อมฉู่อี้”