ตอนที่ 223 ซ้อมบทตื่นนอน / ตอนที่ 224 ไม่มีใครสู้พี่ซิงของเขาได้เลยจริงๆ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 223 ซ้อมบทตื่นนอน

 

 

เฉิงลั่วหรานรีบตอบกลับ “ได้ค่ะ อย่างนั้นประธานเฉินยังมีอย่างอื่นให้จัดการอีกไหมคะ”

 

 

“ไม่มีแล้ว”

 

 

หลังจากที่เข้าไปในห้องทำงาน เฉินฝานซิงก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเสี่ยวเจ้าทันที

 

 

ปลายสายแทบจะกดรับภายในเสี้ยววินาที จากนั้นก็มีเสียงแหบพร่าในลำคอของเสี่ยวเจ้าดังลอดออกมา “ฮัลโหล พี่ซิง”

 

 

“ฉู่อี้ยังไม่ตื่นนอนอีกเหรอ” เฉินฝานซิงเข้าเรื่องทันทีไม่มีอ้อมค้อม

 

 

“อืม” เสี่ยวเจ้าเสียงอู้อี้อยู่ในจมูกราวกับจะร้องไห้เต็มที

 

 

ทุกครั้งที่เห็นว่าตอนเช้ามีประกาศใหม่ ความรู้สึกอยากตายเป็นหมื่นๆ รอบก็ถาโถมเข้ามาในจิตใจของเขา

 

 

อารมณ์หงุดหงิดตอนตื่นนอนของฉู่อี้รุนแรงอย่างกับภูเขาไฟประทุ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ หรือแม้แตไรฝุ่นก็หนีรอดไปไม่ได้

 

 

แล้วอย่างนี้ใครจะไปทนรับไหว

 

 

พอคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องปลุกฉู่อี้แต่เช้าตรู่ ไม่สู้ให้เขาเองไปตายเสียเลยจะดีกว่า

 

 

เฉินฝานซิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดผ่านปลายสายออกมา

 

 

“นายไปเอาน้ำมาจากห้องครัวมาหน่อย…”

 

 

เสี่ยวเจ้าสูดหายใจเฮือกใหญ่ ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ชั่วขณะจึงรีบส่ายหน้าด้วยความร้อนรน “ไมได้ ไม่ได้ ไม่ได้ พี่ซิง พี่จะฆ่าผมให้ตายหรือยังไง”

 

 

“คิดอะไรของนาย ฉันก็แค่จะให้นายช่วยรดน้ำดอกท้อที่ปักอยู่ในแจกันของฉันให้หน่อยก็แค่นั้น”

 

 

“…พี่ซิง ตอนนี้มันเวลาไหนแล้ว พี่ยังมีกะจิตกะใจมารดน้ำดอกไม้อีกเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงน้ำเสียงนิ่งขรึมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าดอกไม้ฉันเ**่ยว นายจะชดใช้ให้ฉันใช่ไหม”

 

 

“โอเค โอเค ผมผิดไปแล้ว ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ แต่ว่าพี่ซิง ฉู่อี้ตอนนี้…”

 

 

“อื้ม ไม่ต้องรีบ”

 

 

เสี่ยวเจ้าสูดหายใจเข้าลึกพลันรินน้ำออกมาหนึ่งแก้วด้วยความอดทน ก่อนจะเดินไปทางแจกันดอกท้อที่วางอยู่ในห้องนั่งเล่นแล้วเทน้ำลงไป

 

 

ไม่ต้องรีบงั้นเหรอ

 

 

ใช่สิ ตอนนี้ไม่รีบ พรุ่งนี้ได้รีบหัวหมุนแน่

 

 

แต่จะว่าไป ให้เขามาตั้งแต่เช้าขนาดนี้จะให้เขาทำอะไรกันแน่

 

 

เสี่ยวเจ้าได้แต่ถอนหายใจอย่างท้อแท้ในระหว่างที่กำลังรินน้ำลงไปในแจกันดอกไม้

 

 

ในขณะที่เพิ่งจะถอนหายใจออกมาได้ไม่นาน ทันใดนั้นเอง สัญญาณเตือนภัยเสียงดังสะเทือนแก้วหูก็ดังออกมาจากในห้อง

 

 

ทำเอาเขาตกใจขวัญกระเจิงจนต้องเอามือกุมขมับแล้วก้มต่ำหาที่มุดหลบไปทั่ว

 

 

“เกิดอะไรขึ้น”

 

 

เฉินฝานซิงได้ยินเสียงสัญญาญเตือนภัยทางโทรศัพท์ก็ยิ้มมุมปากออกมา “นายใส่น้ำเกินกำหนดแล้ว”

 

 

เสี่ยวจ้าว “…”

 

 

ผ่านไปยังไม่ทันถึงหนึ่งนาที ประตูห้องนอนห้องหนึ่งก็ถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน

 

 

ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเอาแต่ใจของเขาในตอนนี้กลายเป็นใบหน้าที่ดูเยือกเย็นราวกับรูปปั้นน้ำแข็งแกะสลัก แววตาเ**้ยมโหดน่าเกรงขาม ท่าทางราวกับจะฉีกใครบางคนออกเป็นชิ้นๆ ให้ได้

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” ยิ่งเอื้อนเอ่ยอกมา บรรยากาศรอบข้างก็ยิ่งหนาวเหน็บขึ้นมากว่าเดิม

 

 

เสี่ยวเจ้ากำโทรศัพท์ไว้แน่น โดยที่ยังไม่กล้าหันไปสบตากับใบหน้าบึ้งตึงของฉู่อี้ในเวลานี้มากเท่าไหร่นัก

 

 

“ยื่นโทรศัพท์ให้เขา” น้ำเสียงเย็นชาของเฉินฝานซิงดังขึ้นเบาๆ ข้างหู ประหนึ่งว่าได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว เสี่ยวเจ้าจึงรีบส่งโทรศัพท์ให้ฉู่อี้ด้วยความระมัดระวังในทีนที

 

 

“พี่ซิงน่ะ พี่ซิง…”

 

 

เป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากที่ฉู่อี้ได้ยินคำว่าเฉินฝานซิงชื่อนี้ เขาก็เก็บสีหน้าความหงุดหงิดลงไปไม่น้อย ก่อนจะรับโทรศัพท์ไป “มีเรื่องอะไร”

 

 

“วันนี้ซ้อมบทตื่นนอน พรุ่งนี้เช้าแปดโมงตรง ต้องตื่นเอง ตรงเวลาห้ามสาย ไม่งั้น ตอนนี้นายบอกมาได้เลยว่าอยากจะฟังเสียงสัญญาณเตือนภัยหรือว่าบรรเลงแตรวงชุดใหญ่ หรือว่าจะให้เชิญทีมเต้นแอโรบิคมาให้นายสักทีม นายเลือกเองเลย…”

 

 

“…”

 

 

ใบหน้าหล่อเหลาของฉู่อี้บ่งบอกถึงความระอาหนักกว่าเดิม

 

 

ผลปรากฏว่าเฉินฝานซิงกลับพูดขึ้นมาอีกว่า “ถ้ารู้สึกว่าเลือกยากมากล่ะก็ ฉันช่วยเลือกให้ก็ได้ พรุ่งนี้ถึงเวลานายตั้งตารอได้เลย”

 

 

เส้นเอ็นบนหน้าผากของฉู่อี้เต้นตุบๆ “ยัยปีศาจ”

 

 

เฉินฝานซิงไม่ปฏิเสธ “ฉันอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จังเลย”

 

 

พูดจบเธอก็วางสายไปทันที

 

 

ฉู่อี้ยืนจ้องโทรศัพท์อยู่นาน สุดท้ายก็ส่งโทรศัพท์คืนให้เสี่ยวเจ้าที่อยู่ด้านข้างไป

 

 

จากนั้น ในระหว่างที่เขากำลังจะเดินกลับเข้าห้องนอนไปก็ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นทั่วห้อง เขาได้แต่กัดฟันกรอด “จัดการปิดพวกเสียงบ้าๆ นี่ให้ฉันเดี๋ยวนี้”

 

 

 

 

 

 ตอนที่ 224 ไม่มีใครสู้พี่ซิงของเขาได้เลยจริงๆ

 

 

จากนั้น ในระหว่างที่เขากำลังจะเดินกลับเข้าห้องนอนไปก็ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นทั่วห้อง เขาได้แต่กัดฟันกรอด “จัดการปิดพวกเสียงบ้าๆ นี่ให้ฉันเดี๋ยวนี้”

 

 

 เสี่ยวเจ้าตกใจจนสะดุ้งโหยงอยู่กับที่ ก่อนจะตามหาสวิตช์เปิดปิดเสียงไปทั่วห้อง

 

 

ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความฉลาดหลักแหลมและไหวพริบของเขา จึงเทน้ำออกจากแจกันดอกไม้ออกเล็กน้อย ในที่สุด เสียงสัญญาณเตือนภัยก็หยุดลงได้เสียที

 

 

จากนั้น เขาก็ล้มตัวลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อยล้า

 

 

ซ้อมบทตื่นนอน?

 

 

ไม่มีใครสู้พี่ซิงของเขาได้เลยจริงๆ

 

 

 

 

หลังจากแก้ปัญหากวนใจปัญหาใหญ่ไปได้หนึ่งเรื่อง เฉินฝานซิงก็เริ่มวางแผนจัดการกับเรื่องใหญ่เรื่องที่สองทันที นัดสวี่ชิงจือไปกินมื้อค่ำคืนนี้

 

 

สวี่ชิงจือกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ในห้องทำงานพลางอ่านข่าวล่าสุดบนอินเตอร์เน็ต

 

 

ตอนที่เฉินฝานซิงโทรมา เธอกำลังอ่านข่าวที่น่าสนใจอยูข่าวหนึ่งพอดี

 

 

“ฝานซิง มีอะไรเหรอ”

 

 

“เอ่อ คืนนี้จะต้องหาเวลาว่างให้ฉันนะ จะพาเธอไปรู้จักกับคนคนหนึ่ง”

 

 

สวี่ชิงจือควบคุมเมาส์ ในขณะเดียวกันก็พูดตอบ “ได้สิ ยังไงช่วงนี้ฉันก็ชิลๆ อยู่แล้ว ว่าแต่จะพาไปรู้จักใครเหรอ”

 

 

“เอ่อ แฟนของฉันเอง”

 

 

“ว้าว แฟน…”

 

 

สวี่ชิงจือพูดอกมาสองคำ ก่อนจะหยุดนิ่งไปเพื่อทวนคำพูดในหัวอีกครั้ง จากนั้นถึงจะเรียบเรียงความคิดออกมาได้ “แฟน?”

 

 

“อื้ม”

 

 

“…ฝานซิง เธอคงไม่เศร้าหนักจนคิดจะประชดชีวิตหรอกนะ” สวี่ชงิจือเงียบไปพักใหญ่ถึงจะพูดออกมา

 

 

“เธอคิดว่าถ้าฉันจะประชดชีวิตจริง ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักเหรอ”

 

 

“ก็จริง” สวี่ชิงจือพยักหน้า “ได้สิ คืนนี้ฉันจะไป ฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครกันแน่คือผู้โชคดีคนนั้น อ้อ จริงสิ ฉันฝากคนหิ้วลิปสติกมาจากฝรั่งเศสหลายแท่งเลย คืนนี้ฉันจะเอาไปให้เธอสองแท่งนะ”

 

 

“อื้ม ถ้างั้นคืนนี้เลิกงานแล้วพวกเราไปพร้อมกันเลย”

 

 

“อืม…” สวี่ชิงจือตอบรับสั้นๆ จากนั้นก็เบนสายตาไปทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา “ข่าวบนอินเตอร์เน็ต เธอเห็นหรือยัง”

 

 

เฉินฝานซิงสงสัย “ข่าวอะไรเหรอ”

 

 

“เฉินเชียนโหรวเป็นลมล้มหน้าอาคารสำนักงานซูกรุ๊ป”

 

 

เฉินฝานซิงชะงักไป จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก “งั้นเหรอ”

 

 

“การแสดงใช่ไหม” สวี่ชิงจือคาดเดา

 

 

เฉินฝานซิงเปิดคอมพิวเตอร์ นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้พลางพูดออกมาด้วยท่าทางอารมณ์ดีเบาๆ “ไม่ใช่ซะทีเดียว สองวันนี้เกิดเรื่องมากมาย เธอต้องอยู่ไม่สุขแน่ อีกอย่าง ไม่ได้กินข้าวมาสองวัน จะเป็นลมก็เป็นเรื่องปกติ”

 

 

เมื่อนึกถึงตอนที่เฉินฝานซิงจงใจเลือกเวลาเที่ยงตรงเป็นเวลาแถลงข่าว สวี่ชิงจือก็อดขำออกมาไม่ได้

 

 

“ดูเหมือนว่า ถึงเวลาต้องร้าย ก็ควรจะร้ายบ้างสินะ”

 

 

ทำให้เฉินเชียนโหรวหิวจนเป็นลมได้จากระยะไกลโดยไม่ต้องเปิดเผยใบหน้าเลยสักนิด กลยุทธ์นี้ล้ำเลิศจริงๆ

 

 

 

 

ที่โรงพยาบาล

 

 

หลังจากเฉินเชียนโหรวได้รับน้ำเกลือไปสองขวด ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว

 

 

ซูเหิงนั่งอยู่ข้างเตียง เมื่อเห็นว่าเธอตื่นขึ้นมาแล้วก็รีบคว้ามือเธอมากุมไว้

 

 

“เชียนโหรว เธอฟื้นแล้ว”

 

 

“พี่เหิง…ที่นี่ที่ไหนคะ” เฉินเชียนโหรวน้ำเสียงแหบเครืออยู่ในลำคอ สายตาคู่นั้นสอดส่องไปรอบๆ ภายในใจพอจะเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ ได้บ้างแล้ว

 

 

“เธอเป็นลมล้มไป ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองอดข้าวถึงสองวันเลยล่ะ”

 

 

ใบหน้าของเฉียนเชียนโหรวซีดขาว น้ำรื้นอยู่ในดวงตาทั้งสองข้าง ทำให้คนที่ได้เห็นต่างก็อดรู้สึกเห็นใจไม่ได้

 

 

“พี่เหิง ฉัน…ฉันติดต่อพี่ไม่ได้เลยนี่คะ…ตอนที่พี่ออกไปตอนนั้น ท่าทางก็ดูโกรธฉันเอามากๆ ฉันคิดว่าพี่จะไม่สนใจฉันอีกแล้ว…”

 

 

ระหว่างพูด น้ำตาของเธอก็ค่อยๆ ไหลรินลงมาจากหางตา

 

 

ซูเหิงสีหน้าเจ็บปวดพร้อมกับยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้เธอ “เด็กโง่ คิดมากไปแล้ว กว่าพวกเราจะมาถึงจุดนี้ด้วยกันได้มันไม่ง่ายเลย พี่จะทิ้งเธอง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงล่ะ”

 

 

“แล้วทำไมพี่ถึงไม่รับสายฉันเลยล่ะคะ”

 

 

“ที่บริษัทยุ่งมาก…”

 

 

เฉินเชียนโหรวยังคงทอดมองไปยังเขาด้วยใบหน้าที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อคำพูดของเขาสักเท่าไหร่นัก

 

 

 ซูเหิงถอนหายใจออกมา “ภาพที่หลุดออกมาเมื่อวาน ทำให้มีผู้ลงทุนหลายคนต้องการจะถอนทุน…กรรมการบริษัทหลายคนก็ตีโพยตีพายไม่หยุด…”