ตอนที่ 225 เธอไปล่วงเกินท่านผู้บริหารตั้งแต่เมื่อไหร่ / ตอนที่ 226 คุณสั่งอะไรมาผมก็ชอบทั้งนั้น

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 225 เธอไปล่วงเกินท่านผู้บริหารตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

ซูเหิงถอนหายใจ “ภาพที่หลุดออกมาเมื่อวาน ทำให้มีผู้ลงทุนจำนวนมากต้องการจะถอนทุน…กรรมการบริษัทหลายคนก็ตีโพยตีพายไม่หยุด…”

 

 

เฉินเชียนโหรวแววตาฉายประกายที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษนะคะ…พี่เหิง ตอนนั้นฉันใจร้อนเกินไป ไม่คิดให้รอบคอบ…”

 

 

ซูเหิงกลับเพียงแค่ส่ายหน้าไปมา “ไม่เป็นไร ไม่มีทางที่จะทำให้ทุกฝ่ายพอใจไปตลอดได้หรอก ผู้ลงทุนไม่กี่คนนั้นก็ไม่ได้มีผลอะไรกับบริษัทมากมาย ขอแค่สปอนเซอร์รายใหญ่ที่สุดของบริษัทยังยู่ ก็ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอะไร”

 

 

เฉินเชียนโหรวโล่งใจไปไม่น้อย แต่กระนั้นแล้วก็ยังเอ่ยถามออกมาด้วยความกังวล “สปอนเซอร์คนนั้นก็อยู่ในรูปด้วยหรือเปล่าคะ”

 

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าที่อ่อนโยนมาโดยตลอดของซูเหิงก็เผยให้เห็นความเหนื่อยล้าขึ้นมาอย่างชัดเจน “อืม ใช่…”

 

 

สีหน้าของเฉินเชียนโหรวซีดเผือดเพียงชั่วพริบตา

 

 

ซูเหิงเห็นดังนั้นก็รีบกุมมือของเฉินเชียนโหรวไว้ “ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ทางนั้นยังไม่มีท่าทีอะไร คงจะไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ พวกนี้ อีกไม่นานก็จะถึงวันฉลองวันเกิดครบแปดสิบแปดปีของนายใหญ่พวกเขา ถึงเวลานั้นค่อยเข้าไปขอโทษต่อหน้าเลยแล้วกัน คิดว่าคงจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไร”

 

 

“จะไม่มีปัญหาจริงๆ เหรอคะ”

 

 

ซูเหิงพยักหน้า บนใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้มจางๆ “ไม่มีปัญหาหรอก นี่เป็นการลงทุนครั้งที่ประสบความสำเร็จที่สุดที่เฉินฝานซิงไปเจราจามาได้ หลายปีมานี้ ซูซื่อก็ไม่เคยทำให้พวกเขาผิดหวังเลยสักครั้ง สิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุด ก็คงจะมีแค่ผลตอบแทนจากการลงทุน หากเทียบกันแล้ว เรื่องพวกนี้ ในสายตาพวกเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”

 

 

เผยซื่อถือเป็นบริษัทร่ำรวยอันดับต้นๆ ในเกียวโต กิจการภายใต้การบริหารของพวกเขามีมากมายนับไม่ถ้วน

 

 

เขาเองก็ไม่รู้วาตอนนั้นเฉินฝานซิงไปดึงเผยซื่อเข้ามาร่วมลงทุนด้วยได้อย่างไร แต่เฉินฝานซิงพูดไว้หนักแน่นว่า ขอแค่ซูซื่อต้องการ เผยซื่อก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเสมอ

 

 

เพราะฉะนั้น ตอนนี้ เพียงแค่รูปถ่ายใบเดียวนั่นคงไม่ทำให้เผยซื่อใส่ใจอะไรมากนัก

 

 

เมื่อเห็นซูเหิงพูดถึงเฉินฝานซิงด้วยสายตาชื่นชม เฉินเชียบโหรวก็แอบกัดริมฝีปากด้วยความโกรธแค้น

 

 

“พี่เหิงคะ ถึงตอนนั้นพี่จะพาฉันไปด้วยใช่ไหม ยังไงซะเรื่องนี้ฉันก็เป็นคนก่อมันขึ้นมา ฉันควรจะออกหน้าขอโทษพวกเขาด้วยตัวเอง”

 

 

ซูเหิงยิ้มเบาๆ “แน่นอน งานสำคัญขนาดนั้น พี่ไม่พาเธอไปแล้วจะให้พาใครไปล่ะ ตอนนี้เธอเป็นคู่หมั้นที่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรมของพี่แล้วนะ”

 

 

ได้ยินแบบนี้เฉินเชียนโหรวถึงจะยิ้มออกมาได้ “ฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอนค่ะ”

 

 

ซูเหิงยื่นมือออกไปลูบผมเธอพร้อมกับพูดเสียงอ่อน “ไม่ต้องใจร้อน รีบรักษาตัวให้หายไวๆ นะ อีกสองวันจะเป็นวันฉลองครบรอบของมหา’ลัย พี่จะพาเธอไปเปลี่ยนบรรยากาศ”

 

 

เฉินเชียนโหรวดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะพยักหน้าด้วยความรู้สึกตั้งตารอที่เต็มเปี่ยมอยู่ในใจ

 

 

 

 

หลังเลิกงาน เฉินฝานซิงและสวี่ชิงจือได้เดินทางมาถึงคลับปี้หวงอวี๋เล่อตอนค่ำ

 

 

อวี๋ซงมารออยู่แต่แรกแล้ว เมื่อเห็นพวกเธอมาถึงกันแล้วก็รีบเข้าไปต้อนรับและนำทางพวกเธอไปยังห้องส่วนตัวที่จองเอาไว้

 

 

“คุณหนูเฉิน คุณผู้ชายมีประชุมด่วนกะทันหัน ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทาง เขายังกำชับอีกว่า หากคุณทั้งสองรอไม่ไหวก็ให้สั่งอาหารรับประทานกันก่อนได้เลย”

 

 

เฉินฝานซิงก้มหน้าดูเวลา หนึ่งทุ่มแล้ว

 

 

“ได้ ฉันรู้แล้ว ขอบใจ”

 

 

จากนั้น หลังจากทั้งที่ทั้งสองเพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเปิดออก

 

 

น้ำเสียงนุ่มทุ้มเป็นสง่ากังวานขึ้นแทบจะในทันทีที่ประตูเปิดออก

 

 

“ขอโทษด้วยที่มาช้า”

 

 

สวี่ชิงจือหันหน้าไปมองทางประตู

 

 

รูปร่างของชายหนุ่มเข้าสัดส่วน ตัวสูงใหญ่กำยำ ชุดสูทราคาแพงที่รีดอย่างพิถีพิถันไม่มีรอยยับแม้แต่น้อย

 

 

กรอบคิ้วเรียวยาวได้รูปและดวงตาลึกล้ำแหลมคม รับกับจมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากเรียวบาง เมื่อทุกอย่างประกอบเข้าด้วยกันแล้วทำให้รู้สึกได้ว่าพระเจ้าช่างลำเอียงที่มอบสิ่งที่สมบูรณ์แบบให้เขามากเกินไป

 

 

สวี่ชิงจืออึ้งไปครูหนึ่ง แต่ก็พยายามดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

 

พยายามทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

เพียงแต่ว่า เมื่อชายหนุ่มเดินมาตรงหน้าเธอแล้วพยักหน้าให้เธออย่างมีมารยาท

 

 

จากนั้น เธอกลับสัมผัสได้ถึงการตักเตือนและรังสีแห่งการตั้งตัวเป็นศัตรูที่อยู่ลึกลงไปในจิตวิญญาณผ่านแววตาคู่นั้นของเขาได้อย่างง่ายดาย

 

 

นั่นทำให้สวี่ชิงจือเกิดความข้องใจขึ้นมาไม่น้อย

 

 

เธอไปล่วงเกินผู้บริหารใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งของเครือป๋อซื่อท่านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 

 

 

 

 

ตอนที่ 226 คุณสั่งอะไรมาผมก็ชอบทั้งนั้น

 

 

 เปิดบริษัทของตัวเองมาก็หลายปี พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตาทำให้เธอมีความสามารถในการอ่านสีหน้าท่าตาคนมาตั้งนานแล้ว

 

 

กับผู้ชายคนนี้ก็คงจะมีแค่ตอนพิธีรับตำแหน่งของเขาเมื่อครั้งก่อนที่ได้เห็นเขาผ่านๆ จากที่ไกลๆ

 

 

คำพูดแม้แต่คำเดียวก็ยังไม่เคยพูดกันด้วยซ้ำ

 

 

เธอไม่มีทางที่จะไปล่วงเกินเขาได้เลยไม่ใช่หรอกเหรอ

 

 

หรือว่า ป๋อจิ่งชวนเป็นแฟนของเฉินฝานซิงงั้นเหรอ

 

 

สวี่ชือจือเหลืบหางตาไปมองเฉินฝานซิงที่กำลังส่งยิ้มแหยๆ มาให้เธออยู่

 

 

บรรยากาศกดดันแปลกๆ แน่นอนว่าเฉินฝานซิงสัมผัสมันได้ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว

 

 

ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังรู้อีกด้วยว่าสาเหตุมันมาจากอะไร

 

 

สวี่ชิงจือหรี่ตาลงหันไปมองทางเธอ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”

 

 

เฉินฝานซิงก็จ้องมองเธออยู่เช่นกัน ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ ภายในดวงตาเต็มไปด้วยความอึดอัดที่ยากจะบรรยาย

 

 

 พฤติกรรมส่งสายตาหากันระหว่างเฉินฝานซิงและสวี่ชิงจือล้วนแต่เข้าไปอยู่ในสายตาของป๋อจิ่งชวนเป็นที่เรียบร้อย ดวงตาดำขลับคู่นั้นหรี่ตาลง

 

 

 ก่อนจะหันหน้าไปมองทางเฉินฝานซิงผ่านๆ ด้วยสีหน้านิ่งเรียบปราดหนึ่ง

 

 

มองผ่านๆ ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ?

 

 

สายตาที่จดจ้องอย่างแรงกล้าคู่นั้น…

 

 

เฉินฝานซิงลืมตาขึ้นมามองเขา ทำให้สอดประสานสายตาเข้ากับแววตาล้ำลึกที่ฉายประกายอยู่ในตาเขาเข้าอย่างจัง

 

 

จากนั้น ป๋อจิ่งชวนเดินตรงดิ่งเข้ามาที่เธอโดยไม่พูดไม่จา ก่อนจะไปหยุดตรงที่นั่งด้านข้างเธอแล้วนั่งลงลำตัวแนบชิดติดกับเธอไม่ห่าง อีกทั้ง มือข้างหนึ่งของเขายังโอบไหล่เธอเอาไว้อย่างใกล้ชิดสนิทสนมด้วยท่าทางวางอำนาจ…

 

 

เฉินฝานซิงได้แต่แอบกลอกตามองบน อดยิ้มมุมปากออกมาไม่ได้

 

 

ก็แค่มากินข้าว แล้วนี่เขาทำแบบนี้ จะกินข้าวสะดวกเหรอ

 

 

นิ้วมือที่กำลังกุมแก้วน้ำเอาไว้อยู่ของสวี่ชิงจือสั่นเทาเล็กน้อยจนยากจะสังเกตเห็น

 

 

ผู้ชายคนนี้ ต้องการจะพิสูจน์หรือโอ้อวดอะไรกับเธองั้นเหรอ

 

 

“สวัสดีครับ ผมป๋อจิ่งชวน แฟนของฝานซิง”

 

 

ทันใดนั้นเอง ขมับของสวี่ชิงจือก็รู้สึกปวดตุ้บๆ ขึ้นมา “แฟน” คำนี้ จะย้ำอะไรกันนักหนา

 

 

แต่เธอก็ยังหันไปยิ้มให้กับป๋อจิ่งชวน “สวัสดีค่ะ ฉันสวี่ชิงจือ เพื่อนสนิทที่สุดขอฝานซิง”

 

 

ภายในห้องเงียบสงัดไปชั่ววินาที ป๋อจิ่งชวนและสวี่ชิงจือสบตากันอย่างเงียบๆ เป็นระยะเวลาสองวินาที ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างละสายตาจากกัน

 

 

“ขอบคุณที่คุณดูแลเฉินฝานซิงมาหลายปี ต่อไปมีเรื่องอะไรต้องการให้ช่วย ไม่ต้องเกรงใจ”

 

 

สวี่ชิงจือเลิกคิ้ว พลางชำเลืองไปทางเฉินฝานซิงด้วยสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็พยักหน้าออกมาเบาๆ “ถ้างั้นก็ต้องขอบคุณท่านผู้บริหารป๋อล่วงหน้าด้วย”

 

 

เฉินฝานซิงที่เห็นเหตุการณ์มาตลอดเริ่มทนกับบรรยากาศแปลกประหลาดแบบนี้ไม่ไหว รีบหยิบเมนูอาหารที่วางอยู่กลางโต๊ะขึ้นเมาแล้วพูด “ หิวกันแล้วใช่ไหม พวกเรามาสั่งอาหารกันก่อนเถอะ คุณอยากกินอะไร”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหันไปยิ้มกับเธอ ก่อนจะหอมแก้มหนึ่งที

 

 

“คุณสั่งอะไรมาผมก็ชอบทั้งนั้น”

 

 

ต่อให้ได้รับการอบรมสั่งสอนมาดีแค่ไหน แต่เป็นใครก็ไม่มีทางรับได้ที่มีคนมาพลอดรักกันตรงหน้าขนาดนี้

 

 

นับประสาอะไรกับเธออที่ยังโสดสนิทนี่ยิ่งทำให้รู้สึกเศร้าโศกมากกว่าเดิม

 

 

สวี่ชิงจือหันไปมองค้อนใส่เฉินฝานซิง ก่อนจะเอื้อมมือออกไปหยิบเมนูอีกเล่มที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเอง

 

 

ตั้งใจจะเย้ยกันใช่ไหม

 

 

เหอะ ไม่ว่ายังไงวันนี้เธอก็จะต้องกินอาหารที่หรูที่แพงที่สุดให้ได้

 

 

ก่อนจะเปิดไปยังหน้าเมนูแนะนำ ก่อนจะสั่งอาหารแนะนำทั้งหมดมาอย่างละชุด

 

 

เฉินฝานซิงมองเธออย่างตกตะลึง เธอรู้ทันทีว่าคืนนี้สวี่ชิงจือน่าจะ…น่าจะถูกกระตุกต่อมโมโหไปไม่น้อย

 

 

ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่หันไปมองทางป๋อขิ่งชวนปราดหนึ่ง เห็นเพียงสีหน้าเฉยเมยของเขาจึงก้มลงดูเมนูแทน

 

 

“คุณชอบกินอาหารทะเลไม่ใช่เหรอ กุ้งแอตแลนติกที่นี่รสชาติไม่เลวเลย จะลองสักชุดไหม”

 

 

 นัยน์ตาลึกล้ำของป๋อจิ่งชวนฉายประกาย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าปกติพลางพยักหน้าเบาๆ “ได้”

 

 

หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองสวี่ชิงจือ ก่อนจะวางท่าทางสูงส่งดูสง่า

 

 

“คุณผู้หญิงสวี่ชอบทานอะไรสั่งได้เต็มที่ ไมต้องเกรงใจ”

 

 

ภายนอกของสวี่ชิงจือดูนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร ใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มที่แสดงออกถึงความเกรงใจไว้ แต่ภายในใจกลับส่งเสียงหัวเราะเหยียดหยามเหอะ เหอะ เหอะ ออกมาเป็นชุด

 

 

ท่าทางโอ้อวดแบบนี้ต้องการจะสื่ออะไรอีกล่ะ