บทที่ 158 ชำระเงิน

ไหปีศาจ

บทที่ 158
ชำระเงิน

หลงเซี่ยได้เดินออกไปจากศูนย์กลางของพรรคหวงชา
จากนั้นคงฉินก็เดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างสุภาพเช่นกัน

คงฉินยังคงต้องใช้เวลาอีกมากในการจัดการกับความยุ่งเหยิงของพรรคหวงชา ในตอนนี้คนที่เป็นฝ่ายของลูหยางพิง ไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว

หลังจากการเข่นฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยม
ลั่วอู๋และคนอื่น ๆ ได้กลับไปที่ศาลาไป่หยู่
พวกเขาต้องคว้าโอกาสเป็นพันธมิตรกับหอคอยหวงชาเอาไว้ จะได้ไม่ต้องได้รับผลกระทบใด ๆ จากศาลาไป่เปา
ทุกพื้นที่ในเขตหวงชา จะไม่มีสิ่งใดเป็นภัยต่อศาลาไป่หยู่ได้อีก

ทันทีที่เขากลับมาถึงศาลาไป่หยู่ ฉูจงฉวนได้นำหินวิญญาณจากเจ้าของร้านคนเก่าวิ่งออกไปจนลับสายตา เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการไปที่หอราตรีนิรันดร์เพื่อดื่มด่ำและสร้างความเพลิดเพลินให้กับตัวเองยามค่ำคืน

แต่ลั่วอู๋กลับไม่สนใจ
ให้เขาไปเถอะ
หินวิญญาณเหล่านั้นคือค่าตอบแทนสำหรับเขา

ส่วนหยู่เฮาก็ได้ออกเดินทางไปจากศาลาไป่หยู่ ตามกองคาราวานของคฤหาสน์ชวนเทียนกลับไปยังภูเขาแห้งแล้ง ก่อนออกเดินทาง ลั่วอู๋ได้มอบโล่คริสตัลเพื่อเป็นของขวัญให้กับเขา

หยู่เฮากอดลั่วอู๋อย่างมีความสุข
คุณสมบัติของโล่คริสตัลของศาลาไป่หยู่นั้นไม่ธรรมดาอย่างมาก โล่ดังกล่าวคงเป็นที่นิยมอย่างมากในภูเขาแห้งแล้ง
หลังการลาจาก พวกเขาก็คาดว่าคงจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว

ไร้หน้าคนเก่าได้พัฒนากลายเป็นไร้หน้าคนใหม่
หลงเซี่ยสอนกระบวนท่าศิลปะการต่อสู้ลึกลับให้เขา หลังจากฝึกฝนคอของเขาได้หายกลับมาเป็นปกติโดยสมบูรณ์
ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างจากคนปกติ
เขายังคงอาศัยอยู่ในศาลาไป่หยู่และติดตามรับใช้ลั่วอู๋ ราวกับว่าเขาเป็นเงาของลั่วอู๋
“เจ้าจะไม่กลับไปหาอดีตพี่น้องของเจ้างั้นหรือ?” ลั่วอู๋เคยถาม
“กลุ่มหวันเฟยได้ตายไปแล้ว”
ลั่วอู๋รู้ว่าหลังจากการแก้แค้นนั้น เขาได้ละทิ้งอดีตไปแล้ว
“ไร้หน้าทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนไป?” ลั่วอู๋ถาม

ในอดีตไร้หน้านั้นสวมหน้ากากปิดทั้งศีรษะ ซึ่งมันดูแปลกมาก แต่ว่าตอนนี้ ไร้หน้าสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าเพียงครึ่งเดียว ด้วยอารมณ์เย็นชาของเขาหลังจากฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เขานั้นเริ่มดูหล่อเหลาขึ้นมาเล็กน้อย

ไร้หน้ากระซิบ “ข้าว่ามันน่าจะดูดีกว่า”
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ไม่เป็นไร
มันก็ดีกว่าสีหน้าที่มืดหม่นเหมือนเมื่อก่อน
การฟื้นตัวของหลี่หยินนั้นรวดเร็วมากและหายดีในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน แม้แต่หมอเองก็แปลกใจว่าทำไมอาการบาดเจ็บของหลี่หยินนั้นถึงหายดีเร็วเช่นนี้

ไร้หน้ารู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้
เพราะว่าเจ้านายของเขาไม่ยอมให้พูด

ครึ่งเดือนต่อมาเฉินซังเทียนและเฉินหมิงหยู่ กลับมาจากส่วนลึกของพื้นที่ป่าหวงชา แต่สีหน้าของเฉินซังเทียนนั้นดูแปลกไป

หลงเซี่ยเป็นผู้คุ้มกันของเฉินซังเทียน พละกำลังของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้เป็นคนสุดยอดเพียงใด
ว่าแต่เขามีความสำคัญแค่ไหนกันนะ?

เฉินหมิงหยู่ขอโทษลั่วอู๋ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม นางคือผู้ที่ส่งหลงเซี่ยมาเพราะว่านางรู้สึกอับอายหลังจากที่ได้สร้างลำบากให้ลั่วอู๋ นางจึงทำแบบนี้เพื่อให้เขายอมรับคำขอโทษของนาง
ทั้งหมดจบลงได้อย่างเรียบร้อยดี
แน่นอนว่าเขายังไม่แน่ใจว่าเฉินหมิงหยู่นั้นจริงใจหรือว่าเพราะอยู่ภายใต้แรงกดดันของชายชรา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพูดออกมาได้

พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะเดินทางกลับ แต่เฉินซังเทียนกลับลุกลี้ลุกลน ดูเหมือนว่าเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายและกำลังยุ่งอยู่กับการเดินทางกลับ

เฉินหมิงหยู่มองไปที่ลั่วอู๋และกระซิบ “อาจารย์ ข้ากำลังจะเดินทางกลับในเร็ว ๆ นี้ ท่านช่วยสอนเรื่องวิชาลับของท่านให้ข้าได้ไหม?”

นางยังคิดเกี่ยวกับวิชาลับของลั่วอู๋อยุ่
นางจะไม่มีทางพ่ายแพ้ ถ้านางบูชาอาจารย์
และนางยังอยากรู้ว่าวิชาลับของเขานั้นเป็นแบบไหน ถึงทำให้ลั่วอู๋ทรงพลังได้ขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย
“ไม่ได้” ลั่วอู๋ตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
เฉินหมิงหยู่เดินจากไปด้วยความสับสน
นี่ทำให้ลั่วอู๋แปลกใจอย่างมาก ขณะเดียวกันหลงเซี่ยก็เรียกไร้หน้ามาหา เขาไม่รู้ว่าพวกนั้นพูดอะไรกัน แต่ไร้หน้านั้นดูตื่นเต้นมาก
พวกเขานั้นไปเป็นเพื่อนกันตอนไหน?

วันต่อมา เป็นวันที่แสนปลอดถัย

พรรคหวงชาตอนนี้กำลังรื้อฟื้นกำลังพล มันก็กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของศาลาไป่หยู่เฟื่องฟูยิ่งขึ้นในทันที

ศาลาไป่เปาทั้งหมดในพื้นที่หวงชาได้ปิดตัวลง
เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีมันอีกต่อไป ทรัพยากรทั้งหมดของพรรคหวงชาได้ถูกนำเข้าไปลงทุนในหอคอยหวงชา แต่ได้มีเจ้าของร้านคนใหม่จากศาลาไป่เป่าเข้ามาแทนที่

สามเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก
ผู้คนได้หลงลืมเรื่องราวกันไปหมด
หลายคนได้ลืมสงครามเมื่อสามเดือนก่อน และจำไม่ได้ว่าอดีตผู้นำคนก่อนนั้นเป็นใคร
ซึ่งในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ลั่วอู๋ก็ได้ฝึกฝนตัวเองอยู่ในมิติไห
สามเดือนในโลกภายนอก หนึ่งปีในโลกแห่งไห

ปีนี้ ลั่วอู๋ได้ยกระดับมิติของเขาขึ้นเป็นระดับเงิน มิติ 4 ในขณะที่มิติของต้าหวงนั้นยังคงที่ แต่ก็พัฒนาขึ้นเล็กน้อย เป็นระดับเงิน มิติ 5

การปรับแต่งยาวิญญาณก็ดูจะแย่ลงขึ้นเรื่อย ๆ
ความจริงแล้วไม่ได้เป็นปัญหาที่ตัวยา แต่มันเป็นเพราะการพยายามปรับแต่งมิติของยา ทำให้คุณภาพของยานั้นแย่ลงอย่างมาก

ในความเป็นจริง ยาวิญญาณส่วนมากนั้นยังคงเหมาะกับในการใช้ปรับแต่งพลังวิญญาณ
แต่ลั่วอู๋กลับไม่พอใจอย่างมาก
มันเป็นเรื่องยากดั่งการสร้างน้ำดื่มจากน้ำทะเล
ในขณะที่การสั่งซื้อยารวบรวมพลังวิญญาณนั้นดีกว่ามาก เขาจึงพยายามคิดค้นสูตรใหม่ด้วยตัวเอง

มีการทดสอบสูตรหลายสูตรจำนวนมาก แต่มันก็ไม่เหมาะสม ทำให้ลั่วอู๋ผิดหวังอย่างมาก เขาไม่สามารถสังเคราะห์ยาตัวใหม่ออกมาได้ในจำนวนมาก
แต่เพราะศาลาไป่หยู่นั้นไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกต่อไปแล้ว
เว้นแต่จะเป็นยาคุณภาพสูง ที่สามารถกลั่นได้โดยนักเล่นแร่แปรธาตุของศาลาไป่หยู่ ทำให้ลั่วอู๋ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

ภายในหนึ่งปี

นอกเหนือจากสูตรยาแล้ว ลั่วอู๋ยังสังเคราะห์ยาและสัตว์วิญญาณตัวใหม่ขึ้นมาเพื่อขายในศาลาไป่หยู่ ทำให้ศาลาไป่หยู่นั้นมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ

มันก็ไม่ใช่เพราะความพยายามเพียงอย่างเดียว เขาต้องยอมรับว่าเขาได้รับความช่วยเหลือจากโชคลาภด้วยส่วนหนึ่ง

ในที่สุดวันนั้น ลั่วอู๋ได้ออกจากมิติไห
ผู้คนในศาลาไป่หยู่ต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม ศาลาไป่หยู่ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟ ทำให้ดูคึกคักเหมือนกับงานเทศกาลทั่วไป

ลั่วอู๋ตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น? วันนี้มันวันอะไรกัน?”
“วันนี้เป็นวันเกิดของนายน้อยเจ้าค่ะ” หลี่หยินที่ยืนอย่างสง่างาม พูดออกมาเบา ๆ

ทำให้ลั่วอู๋ตกใจอย่างมาก
เขาลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา ถ้าหากหลี่หยินไม่เตือนความจำเขาละก็ เขาคงจะลืมมันไปแล้ว

หลังจากที่เขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลลั่ว เขารีบตรงไปที่เขตหวงชาเพื่อทำธุรกิจ เขาไม่คาดคิดว่าหนึ่งปีจะผ่านไปเร็วขนาดนี้

ลั่วอู๋หัวเราะ “ไปเรียกพ่อครัวให้เตรียมเหล้าและอาหารดี ๆ มา พวกเราจะฉลองกันให้เต็มคราบ”
ฉูจงฉวนเองก็เดินทางกลับมาเหมือนกัน
ลั่วอู๋ต้องยอมชื่นชมฉูจงฉวน เพราะเขาสามารถเข้าไปอยู่ในหอราตรีนิรันดร์ติดต่อกันเป็นเวลาถึงสามเดือน ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่าเขาจะมีพลังวิญญาณมากขึ้น เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากจริงๆ

วันนั้นได้เป็นวันแห่งความสนุกสนาน

ในคืนนั้น เจ้าของร้านคนเก่าได้เข้ามาที่ห้องของลั่วอู๋
“นายน้อย มันใกล้ถึงเวลาชำระเงินส่วนแบ่งแล้ว” เจ้าของร้านคนเก่านำสมุดบัญชีมาให้กับลั่วอู๋
ลั่วอู๋ตกใจอย่างมาก

เนื่องจากศาลาไป่หยู่นั้นเป็นธุรกิจของตระกูลลั่ว จึงจำเป็นต้องรายงานบัญชีทุกปี เพื่อหมุนเวียน 70% ของกำไรทั้งหมดให้กับตระกูล เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย

เจ้าของร้านเก่ากล่าวว่า “กำไรสุทธิของศาลาไป่หยู่ในปีนี้คือ 3.53 ล้าน หินวิญญาณ ตามกฎปกติ เราจำเป็นต้องจ่ายให้ถึง 2.27 ล้าน หินวิญญาณ”

“อะไรนะ! มากถึง 2 ล้าน หินวิญญาณเลยงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว

เจ้าของร้านคนเก่าหัวเราะอย่างขมขื่น “ตามกฎแล้ว เราจะต้องจ่ายมากกว่านี้ แต่เมื่อก่อน ธุรกิจมันไม่ค่อยดีนัก เราจึงจ่ายเพียงประมาณ 10,000 หินวิญญาณทุกปี พวกเราจึงไม่ต้องทุกข์ใจมากขนาดนี้”

เจ้าของร้านคนเก่าทุกข์ใจอย่างมาก
ลั่วอู๋โบกมือ “เจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายมากขนาดนั้น ตระกูลลั่วให้เงินเจ้ามาจำนวนเท่าไหร่เพื่อก่อตั้งศาลาไป่หยู่กัน?”
“ประมาณ 100,000 หินวิญญาณขอรับ” เจ้าของร้านคนเก่ากล่าว
ลั่วอู๋รู้สึกอารมณ์เสีย

100,000 หินวิญญาณ? มันดูเหมือนจะมาก แต่ถ้าเขาต้องการที่จะเปิดร้าน เขาจะต้องใช้เงินทุนในการสนับสนุนด้านกำลังคนและทรัพยากร 100,000 หินวิญญาณ นั้นยังน้อยไปเลยด้วยซ้ำ
การก่อตั้งศาลาไป่หยู่โดยมีตระกูลลั่วเป็นสัญลักษณ์นั้น ทำไปเพียงเพื่อพิสูจน์ว่าธุรกิจของตระกูลลั่วนั้นกว้างขวาง

ดังนั้น พวกเขาจึงลงทุนเพียงแค่น้อยนิด
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ศาลาไป่หยู่สาขามณฑลหมิงหนานได้เริ่มต้นลงทุนไป อย่างน้อยก็ 3 ล้านหินวิญญาณ ซึ่งนี่ยังไม่รวมถึงการลงทุนในด้านกำลังคนและทรัพยากร

กลับกันศาลาไป่หยู่ในพื้นที่หวงชานั้นเป็นสาขาใหญ่
ถ้าไม่ใช่เพราะการสนับสนุนของเจ้าของร้านคนเก่า ศาลาไป่หยู่สาขานี้ก็คงจะปิดตัวลงไปนานแล้ว

“ถ้าอย่างนั้น เราจ่ายไป 1แสน หินวิญญาณทุกปีแทน ถ้าหากเราต่อรองอย่างเต็มที่ได้ล่ะก็เราควรจะเอาค่าธรรมเนียมในอดีตของศาลาไป่หยู่มาหักลบเสียก่อน” ลั่วอู๋กล่าว

เจ้าของร้านคนเก่าพูดอย่างลังเล “แต่ว่าทางฝั่งตระกูล … ”
“ ไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลจัดการเรื่องนี้เอง” ลั่วอู๋กล่าว