ตอนที่ 181 เจดีย์โบราณลึกลับ

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 181 เจดีย์โบราณลึกลับ

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ท่านจาง ท่านคงจะพอมีความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุคเจ็ดแคว้นอยู่บ้างใช่หรือไม่ ? ”

เย่ฉางชิงถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

จางเฉินคาราวะ พลางเอ่ยว่า “เรียนท่านเย่ ผู้น้อยพอมีความรู้อยู่บ้างขอรับ”

เย่ฉางชิงจึงถามต่อ “เช่นนั้นเจ้าคิดว่ายุคเจ็ดแคว้นสงบสุขกว่า หรือว่ายุคนี้สงบสุขกว่า ? ”

จางเฉินชะงักงัน ก่อนจะตอบว่า “ยุคเจ็ดแคว้น เหล่าวีรบุรุษแย่งชิงอำนาจทำให้ทั่วทั้งจงหยวนร้อนราวกับตกอยู่ในกองเพลิง เทียบกับสี่แคว้นในตอนนี้ถือว่าโกลาหลกว่ากันมากขอรับ”

เย่ฉางชิงจึงยิ้มออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การรวมจงหยวนเป็นหนึ่งเหตุใดจึงมิดีเล่า ? ”

จางเฉินมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่คอ

เย่ฉางชิงจึงลุกขึ้นยืน ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้แก่จางเฉินพลางเอ่ยว่า “บัดนี้การที่จงหยวนถูกแบ่งออกเป็นสี่แคว้น แต่ละแคว้นคงเลี่ยงมิได้ที่จะเกิดการกระทบกระทั่งกัน หากเกิดสงครามขึ้น ผู้ที่ได้รับความลำบากที่สุดย่อมเป็นราษฎรใช่หรือไม่ ? ”

จางเฉินครุ่นคิดอยู่สักครู่ แล้วตอบกลับอีกครั้ง “ถูกต้องขอรับ”

สายตาของเย่ฉางชิงทอดมองออกไป พร้อมยกยิ้มบาง ๆ “การที่เจ้าต้องการหลีกเลี่ยงสงครามมิให้เกิดขึ้นนั้น ความคิดนี้ที่จริงแล้วมิได้ผิดอะไร”

“แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหากต้องการสร้างสันติภาพ หากต้องการหลีกเลี่ยงมิให้ลูกหลานของเราประสบกับความลำบากจากสงคราม เช่นนั้นก็จะต้องรวมจงหยวนให้เป็นหนึ่งให้ได้ เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น จึงจะบรรลุในสิ่งที่หวังได้ ข้าพูดถูกหรือไม่ ? ”

เย่ฉางชิงถอนสายตากลับมามองจางเฉินที่โค้งคำนับอยู่ “มิเพียงเท่านั้น หากมองในระยะยาวแล้ว การที่สามารถรวมดินแดนจงหยวนเป็นหนึ่งได้สำเร็จ จะทำให้สามารถรวบรวมอำนาจ รวมตัวอักษร เงินตรา และอื่น ๆ ให้มั่นคงยิ่งขึ้น ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่อทั้งประเทศชาติและราษฎรอย่างมาก”

จางเฉินได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็ซีดเผือดลงทันที ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนปนเปกันไปหมด

‘จริงด้วย ! ’

‘ที่ท่านเทพฉางชิงพูดมามีเหตุผลจริง ๆ ’

‘หากแคว้นต้าเยี่ยนสามารถรวมจงหยวนเป็นหนึ่งได้สำเร็จ จะเกิดประโยชน์ไปอีกยาวนานนัก’

‘และมีเพียงวิธีนี้จึงจะสามารถสร้างสันติ และชนรุ่นหลังจึงจะสามารถหลีกเลี่ยงการทุกข์ยากจากสงครามได้’

‘แต่สิ่งที่ข้ายึดมั่นมาโดยตลอดกับมีเพียงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หาได้มองถึงประโยชน์ในระยะยาว ที่จะเกิดขึ้นหากจงหยวนรวมเป็นหนึ่งไม่’

‘คิดเพียงแค่ว่านี่เป็นสิ่งที่จักรพรรดิทุกคนต้องการทำเพื่อตนเองเท่านั้น อยากที่จะจารึกชื่อของตนเองลงในประวัติศาสตร์ จึงได้วางกลยุทธ์ต่าง ๆ นานา เพื่อการรวมแผ่นดิน’

จางเฉินคิดถึงตรงนี้ก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเย่ฉางชิงด้วยสายตาที่เลื่อมใส

เพราะสถานการณ์ของจงหยวนในตอนนี้ โดยพื้นฐานแล้วอำนาจของทั้งสี่แคว้นแทบจะมิต่างกัน

การจะรวมจงหยวนเป็นหนึ่ง อาจจะต้องใช้ระยะเวลาอันยาวนานจึงจะสามารถสำเร็จได้

แต่บัดนี้กลับต่างออกไป

ท่านเทพฉางชิงตรงหน้าผู้นี้ได้ประทานโชคนับอนันต์ให้แก่แคว้นต้าเยี่ยน การที่แคว้นต้าเยี่ยนจะผงาดขึ้นเหนือแคว้นอื่น ๆ เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น

เช่นนี้แล้วแสดงว่าท่านเทพฉางชิงที่ลงมาจากสวรรค์ผู้นี้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เช่นนั้นจึงได้คอยผลักดันอยู่อย่างลับ ๆ

‘สมกับที่เป็นท่านเทพฉางชิง ความสามารถของเขามิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถเทียบเคียงได้จริง ๆ ’

คิดได้เช่นนั้นแล้ว

“ผู้น้อยเข้าใจแล้วขอรับ”

จางเฉินโค้งคำนับให้แก่เย่ฉางชิงอีกครั้ง พลางเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังว่า “นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้น้อยจะพยายามช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้อย่างเต็มที่ เพื่อแคว้นต้าเยี่ยนจะได้รวบรวมจงหยวนให้เป็นหนึ่ง และเพื่อความสงบสุขในวันข้างหน้าของราษฎรทั่วหล้า”

จางเฉินเอ่ยจบก็คุกเข่าลง พร้อมโขกหัวลงกับพื้นให้แก่เย่ฉางชิง

“ท่านจาง… ท่านทำอะไรเนี่ย ? ”

เย่ฉางชิงเห็นเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งไปทันที

‘บัณฑิตจางผู้นี้เป็นอะไรไป ? ’

‘ข้าเพียงแค่หยิบยกประวัติศาสตร์ในโลกนั้นมาอธิบายให้ฟังคร่าว ๆ เท่านั้น ว่าการรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งมีความหมายเช่นไร’

‘ทว่าบัณฑิตจางผู้นี้กลับคารวะเราอย่างนอบน้อมถึงเพียงนี้’

‘จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้จริง ๆ หรือ ? ’

หลังจากได้สติ เย่ฉางชิงก็รีบเข้าไปห้ามเอาไว้

“ท่านเย่ วันนี้ผู้น้อยบังอาจมารบกวน ขอท่านเย่ได้โปรดอภัยให้ผู้น้อยด้วย”

จางเฉินพูดไปก็โขกหัวกับพื้นไป

ก่อนจะลุกขึ้นโค้งคำนับเย่ฉางชิงอีกครั้ง พลางเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ผู้น้อยขอตัวลาขอรับ”

เอ่ยจบจางเฉินก็หมุนตัวเดินไปที่ระเบียงทางเดินทันที

เย่ฉางชิงที่มองแผ่นหลังของจางเฉินที่กำลังจากไป พลันสีหน้าก็เผยความสับสนวุ่นวายออกมา

‘นี่ ! ’

‘นี่มันอะไรกันอีกเนี่ย ! ’

‘ในเมื่อตอบได้ดีขนาดนี้ เจ้ามิคิดที่จะเชิญข้าไปสอนที่สำนักศึกษาตงหลันของพวกเจ้าเลยหรือ ? ’

‘อีกอย่างข้าเป็นคนพูดง่าย หาใช่คนโลภมากไม่’

‘ส่วนเรื่องเบี้ยหวัดอะไรนั่น พวกเราสามารถนั่งลงปรึกษากันก่อนก็ได้นี่นา’

‘ท่านอย่าจากไปอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้สิ ตอนนี้สำนักศึกษาตงหลันเป็นทางรอดสุดท้ายของข้าเย่ฉางชิงแล้วนะ ! ’

เย่ฉางชิงคิดถึงตรงนี้ก็แทบจะอดใจมิไหวที่จะเอ่ยในสิ่งที่เขาคิดออกมา

แต่ในตอนนั้นเอง จางเฉินก็ได้หยุดฝีเท้าลงอย่างลังเล

เขาหมุนตัวกลับไปเผชิญกับใบหน้าแฝงรอยยิ้มของเย่ฉางชิงที่อยู่ในชุดอาภรณ์สีขาว อีกครั้ง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านเย่… ผู้น้อยยังมีความปรารถนาอีกอย่างขอรับ”

‘ความปรารถนา ? ’

เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นดวงตาพลันเปล่งประกายขึ้น

‘ความปรารถนาอะไร ? ’

‘ท่านต้องการจะตอบแทนข้าแล้วใช่ไหม ? ’

‘ตัดสินใจจะเชิญข้าเข้าสำนักศึกษาตงหลันของพวกท่านแล้วใช่หรือไม่ ? ’

‘คงจะเป็นเช่นนี้ ! ’

‘มิใช่สิ ! ’

‘ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ! ’

เย่ฉางชิงจึงค่อย ๆ ยิ้มออกมา พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เชิญท่านจางกล่าวมาได้เลย”

“เรียนท่านเย่ สำนักศึกษาตงหลันมีศิษย์มากมาย แต่ละคนล้วนมีใจอันบริสุทธิ์ที่ต้องการเรียนรู้เพื่อสนองคุณประเทศชาติ”

จางเฉินนิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงเอ่ยออกมาว่า “ผู้น้อย… อยากเชิญ… ท่านเย่ ไปสอนพวกเขาที่สำนักศึกษาตงหลันสักวันหนึ่ง มิทราบว่าเห็นเป็นเช่นไรบ้างขอรับ ? ”

‘สอนวันหนึ่ง ? ’

‘หรือว่าจะเชิญข้าไปทดลองสอนก่อน ? ’

‘ใช่แล้ว ! ’

‘ไปทดลองสอนก่อน ! ’

‘ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ! ’

แม้เย่ฉางชิงจะมิได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา แต่ภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความยินดี

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน”

เย่ฉางชิงตอบกลับอย่างอารมณ์ดี “ท่านกำหนดเวลามา ถึงเวลาข้าจะไปสำนักศึกษาตงหลันเอง”

จางเฉินได้ยินเช่นนั้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอย พลันเกิดความประหลาดใจขึ้นมาทันที

เขาคาดมิถึงว่าท่านเทพฉางชิงจะตอบตกลงง่ายดายเช่นนี้

ก่อนหน้านี้กลับเป็นเขาที่รู้สึกทำตัวมิถูกเสียเอง

หลังจากได้สติ จางเฉินก็โค้งคำนับลงอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า “หากท่านเย่ตกลง เช่นนั้นอีกสองวันผู้น้อยจะมารับท่านที่เรือนนะขอรับ”

เย่ฉางชิงพยักหน้ายิ้ม ๆ

หลังจากนั้นเย่ฉางชิงก็เฝ้ามอง จางเฉินหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป

ขณะที่เย่ฉางชิงอยู่ตรงราวกั้น ทอดมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งอย่างมีความสุขอยู่นั้น

“เปรี้ยง ! ”

“เปรี้ยง ! ”

“เปรี้ยง ! ”

ทันใดนั้น

ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนไป

เมฆหลากหลายสีสันเคลื่อนปกคลุมท้องฟ้าเหนือเมืองหลวง เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่ว

ส่วนเย่ฉางชิงที่อยู่ในเรือนจิ่งหลันหยวน ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน

จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าภายในร่างกายมีกระแสความร้อนไหลเวียนไปทั่วร่าง ราวกับกำลังบำรุงกายเนื้อของเขา ทำให้เขารู้สึกสบายตัวอย่างที่สุด

ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ

ครั้งนี้ร่างกายของเขากลับมีแสงเปล่งประกายขึ้น หมอกอันเจิดจ้าปกคลุมไว้ ทำให้ร่างของเขาในตอนนี้ดูราวกับเซียนมาจุติ สง่างามสุดจะประมาณได้

และที่สำคัญปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ยังเป็นเรื่องจริงอีกด้วย

หลังจากได้สติ

ใบหน้ากระจ่างใสของเย่ฉางชิงก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เขามั่นใจอย่างมากรวมทั้งยืนยันได้ว่า นี่มิใช่เพียงนิมิตแต่เป็นเรื่องจริง

‘นี่หมายความเยี่ยงไรกัน ? ’

‘หรือว่าดัชนีทองคำของเราจะตื่นขึ้นแล้ว อีกทั้งยังเป็นดัชนีทองคำชั้นยอดตั้งแต่เริ่มต้นด้วย ? ’

‘เป็นไปได้ ! ’

‘มีความเป็นไปได้ ! ’

‘ความรู้สึกเช่นนี้ช่างอัศจรรย์นัก เหมือนกับความรู้สึกเวลาสำเร็จเป็นเซียนเช่นในตำนาน…’

แต่สิ่งที่เย่ฉางชิงมิได้สังเกตถึงก็คือ

เวลานี้แสงหลากหลายสีสันด้านหลังของเขานั้น กลับมีเจดีย์โบราณซึ่งมีคลื่นแสงแผ่กระจายเป็นชั้น ๆ ออกมามิหยุดปรากฏขึ้นด้วย ช่างดูลึกลับยิ่งนัก