ที่จริงแล้วหวังเจียเหยาไม่เคยชอบฟางเชาเลย ตอนแรกที่ยอมคบหากับเขานั่นก็เพราะฟางเชามีเงินมากกว่าเย่เฉินเท่านั้นเอง

แต่คำพูดของฟางเชาก็ถูกต้อง

หวังเจียเหยาแต่งงานกับใคร คนนั้นก็ซวยจริงๆ

ตอนแรกหล่อนแต่งงานเย่เฉิน หล่อนก็สวมเขาให้เขา

ต่อมาแต่งงานกับฟางเชา ก็ทำให้ตระกูลฟางที่ร่ำรวยเป็นลำดับต้นๆ ของเมืองก็เกือบล้มละลาย

ต่อมาแต่งงานกับเย่เฉินอีกครั้ง ก็ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นยาจกจากประธานบริษัท

จะบอกว่าหล่อนเป็นตัวซวยก็ไม่ได้เกินไป

ฟางเชากล่าวเสียงเหี้ยม “ฉันถามเธอหน่อยสิ หวังเจียเหยา เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลแล้วจริงเหรอ? ไม่ใช่ว่าเขากำลังแสดงละครอยู่อีกหรอกนะ สามีเธอน่ะชอบทำตัวเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยาหลอกลวงให้ศัตรูตายใจเก่งเสียด้วย!”

หวังเจียเหยารู้ว่าฟางเชาอยากจะล้างแค้นเย่เฉินอย่างมากจึงรีบร้อนกล่าว

“คราวนี้จริงแท้แน่นอน วีซ่าของพวกเราโดนยกเลิกไปแล้วนะ ที่โทรหานายคราวนี้ก็เพราะอยากจะบอกนายว่านายกลับมาอวิ๋นโจวได้แล้ว ฉันรู้ดีว่านายกลัวจะโดนพวกนักเลงหัวไม้ของอวิ๋นโจวหาเรื่องเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมเจียหัวคราวนั้นดังนั้นถึงได้หนีไปเทียนไห่ไม่ยอมกลับมา พ่อกับแม่นายก็อยู่อวิ๋นโจว ไม่ได้เจอหน้านายมานานแล้ว พวกท่านคงต้องคิดถึงนายมาก”

ที่ฟางเชารั้งๆ รอๆ ไม่กล้ากลับอวิ๋นโจวก็เพราะกลัวอิทธิพลมืดของเย่เฉิน ซึ่งหวังเจียเหยารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

หวังเจียเหยาจึงบอกเขาว่า “ถ้านายไม่กล้ามาก็ลองถามเพื่อนที่นี่ดูว่าซีกวา หลิวเจิ้งคุนยังติดตามเย่เฉินอยู่ไหมสิ”

หวังเจียเหยาเป็นหญิงสาวที่ดี คนที่หล่อนรู้จักล้วนมีแต่พวกคนมือสะอาด อย่างน้อยๆ ดูจากหน้าที่การงานของพวกเขาก็เป็นเช่นนั้น หล่อนไม่ค่อยรู้จักกับนักเลงหัวไม้เท่าไหร่นัก

ดังนั้นหล่อนจึงอยากจะยืมมือฟางเชามาหยั่งเชิงพวกนักเลงใต้ดินในอวิ๋นโจว ดูว่าพวกซีกวาและหลิวเจิ้งคุนยังเป็นลูกน้องของเย่เฉินหรือไม่

ถ้าหากยังใช่อยู่ล่ะก็จะแปลว่าที่เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก!

แน่นอนว่าก่อนหน้านี้หลิวเจิ้งคุนเคยมาหัวเซิ่ง ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขานั้นหวังเจียเหยาเองก็เห็นกับตา

ฟางเชาแค่นเสียงเย็นชา “ฉันไม่โง่นะ ไม่ต้องให้ใครมาเตือนหรอก ฉันจะถามให้รู้เรื่องก่อนถึงจะกลับไป ถ้าผัวเธอมันไม่มีน้ำยาแล้วจริงๆ ฮ่าๆ รอเก็บศพเขาได้เลย!”

“นี่ นายอย่าทำอะไรซี้ซั้วนะ! เฮ้ย…”

หวังเจียเหยารีบร้อนพูดแต่ฟางเชาชิงกดตัดสายไปก่อน

ที่บริเวณด้านนอกประตูเย่เฉินขมวดคิ้วมุ่นแล้วรีบส่งข้อความบอกหลิวเจิ้งคุน “ปล่อยฟางเชากับหลิวเจิ้งคุนเอาไว้ก่อน”

หลิวเจิ้งคุนแทบจะตอบในทันที “รับทราบครับ นายท่าน!”

พ่อบ้านฟาง หลิวเจิ้งคุนย่อมทำตามคำสั่งเย่เฉิน เรื่องาที่บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น!

แกรก

เสียงลอยออกมาเบาๆ หวังเจียเหยาปิดไฟแล้วเข้านอน

เย่เฉินค่อยๆ กลับมาที่บาร์แล้วนอนราบลงกับโต๊ะบาร์เช่นเดิม

เจ็ดโมงเช้าวันต่อมา เย่เฉินสะลึมสะลือเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังตบหน้าตนเองอยู่

“ที่รัก ที่รัก…”

เมื่อครู่เย่เฉินนอนหลับไปจริงๆ เมื่อเขาเปิดตาสองข้างก็พบวงหน้าที่งดงามนั้น

หลังจากที่เย่เฉินตื่นแล้ว เขาก็หันมองโต๊ะบาร์รอบๆ แล้วกล่าวถาม “ทำไมผมถึงมานอนที่นี่?”

หวังเจียส่ายหน้าพลางกล่าว “ดื่มเยอะไปน่ะสิ? นอนตรงไหนก็ลืมไปหมดแล้ว เมื่อวานเรียกยังไงนายก็ยอมตื่น ดึงนายยังไงก็ไม่ยอมลุกเลย นายสบายดีอยู่ใช่ไหม?”

เย่เฉินส่ายหน้า “ผมเป็นคนออกกำลังกาย ไม่ได้ป่วยง่ายแบบนั้น”

เห็นหวังเจียเหยาตื่นนอนแล้ว เย่เฉินลุกขึ้นจากโต๊ะบาร์โดยสัญชาตญาณทันที “ผมจะไปทำน้ำผสมน้ำผึ้งให้นะ”

“ไม่ต้องหรอก ฉันดื่มน้ำแล้ว”

หวังเจียเหยารั้งเย่เฉินเอาไว้

“ดื่มไปแล้วเหรอ? คุณทำเองเหรอ?” เย่เฉินหันมองหวังเจียเหยา

หวังเจียเหยาผงกศีรษะ “อืม ฉันเห็นนายเสียใจขนาดนั้น แถมดื่มเหล้าไปตั้งเยอะ ฉันก็เลยชงดื่มเอง ต่อไปนายก็ไม่ต้องชงให้ฉันทุกวันก็ได้ ฉันตื่นเช้าชงเองก็ได้”

วินาทีนี้เย่เฉินก็นิ่งไป

สามปีก่อนต่อให้เป็นตอนที่เย่เฉินไม่สบาย หล่อนก็ยังยืนกรานให้เขาชงน้ำผสมน้ำผึ้งให้หล่อนดื่ม

ไม่ใช่เพราะหล่อนใจร้าย ไม่รู้จักเห็นใจเขา

แต่เพราะหล่อนบอกว่าการดื่มน้ำผสมน้ำผึ้งที่สามีผสมให้ด้วยตัวเอง เป็นความสุขเกินบรรยาย

หนำซ้ำการชงน้ำผสมน้ำผึ้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้นก็เสร็จเรียบร้อย

ที่สำคัญเลยก็คือธรรมเนียมนี้คือการแสดงความรักอย่างหนึ่ง

ทว่าวันนี้หล่อนกลับบอกเขาว่าต่อไปนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่เป็นเหมือนการแสดงความรักของพวกเขาอีกแล้ว

เย่เฉินเดาได้ว่าเพราะอะไร

หวังเจียเหยาอยากจะค่อยๆ ทำความเคยชินกับชีวิตที่ไม่มีเขา นั่นเพราะหล่อนเตรียมตัวหย่าแล้ว

หวังเจียเหยาเริ่มมีความคิดอยากจะหย่ากับเย่เฉิน ขาควรจะดีใจถึงจะถูก แต่เขากลับรู้สึกใจสลาย

ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็เปิดปากถาม “ที่รักตอนนี้ผมโดนขับออกจากตระกูลแล้ว ไม่มีวุฒิม.ปลายในประเทศด้วยซ้ำ ต่อไปคงหางานทำยาก คุณคงไม่รักผม ไม่ต้องการผมแล้วใช่ไหม?”

หวังเจียเหยาได้ยินแบบนี้ ในใจพลันเศร้าโศก ดูถูกเขาอย่างมาก

ลูกผู้ชายอกสามศอกกลับพูดจาถ่อมตัวจนตัวเองต่ำต้อยเช่นนี้

ทว่าปากหวังเจียเหยากลับว่า “ไม่มีทางหรอก ที่รักอย่าคิดมากสิ ตอนบ่ายหงเย่นัดพวกเราไปกินข้าว นายนอนต่ออีกหน่อยเถอะ ซักสิบโมงเราค่อยออกบ้านกันดีไหม?”

“ครับ”

เย่เฉินจึงกลับไปงีบต่อในห้อง

ในตอนนี้ฟางเชากำลังขับรถกลับอวิ๋นโจวแล้ว เขาอยู่ในบริเวณพื้นที่พักรถในทางด่วนสุดท้ายก่อนถึงเขตเมืองของอวิ๋นโจว

เขาจอดในพื้นที่จอดรถไม่กล้าไปต่อ แต่เลือกที่จะโทรหาซีกวาก่อน

“พี่กวาครับ สวัสดีครับ ไม่ได้รบกวนพี่ใช่ไหมครับ?”

ฟางเชาถามด้วยใบหน้าเคารพนับถือ

“ใคร?”

ซีกวากำลังกินปาท่องโก๋และโจ๊กที่ร้านริมทาง

“ผมคือเสี่ยวเชาครับผม!” ฟางเชาลดสถานะตนเอง

ซีกวาหงุดหงิด “ใครจะแม่งรู้ว่าแกเป็นเสี่ยวเชาคนไหน บอกชื่อเต็มมาสิ!”

“ฟางเชา! ผมคือฟางเชา! พ่อผมคือฟางเสียนจู่ พวกเราเคยเจอกันไงครับ!” ฟางเชาละลั่กละล่ำตอบ

ซีกวาเช็ดคราบโจ๊กบนปากลวกๆ พาตัวเองมาหาเขาถึงที่ง่ายๆ เลยทีเดียว

เย่เฉินสั่งเอาไว้ว่าต้องการให้ฟางเชากลายเป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่เชิง ดังนั้นในช่วงนี้พวกเขาค้นหาตัวฟางเชาทั้งอวิ๋นโจวแต่ก็หาไม่เจอ

คิดไม่ถึงว่าฟางเชาจะเป็นฝ่ายมาหาตนเอง!

ทว่าเมื่อวานหลิวเจิ้งคุนสั่งเอาไว้บอกว่าอย่าเพิ่งทำร้ายฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นการชั่วคราว

ดังนั้นท่าทีที่ซีกวาปฏิบัติต่อฟางเชาจึงเป็นมิตรอย่างยิ่ง “ที่แท้ก็คุณชายฟางนี่เอง! ไม่เจอกันนานเลยนะไปทำมาหากินที่ไหนล่ะครับ? ไว้มีโอกาสช่วยแนะนำงานให้เด็กๆ หน่อยสิ เด็กมันต้องกินต้องใช้”

ฟางเชาเห็นซีกวาปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าน่าจะคุยกับเขาได้ “พี่กวาผมถามอะไรหน่อยสิ พี่ยังเป็นลูกน้องเย่เฉินอยู่ไหม?”

ซีกวากล่าว “คุณเย่น่ะเหรอ? ไม่ได้ดูข่าวเหรอ! เขากลายเป็นยาจกไปตั้งนานแล้ว! ฉันไม่ได้อยู่กับหมอนั่นนานแล้ว!”

“จริงเหรอ?” ฟางเชาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ซีกวากล่าวอธิบาย “ฉันจะหลอกนายทำไม? นายลองคิดดูนะ ฉันน่ะเป็นคนของท่านหลิวไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเย่เฉินสักหน่อย? ท่านหลิวก็ติดตามท่านฟาง ตอนนี้ท่านฟางไม่นับเย่เฉินไปนายแล้ว หนำซ้ำตอนนี้ตัวเขาเองก็ไปอังกฤษแล้วด้วย ท่านหลิวเองก็ไปแล้ว ตอนนี้ในอวิ๋นโจวฉันเป็นคนคุม ฮ่าๆ!”

ใบหน้าของฟางเชาที่ยืนอยู่ในจุดพักรถระบายยิ้มออกมาอย่างมีความสุข