เป็นไปตามที่คาดเมื่อคนล้มก็มีคนรอกระทืบซ้ำ!

ฟางเชาเคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อน หลังจากที่บ้านเขาล้มละลาย เพื่อนพี่น้องในสมัยก่อนที่เคยคบหากันของเขาก็ไม่สนใจใยดีเขา

ดังนั้นเขาถึงเชื่อในสิ่งที่ซีกวาพูด

ซีกวาจึงถามว่า “ฟางเชาฉันได้ยินเรื่องเย่เฉินกับแม่นาย อยากล้างแค้นเขาล่ะสิ? ไปเลยกลัวอะไร ฉันไม่ขวางนายหรอก ถ้านายขาดคนก็มายืมคนจากฉันได้นะเป็นนัก แต่ว่าราคาน่ะแพงนิดหน่อยนะ ฮ่าๆ”

ฟางเชากล่าว “ขอบคุณครับพี่กวา ถ้าจำเป็นต้องใช้ผมจะมาหาพี่แน่นอน! ถ้าถึงอวิ๋นโจวแล้วผมค่อยเชิญพี่ไปดื่มเหล้า!”

วางสายเสร็จแล้วฟางเชาถึงได้ขับรถออกจากจุดที่พักรถอย่างรวดเร็ว

“เย่เฉิน วันนี้ฉันจะซ้อมนายเอาให้เละเลย!”

……

เที่ยงวัน ณ ร้านอาหารฮัวชิงกู่ ห้างสรรพสินค้าต้าเยว่เฉิง เมืองอวิ๋นโจว

เย่เฉิน หวังเจียเหยา ซ่งหงเย่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน

เพราะว่าร้านอาหารร้านนี้อยู่ในห้างสรรพสินค้าต้าเยว่เฉิง ส่วนห้างสรรพสินค้าสาขานี้ถึงจะไม่เหมือนสาขาที่เมืองหลวงที่สามารถเจอดาราอยู่ตลอดเวลา

แต่ก็มีบูทีคแบรนด์เนมมากมายเช่นดิออร์ เคลวินไคลน์ สวารอฟสกีเป็นต้น

บวกกับสภาพแวดล้อมที่นี่ดีมาก หน้าประตูประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สดจึงดึงดูดลูกค้าวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี

ในร้านอาหารนอกจากโต๊ะของเย่เฉินแล้ว โต๊ะอื่นนั้นสั่งอาหารกันเต็มโต๊ะไปหมด

เย่เฉินกำลังชิมแพนเค้กอยู่ ทันใดนั้นเองก็มีคนหน้าตาคุ้นๆ ปรากฏขึ้นในครรลองสายตา

และเป็นศัตรูความรักที่ไม่ได้พบกันนานแล้ว

ฟางเชา!

“ฮ่าๆ คุณเย่ นานแล้วไม่ได้เจอกัน!”

ฟางเชาเดินมาหาเขา

เย่เฉินรู้ว่าไม่มีทางบังเอิญได้แบบนี้ที่พวกเขาสองคนจะมาพบกัน แต่เป็นหวังเจียเหยาและซ่งหงเย่จงใจบอกให้ฟางเชาได้รู้

พวกหล่อนสองคนต้องการให้ฟางเชากับหวังเจียเหยาได้พบหน้ากัน เพื่อดูว่าเย่เฉินจะล้างแค้นฟางเชาหรือไม่

และจะได้ทดสอบว่าเย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลจริงหรือไม่

เย่เฉินมองฟางเชา แววตาโหดเหี้ยม เขาพลันนึกถึงคลิปเสียงในอีเมลล์นิรนามนั้น

พอนึกถึงวันนั้น นึกถึงเรื่องที่พวกเขาสองคนทำด้วยกัน ก็อยากจะตีเขาให้ตาย!

แต่เย่เฉินรู้ว่าตนเองทำแบบนี้ไม่ได้

ต่อให้เขาบ้าคลั่งขนาดไหนก็ไม่กล้าฆ่าคนให้ตายในร้านอาหารกลางห้าง ท่ามกลางสายตาคนมากมาย

ที่สำคัญที่สุดก็คือคราวนี้เขาจำเป็นต้องสลัดหวังเจียเหยาให้ได้!

ดังนั้นเขาถึงเพียรสะกดโทสะในใจไม่สนใจอีกฝ่ายแล้วกินอาหารต่อ

ทว่าฟางเชากลับเดินตรงมาหาเขา แล้วกวาดแพนเค้กที่เย่เฉินกำลังกินอยู่ลงพื้น!

“กินบ้าอะไรอีก! ฉันกำลังคุยกับนายนะ ไม่ได้ยินหรือไง!”

ฟางเชาตะโกนเสียงดังจนทำให้แขกในร้านคนอื่นหันมามอง

เย่เฉินเองก็รู้สึกแปลกใจ คุณชายเจ้าสำราญอย่างฟางเชา ถ้าให้สู้กันตัวต่อตัวเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฉินด้วยซ้ำ

วันนี้เขากลับไม่เรียกพรรคพวกมา หนำซ้ำหลิ่วอวี่เจ๋อก็ไม่ได้ตามมาด้วย เขามาคนเดียวแล้วเขาบ้าคลั่งอะไร?

หวังเจียเหยารังเกียจคนไร้มารยาทเป็นที่สุดหล่อนพุ่งไปหาฟางเชา “ที่นี่คือร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ฟางเชานายช่วยมีมารยาทหน่อยเถอะ อย่าพูดคำหยาบได้ไหม?”

ฟางเชามองหวังเจียเหยาแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ แหมอดีตภรรยาไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ เธอนี่ยังสวยเหมือนเดิมเลย ฉันอยู่ที่เทียนไห่มานานแต่ก็ไม่เจอคนที่สวยกว่าเธอเลย แต่ว่าเรื่องที่ฉันไม่มีมารยาทเนี่ย เธอน่าจะรู้นานแล้วไม่ใช่เหรอ? วันนั้นที่โรงแรมเจียหัว พวกเราพูดคำหยาบคายกันเยอะเลยนะ ฉันจำได้ว่าเธอชอบฟังมากเลยไม่ใช่หรือไง”

หวังเจียเหยามีสีหน้าขัดเขิน “นาย…หน้าไม่อาย!”

ซ่งหงเย่ดึงเสื้อผ้าหวังเจียเหยาเพื่อเตือนไม่ให้หล่อนอารมณ์เสีย

เป้าหมายหลักวันนี้ก็คืออยากดูท่าทีของเย่เฉิน

เห็นหวังเจียเหยาไม่พูดไม่จา ฟางเชาก็มองเย่เฉินแล้วตะคอกอีกฝ่าย

“เย่เฉินทำไมไม่บ้าแล้วเหรอ? ตอนที่นายมางานแต่งงานฉันเท่มากเลยไม่ใช่หรือไง? แถมยังเป็นผู้บริหารที่ทั้งรวยและมีอิทธิพลมากไม่ใช่หรือไง ตอนนี้ทำไมไม่เป็นแบบนั้นแล้วล่ะ! หึ เมียนายฉันก็เคยได้มาก่อนแล้ว นายแม่งยังเห็นหล่อนเป็นของล้ำค่า จะให้ฉันสอนนายไหมล่ะว่าทำยังไงให้เมียนายพอใจน่ะ?”

เพี๊ยะ!

เย่เฉินอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาตบโต๊ะด้วยโทสะคว้าฟางเชาเอาไว้ จากนั้นเขากำมืออีกข้างแน่น เตรียมจะสวนเข้าหน้าฟางเชาทุกเมื่อ!

“ได้! มีปัญญาก็ต่อยมาเลย! หมัดละแปดแสน! ฉันจะดูว่านายมีปัญญาชดใช้ให้ฉันไหม! ถ้าทำให้ฉันพิการแกได้ไปนอนเน่าให้ซังเตตลอดชีวิตแน่!”

ฟางเชาเหมือนจะเตรียมตัวมาโดนซ้อมแล้ว เขาถึงขนาดที่ว่าอยากให้เย่เฉินซ้อมเขา

ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็สามารถส่งเย่เฉินเข้าคุกได้

ตามหลักแล้วหวังเจียเหยาที่เป็นภรรยาของเย่เฉิน ตอนนี้หล่อนควรจะเดินเข้ามาห้ามเพื่อปรามไม่ให้เขาใจร้อน

อย่างไรเสียตอนนี้ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามครรลองของกฎหมาย แถมยังอยู่ในสายตาคนจำนวนมากด้วย ขอแค่เย่เฉินลงมือเขาจะต้องโดนควบคุมตัวอย่างน้อยเจ็ดวันหรือมากกว่านั้น

แต่เย่เฉินเองก็เป็นคนที่เคยเรียนวิชาป้องกันตัว ทันทีที่ลงมือฟางเชาจะต้องอาการหนักแน่ หากว่าไม่ระวังซ้อมเขาจนพิการแล้ว เย่เฉินก็คงต้องติดคุกอย่างน้อยสิบกว่าปี

ตอนนี้หวังเจียเหยากำลังตั้งท้องลูกของเย่เฉิน ภรรยา คนเป็นแม่ปกติทั่วไปย่อมต้องไม่หวังว่าลูกของตนเอง เพิ่งเกิดมาก็ไม่เคยเจอหน้าพ่อแล้ว

แน่นอนว่าหวังเจียเหยาก็มีปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณคือลุกยืนขึ้นเพื่อห้ามเย่เฉิน

แต่ว่าซ่งหงเย่ที่อยู่อีกฝั่งก็กดหวังเจียเหยาลง ไม่ให้หล่อนลุกขึ้น

เย่เฉินชูมือขวาขึ้นมาขึ้นบนฟ้า มือสั่นระริก แต่ก็ไม่ได้ประทับทาบลงบนใบหน้าฟางเชา

ในเวลานี้แขกที่โต๊ะด้านข้างก็ทนมองต่อไปไม่ไหว

“หมอนี้ป่วยเหรอ? เขากินข้าวของเขาอยู่ดีๆ หมอนี่ก็มาพูดจาหยาบคายใส่อยู่ได้”

“ผู้หญิงสองคนนั้นทำไมไม่ห้ามล่ะ? หนึ่งในนั้นเหมือนจะเป็นภรรยาของคนผู้ชายที่กำลังกินข้าวอยู่ไม่ใช่เหรอ? เป็นภรรยาก็ไม่รู้จักห้าม หรือว่าหล่อนอยากให้สามีตัวเองเข้าคุกนะ?”

ฟางเชาไม่สนใจคำพูดของคนอื่น แต่ก็ยังพุ่งพรวดมาตะโกนใส่หน้าเย่เฉินอย่างหน้าไม่อาย

“เอาเลย! มีปัญญาก็เอาเลย! รอให้แกเข้าคุกอยู่ที่นั่นสักแปดปีสิบปี รอให้ฉันหายก่อนเถอะ จะไปเปิดห้องกับเมียแก ฮ่าๆ!”

ถ้ารู้เรื่องนี้หมอนี่แล้วทนได้ ก็ไม่มีอะไรที่เขาทนไม่ได้อีกแล้ว!

ในฐานะที่เย่เฉินป็นผู้ชาย ต่อให้เกิดอะไรขึ้นเขาก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว!

ทว่าในตอนที่เย่เฉินอยากจะลงมือนั้นเอง

เพี๊ยะ!

ฝ่ามือที่รุนแรงก็ฟาดลงบนใบหน้าฟางเชาเสียงดัง

แรงที่ฟาดบนหน้าเขารุนแรงจนทำให้เขาล้มลงบนพื้น

เย่เฉินหันมองก็พบว่าไม่ใช่ผู้ชายอกสามศอกที่ไหน แต่เป็นฉินหงเหยียน!

“หงเหยียน…”

เย่เฉินดีใจ หล่อนมาได้ทันเวลาพอดีจริงๆ

“ใคร! ใครแม่งตีฉัน!”

ฟางเชารีบร้อนชันตัวลุกขึ้นจากพื้น

ฉินหงเหยียนก็ฟาดฝ่ามืองบนหน้าเขาอีกครั้ง

เพี๊ยะ!

ฉินหงเหยียนกล่าว “ฟางเชาที่ฉันตบหน้านายไปสองฉาดเนี่ย ฉันสั่งสอนนายแทนพ่อแม่ของนาย! นายมีชีวิตอยู่มายี่สิบกว่าปี แต่ไม่มีมารยาทอะไรเลย คราวก่อนเย่เฉินใจกว้างปล่อยนายไป วันนี้นายได้ทีไล่ขี่แพะพูดจาหยาบคายแบบนี้ไม่รู้สึกมันน่าอายหรือไง”

ฟางเชาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้บริหารหญิงอย่างฉินหงเหยียนจะมือหนักขนาดนี้

เขาเอาแต่คิดว่าฉินหงเหยียนเป็นเหมือนผู้หญิงที่อ่อนแอ

ฟางเชาเอามือปิดหน้า แถมยังอยากจะตบหวังเจียเหยากลับด้วย แต่ก็ไม่กล้าจะลงมือทำร้ายฉินหงเหยียน

หากต่อยตีแพ้ผู้หญิงก็คงขายหน้าแย่!