เซียวเยี่ยนยื่นมือมาจับสายบังเหียนของนาง “ไม่ต้องกลัว ม้าตัวนี้นิสัยเชื่อฟัง เปิ่นหวางจูงม้าของเจ้าไปด้วยกัน ไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น”

“อย่างไรท่านก็ไม่ใช่ม้า ไฉนจึงรู้ว่ามันเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟัง! ท่านรู้หรือว่าในใจมันคิดสิ่งใดอยู่ ท่านรู้หรือว่ามันยินดีให้ข้าขี่หรือไม่?!”

“…” เซียวเยี่ยนคร้านจะโต้เถียงกับหลินชิงเวยจึงบังคับม้าให้ออกเดินไปข้างหน้า ม้าของเขาอยู่ข้างหน้า ม้าของหลินชิงเวยตามอยู่ด้านหลังอย่างสงบเสงี่ยม ม้าเพียงแต่เดินเหยาะๆ ไปตามทางเท่านั้นไม่ได้ควบให้มันออกวิ่ง ดังนั้นเมื่ออกเดินทางมาได้พักหนึ่งแม้หลินชิงเวยจะรู้สึกว่าอยู่บนหลังม้าส่ายไปมา ที่จริงก็มั่นคงดี ด้วยเกรงว่าจะตกลงมาจากหลังม้าหลินชิงเวยจึงกอดแผงคอม้าเอาไว้มั่นไม่ยอมปล่อยมือ

การเดินด้วยเท้าสี่ข้างย่อมรวดเร็วกว่าตนเองใช้ขาทั้งสองเดิน

พวกเขาไปถึงสถานที่เกิดคดีฆาตกรรมเมื่อวานนี้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว บริเวณใกล้เคียงมีมือปราบเข้าออก บริเวณประตูใหญ่ที่ได้ทำการปิดเอาไว้ดูแล้วเข้มงวดหลายส่วน

เซียวเยี่ยนและหลินชิงเวยลงจากหลังม้าแล้วเดินผ่านถนนด้านหลังมาระยะหนึ่ง เมื่อสวนทางกับชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ละแวกนั้น พวกเขาต่างรีบซอยเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นเมื่อผ่านบริเวณเรือนหลังเล็กที่เป็นสถานที่ก่อเหตุ คนที่ใช้เส้นทางสายนี้เป็นประจำบางคนถึงกับยอมอ้อมไปใช้เส้นทางอื่น

คนทั้งสองได้พบกับมือปราบหลิว เขากำลังลาดตระเวนบริเวณนี้และดูเหมือนกำลังสอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดกันเพื่อถามถึงผู้ตายเมื่อวานนี้

มองเขาเห็นเขาแต่ไกล ผิวพรรณดำคล้ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อมันเยิ้ม มือขวากุมดาบประจำตัวข้างเอวอย่างเคยชิน หลินชิงเวยหรี่ตาลง คนผู้นี้เป็นคนบ้างาน…จริงๆ หรือ

มือปราบหลิวก้าวขึ้นมาข้างหน้า ยกมือขึ้นแสดงคารวะ “ถวายคำนับเซ่อเจิ้งอ๋อง คารวะคุณ…ชายหลิน”

หลินชิงเวยพูดยิ้มๆ “ใต้เท้าหลิวมาสืบคดีที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ ช่างมีความเป็นมืออาชีพไม่สามัญจริงๆ ทำให้คนเลื่อมใสนัก”

มือปราบหลิวพูดเสียงแข็ง “คุณชายหลินกล่าวชมเกินไปแล้ว นี่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของข้าน้อย”

“มาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้า ท่านตรวจพบอะไรบ้างหรือไม่?”

ตามที่มือปราบหลิวได้ตรวจสอบ พบว่าผู้ตายเป็นสตรีสกุลเจียง นามว่า เจียงหมิงจู คนงดงามสมชื่อ นับได้ว่าเป็นสตรีโฉมงามที่สุดในถนนสายนี้

เดิมนางไม่ใช่คนในเมืองหลวง แต่เป็นหญิงชาวบ้านจากชนบทนอกเมืองนางหนึ่ง สามีของนางก็คือทำงานอยู่ในเมืองซึ่งก็คือบุรุษที่ถูกจับกุมตัวเมื่อคืน พวกเขาพบกันโดยบังเอิญต่อมาจึงจับพลัดจับผลูแต่งมาเป็นภรรยาของเขา

เมื่อเอ่ยถึงเจียงหมิงจูชาวบ้านละแวกนั้นล้วนมีท่าทีส่ายหน้าและทอดถอนใจไปตามๆ กัน สามีของนางสวี่ฮ่าวเฉียงเป็นคนซื่อสัตย์ขยันทำงาน เขารักเจียงหมิงจูอย่างยิ่ง ด้วยความรักและเอ็นดูภรรยา มีของอร่อยต้องให้ภรรยากิน มีเงินก็ต้องให้ภรรยาใช้ เขารู้ว่าเจียงหมิงจูเป็นสตรีรักสวยรักงามคนหนึ่ง จึงมักจะออกไปทำงานให้มากขึ้นเพื่อจะได้หาเงินมาให้เจียงหมิงจูซื้อเสื้อผ้าใหม่สวมใส่ แต่ชาวบ้านพูดว่าเจียงหมิงจูมิใช่สตรีสงบเสงี่ยมเท่าใดนัก เมื่อแรกที่แต่งให้สวี่ฮ่าวเฉียงเพียงเพราะสวี่ฮ่าวเฉียงเป็นคนเมืองหลวง เจียงหมิงจูนำเงินที่สวี่ฮ่าวเฉียงหามาด้วยความยากลำบากมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่เคยดูแลบ้านเรือน ในทางกลับกันกลับไปคบหาคนไม่เป็นโล้เป็นพาย ต่อมายังมีคนพูดกันว่านางนำเงินของสวี่ฮ่าวเฉียงมาเลี้ยงอนุสามีไว้ข้างนอกคนหนึ่ง และเจ้าอนุสามียังทะเลาะวิวาทกับเจียงหมิงจูก่อนที่นางจะตายอีกด้วย

เมื่อได้ยินมือปราบหลิวบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ หลินชิงเวยมองสีหน้าท่าทางของเขา “มือปราบหลิวดูเหมือนจะรังเกียจเจียงหมิงจู?”

มือปราบหลิวมีสีหน้าเย็นชา “ข้าน้อยเพียงแต่รังเกียจที่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น”

หลินชิงเวยพยักหน้า “แน่นอน ทุกคนล้วนไม่ชมชอบให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไปเถิด ยามนี้มือปราบหลิวพาพวกเราไปพบชายชู้ในตำนานของเจียงหมิงจูกัน”

ระหว่างนี้เซียวเยี่ยนไม่พูดจาสักคำ ดูเหมือนเขาจะมอบเรื่องนี้ให้หลินชิงเวยไปทำอย่างแท้จริง ส่วนตนเองกลับกลายเป็นเครื่องหมายผ่านทางของหลินชิงเวย

ส่วนมือปราบหลิวกำลังจะไปบ้านของชายชู้ผู้นั้นเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้จึงพาหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนไปพร้อมกัน เรือนของชายชู้อยู่ไม่ไกลนัก เดินไปครู่หนึ่งก็ถึงแล้วด้วยอยู่ถัดไปเพียงถนนสายเดียว

ชายชู้ผู้นี้สกุลเถียน นามว่า เถียนฝาน เขาอาศัยอยู่เพียงลำพังในเรือนหลังหนึ่ง ไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง คนที่เขาไปมาหาสู่ด้วยล้วนเป็นสตรีไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ทั้งสิ้น ชื่อเสียงของเขาฉาวโฉ่กว่าเจียงหมิงจูด้วยซ้ำ ได้ยินว่าแม่ม่ายบนถนนสายนี้ล้วนมีความสัมพันธ์กับเขาทั้งสิ้น

เมื่อพบกับเถียนฝาน พบว่าเขาเป็นบุรุษหน้าตาไม่ขี้ริ้วคนหนึ่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเซียวเยี่ยนแล้ว กลับกลายเป็นคนหนึ่งอยู่บนดินอีกคนอยู่บนฟ้าก็ว่าได้ กอรปกับคิ้วและดวงตาที่เหมือนผู้มีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อยทำให้ผู้พบเห็นไม่ชมชอบอย่างยิ่ง

บังเอิญยิ่งนัก เถียนฝานได้ยินข่าวมาบ้าง เกรงว่าตนเองจะต้องติดร่างแหไปด้วย เมื่อมือปราบหลิวพาหลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนไปถึง เจ้าหนุ่มผู้นั้นกำลังเก็บข้าวของคิดจะหนี แต่เขาคิดไม่ถึงว่าทันทีที่เขาเปิดประตูออกมา มือปราบหลิวก็ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว

มือปราบหลิวพบว่าเขาคิดจะหนี จึงดึงดาบประจำกายออกมาทันที ทันทีที่ยกแขนขึ้นดาบก็ทาบลงไปบนลำคอของเถียนฝาน

เถียนฝานเห็นเช่นนั้นตกใจจนขาอ่อนยวบ เขาถอยหลังสองก้าวแล้วนั่งแปะลงบนพื้น

เวลานี้เองหลินชิงเวยพบว่ามือปราบหลิวแตกต่างจากมือปราบคนอื่นๆ มือปราบคนอื่นๆ จะประทับดาบไว้ด้านซ้าย เพื่อสะดวกต่อการใช้มือขวาดึงดาบออกจากฝัก; แต่มือปราบหลิวกลับประทับดาบไว้ทางด้านขวา เช่นนี้ไม่เพียงแต่ไม่เป็นอุปสรรคใดๆ เขายังสามารถดึงดาบออกมาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งไม่ได้พลิกมือ เขาเพียงจับลงไปที่ด้ามดาบ คมดาบที่ทอประกายสีเงินวาววับนั้นก็ไหลผ่านแขนของเขาไป หากเขาใช้แรงมากกว่านี้สักเล็กน้อย ชีวิตน้อยๆ ของเถียนฝานคงต้องจบสิ้นเช่นกัน

เขาลงมือได้ว่องไวรวดเร็วปานนี้ ไม่เสียเวลาแม้สักกระผีก วรยุทธ์เขาย่อมไม่สามัญ มิน่าเล่าเขาจึงเป็นมือปราบประจำศาลาว่าการของเมืองหลวง

หลินชิงเวยคิดได้เช่นนี้แล้วรีบสงบจิตสงบใจลง

คมดาบไร้ตา เซียวเยี่ยนเกรงว่าคมดาบของมือปราบหลิวจะพลาดมาทำร้ายหลินชิงเวย จึงยื่นมือมาจับข้อมือของหลินชิงเวยลากมาอยู่ข้างกายตน ด้วยคิดจะปกป้องนางให้ดี

หลินชิงเวยตกตะลึงแล้วยิ้มจนตายิบหยี

มือปราบหลิวเห็นเถียนฝานหิ้วถุงผ้าห่อหนึ่งไว้บนแผ่นหลัง จึงมีสีหน้าดำทะมึนเขากัดกระพุ้งแก้มของตนและถามเสียงกระด้าง “เจ้าคิดจะหนีไปที่ใด?”

“ผู้น้อย…ผู้น้อย…” เถียนฝานพูดจาอึกอัก เขากระทืบเท้าทั้งคู่ของตนบนพื้นด้วยสีหน้าซีดเผือด “ไม่ได้หนี…”

มือปราบหลิวเห็นเขาปัสสาวะราด จึงมีสีหน้าดูแคลนอย่างที่สุด เขาใช้ดาบชี้หน้าเถียนฝานและตะคอกว่า “ลุกขึ้นมา ไปศาลาว่าการกับข้า!”

เถียนฝานไม่ยินยอมจึงถูกมือปราบหลิวลากตัวขึ้นมาแล้วบิดมือของเขา เถียนฝานรูปร่างผอมซูบแขนขาเล็กเรียวเช่นนั้นเจ็บจนร้องออกมา เขาร้องไห้ไปพร้อมกับพูดระหว่างถูกพาตัวออกจากเรือนหลังเล็ก “ข้าไม่ได้ฆ่าคน! ข้าไม่ได้ฆ่าคนนะ! เจียงหมิงจูไม่มีความเกี่ยวข้องกับข้า!”

หลังจากเถียนฝานถูกพาตัวไป หลินชิงเวยกวาดตามองเรือนหลังเล็กนี้รอบหนึ่ง นางและเซียวเยี่ยนไม่ได้เข้าไปในเรือนก็ออกจากที่นั่น

“เจ้าคิดว่าเถียนฝานเป็นฆาตกรหรือไม่?” เซียวเยี่ยนถามเรียบๆ

หลินชิงเวย “ไม่ใช่แน่นอน”