ภาคที่ 3 บทที่ 75 หลากวิธีรับมือคนด่านสู่พิสดาร

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 75 หลากวิธีรับมือคนด่านสู่พิสดาร

ซูเฉินไม่ได้ให้ความสำคัญกับวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายมากจริง ๆ

ด้วยมันก็ไม่ได้เป็นวิชาที่ดีอะไรเช่นนั้น อีกทั้งยังซับซ้อนเข้าใจยาก

เข้าใจยากเสียจนชายหนุ่มไม่อาจใช้มันได้ดั่งใจหวังในการต่อสู้ จำต้องเตรียมการก่อนจะใช้ทุกครั้งไป

เพราะในตัววิชามีรูปแบบพลังต้นกำเนิดอยู่ด้วย ซูเฉินจึงต้องตระเตรียมรูปแบบวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายก่อนจะเริ่มการต่อสู้ จากนั้นจึงจะสามารถใช้มันในยามต่อสู้เมื่อไรก็ได้ แต่หลังจากใช้ไปคราหนึ่งแล้วก็ไม่อาจใช้ได้อีก

มันเป็นรูปแบบพลังต้นกำเนิดที่ซับซ้อนมากจนกระทั่งทำให้ด้อยค่าลงในการใช้ต่อสู้ ดังนั้นซูเฉินจึงไม่ให้ค่ามันมากนัก

รูปแบบพลังต้นกำเนิดสามารถทำเก็บไว้ได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ซูเฉินจึงต้องคอยเตรียมมันให้พร้อมใช้อยู่ตลอด ดังนั้นจำนวนครั้งที่ใช้วิชาจึงน้อยลงเรื่อย ๆ

ทว่าผ้าเท่อลั่วเค่อกลับเอ่ยถึงมันขึ้นมา

ซูเฉินชะงักค้าง ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ได้ วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายซับซ้อนไป ระยะทางที่ข้าเคลื่อกายไปได้ก็สั้นเกินไปเช่นกัน”

“เพราะเจ้ายังไม่เห็นความสามารถที่แท้จริงของมัน” ผ้าเท่อลั่วเค่อตอบ “หากข้าจำไม่ผิด วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายน่าจะเป็นวิชาระดับต่ำของการกระโจนฝ่ามิติ”

“กระโจนฝ่ามิติ ?”

“ถูกต้อง การกระโจนฝ่ามิติเป็นวิชาโบราณอาร์คาน่าประเภทพลังงานสูญที่โดดเด่นวิชาหนึ่งในสมัยอาณาจักรอาร์คาน่า มันอาจไม่ใช่วิชาที่นำพาเจ้าไปได้ระยะไกลที่สุด แต่ก็นับเป็นวิชาที่ใช้ได้ง่ายและรวดเร็วที่สุด ปรมาจารย์อาร์คาน่าที่สร้างวิชากระโจนฝ่ามิติขึ้นมานามลาหมีเอ่อร์ เขาได้ใช้วิชานี้กวาดล้างพวกเผ่าคนเถื่อนเสียราบคาบ ด้วยมันเป็นวิชาเคลื่อนกายที่สามารถใช้เคลื่อนกายไปในระยะหนึ่ง ใช้หลบหนีได้ดี แม้จะใช้แล้วไปได้ไม่ไกลมากมาย แต่หากใช้หลาย ๆ ครั้งก็ใช้หลบหนีจากสมรภูมิได้แน่นอน อีกทั้งการกระโจนฝ่ามิติได้ในระยะสั้นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง การกระโจนฝ่ามิติที่แท้จริงสามารถส่งร่างเจ้าจากประตูเมืองธารน้ำใสตะวันตกไปประตูตะวันออกได้เลย”

“แต่ตอนข้าใช้ ข้าเคลื่อนกายจากห้องหนังสือมายังห้องรับแขกไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“นั่นก็เพราะที่เจ้ามีมันคือวิชาระดับต่ำ ที่ข้าคิดว่าวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายระดับต่ำเป็นการกระโจนฝ่ามิติระดับต่ำก็เพราะสายวิชานี้เป็นวิชาที่ถูกสร้างขึ้นโดยลาหมีเอ่อร์ ข้ายอมรับเลยว่าเขามีความสามารถสูงนัก ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าเรื่องใหม่ แต่มุ่งพัฒนาหาทางลดความซับซ้อนของวิชาโบราณอาร์คาน่า ดังนั้นเผ่าอาร์คาน่าระดับต่ำจะได้สามารถใช้วิชาโบราณอาร์คาน่าอันทรงพลังได้บ้าง”

ซูเฉินยักไหล่ “ใต้หล้าไม่ขาดนักฝัน”

ตั้งแต่อูเอ่อร์หลี่ที่เขาพบเป็นคนแรก ไปจนถึงเหมยอิงปู้ลู่เค่อ ไล่มาถึงผ้าเท่อลั่วเค่อ สุดท้ายเป็นลาหมีเอ่อร์ที่ผ้าเท่อลั่วเค่อกำลังพูดถึง เห็นได้ชัดว่าต่างคนต่างก็มีความฝันและเป้าหมายเป็นของตนทั้งสิ้น

แต่ละคนล้วนกระหายอยากในบางสิ่ง ไล่ไขว่คว้าในบางอย่าง ถึงขั้นที่ยอมเสียเลือดเสียเนื้อ

ไม่ว่าจะมีจุดประสงค์หรือใช้วิธีใด แต่ความฝันและแรงกายที่ทุ่มเทเพื่อทำมันให้เป็นจริงของพวกเขาก็เป็นเรื่องน่านับถือ อีกทั้งยังมีความรู้ความสามารถขั้นพื้นฐานในการทำฝันเหล่านั้นให้สำเร็จในระดับหนึ่งด้วย

ลาหมีเอ่อร์ฝันให้คนเผ่าอาร์คาน่าระดับต่ำสามารถใช้วิชาอาร์คาน่าอันทรงพลังได้มากขึ้น

ดังนั้นเขาจึงมุ่งค้นหาหนทางลดระดับพลังในการใช้วิชาขึ้นมา

วิชาเกี่ยวกับพลังงานสูญนั้นล้ำค่ามาก ไม่ว่าจะเป็นทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยหรือวิชาโบราณอาร์คาน่าก็ตามแต่

อาทิเช่น จี้ลั่วอวี่ที่มีสายเลือดอสูรกายประเภทพลังงานสูญยังทำได้เพียงสัมผัสพลังงานสูญของมิติ ใช้วิชาเคลื่อนกายไม่ได้เลย เห็นได้ชัดว่าวิชาเหล่านี้ทั้งลึกลับและได้มายากนัก

จริง ๆ แล้วมีคำกล่าวมานมนานว่าคนธรรมดาไม่ควรคิดถึงวิชาเคลื่อนกายจนกว่าจะถึงด่านสู่พิสดาร กระทั่งมีสายเลือดไหลเวียนในกายก็ยังต้องถึงด่านทะลวงลมปราณก่อนจึงจะสามารถใช้วิชาได้

แต่วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายทำลายข้อจำกัดนั้นลง ซูเฉินสามารถใช้มันทั้งที่ยังอยู่ในด่านก่อเกิดลมปราณได้ อีกทั้งการสำแดงพลังของมันยังไม่ผูกพันกับสายเลือด

ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ย “ลาหมีเอ่อร์ทำวิชากระโจนฝ่ามิติให้เรียบง่ายขึ้น กลายเป็นวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกาย แม้มันจะทำให้มีรูปแบบพลังต้นกำเนิดที่ซับซ้อนขึ้นและลดระยะการเคลื่อนกายลง แต่ก็ยังนับว่าทำสำเร็จ เจ้าโชคดีแล้วที่ก่อนหน้านี้ใช้มันแล้วศัตรูไม่สังเกต หากเจ้าใช้มันต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ เชื่อข้าเถอะ พวกเขาต้องพยายามชิงเอาวิชาจากเจ้าแน่”

เรื่องนี้ทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจจนพึมพำออกมา “วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายใช้ในการต่อสู้ไม่ได้มากนัก แต่คนก็ยังอยากแย่งชิง…… จะทำให้มันกลับเป็นวิชากระโจนฝ่ามิติได้หรือไม่ ?”

“ฮ่า ๆ!” ผ้าเท่อลั่วเค่อระเบิดเสียงหัวเราะ “ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจสักที ใช่แล้ว วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายนั้นมีพื้นฐานมาจากการลดขั้นวิชากระโจนฝ่ามิติ ดังนั้นในตัววิชาคงจะมีสูตรหรือวิธีลดขั้นอยู่เป็นแน่ หรือก็คือทุกครั้งที่เจ้ามีพื้นฐานการบ่มเพาะพลังสูงขึ้นด่านหนึ่ง ก็จะสามารถขจัดรูปแบบพลังต้นกำเนิดที่ไม่จำเป็นของวิชาโบราณอาร์คาน่าได้ระดับหนึ่ง ทำให้ใช้วิชาได้ง่ายขึ้นและวิชาทรงพลังขึ้น”

“เป็นเช่นนี้เองหรือ ?” ซูเฉินตาเป็นประกายวาบ “วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายก็เหมือนวิชาที่ถูกผนึก เมื่อพื้นฐานการบ่มเพาะพลังข้ามากขึ้นก็จะค่อย ๆ คลายผนึกวิชาออกจนกระทั่งสามารถแสดงพลังที่แท้จริงภายในออกมาได้”

“ถูกต้อง”

“แล้วท่านรู้วิธีคลายผนึกหรือ ?”

ผ้าเท่อลั่วเค่อแบมือ “ข้าไม่รู้”

แม้อูเอ่อร์หลี่จะทิ้งวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายไว้ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งวิธีเลื่อนระดับไว้ให้ ว่ากันตามตรงคือเขาก็ไม่มีวิธีเช่นกัน

ซูเฉินเคืองใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หัวเราะออก “ไม่รู้ก็ไม่รู้ ข้าจะหาทางเอง ก็แค่เล่นหาทางลดความซับซ้อนของรูปแบบพลังต้นกำเนิด หากข้ากำจัดส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้ง เก็บส่วนจำเป็นไว้ ข้ามั่นใจว่าข้าทำได้”

“ถูกต้อง หากค่อย ๆ ลงมือทำไปคล้ายการแกะรังไหมแล้ว สุดท้ายทำได้แน่ ข้าถึงกับคิดไว้ด้วยซ้ำว่าลาหมีเอ่อร์อาจจงใจไม่ทิ้งวิธีคลายผนึกไว้เพื่อให้คนอื่น ๆ พยายามหาทางคลายเอง หรือกระทั่งหาวิธีพัฒนาวิชาที่เขาทิ้งไว้ด้วยซ้ำ จนทำให้ข้าฉงนนักว่าต่อไปมันจะคลายออกเป็นวิชาระดับใด ? จะเหมือนวิชากระโจนฝ่ามิติเดิม หรือจะกลายเป็นวิชาโบราณอาร์คาน่าแบบใหม่กันแน่ ? กล่าวได้ยากนัก”

ซูเฉินหัวเราะ “น่าสนใจดี ทิ้งวิชาโบราณอาร์คาน่าไว้เช่นนี้ก็เท่ากับทิ้งความเป็นไปได้ไร้สิ้นสุดเอาไว้ ข้าชอบใจนัก !”

“เช่นนั้นก็ค้นคว้าให้ดี ตอนนี้เจ้าอยู่ด่านกลั่นโลหิต หากได้ผลเป็นชิ้นเป็นอัน วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายจะทำให้เจ้าเคลื่อนกายไกลอย่างน้อยเป็น 2 เท่า ใช้ง่ายขึ้นกว่าเดิม และหากเพิ่มสสารเงาลงไป ไม่แน่ว่าอาจใช้หนีการโจมตีของคนด่านสู่พิสดารได้ด้วยซ้ำ”

“อาจ ?” ซูเฉินทวนคำ

เขาขมวดคิ้ว

เขาไม่คิดจะทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับคำว่า ‘อาจ’ หรอกนะ

“ใช่แล้ว แค่อาจ” ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ยเสียงมั่น “ด่านสู่พิสดารก็คือด่านสู่พิสดาร ประเมินสูงไปก็ไม่ได้เช่นกัน”

“ข้าชังคำตอบนั้นนัก”

“เช่นนั้นก็หาทางสร้างไพ่ตายของตนเองขึ้นมาเพิ่มเสีย”