ตอนที่ 93 ฝีมืออำมหิต

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 93 ฝีมืออำมหิต

ปี้จูเฝ้ารออยู่ที่เรือนฉีอู๋ พอได้ยินเสียงจากด้านนอกจึงรีบเดินออกไปดู

เมื่อนางเห็นอันหลิงเกอและหมิงซินก็รีบบอกให้บ่าวในเรือนออกไปก่อนเพื่อพาทั้งสองเข้าเรือน

“คุณหนู เรื่องเป็นเยี่ยงไรเจ้าคะ ? “

ปี้จูเอ่ยถามด้วยความกังวลพร้อมคิ้วขมวดเล็กน้อย

อันหลิงเกอเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้แววตาของนางเคร่งขรึมและมีความกังวล นางเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ปี้จูที่ยืนอยู่ด้านข้างฟัง “ร้านยามิได้ขายยาเหล่านั้นอย่างง่ายดายแล้ว ต้องมีใบสั่งยาไปด้วยจึงจักสามารถซื้อได้”

หมิงซินเป็นคนฉลาดจึงเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านยาเป็นอย่างดี นางช่วยอธิบายให้ปี้จูฟัง “วันนี้ข้ากับคุณหนูไปที่ร้านฮุยฉุนถังโดยแยกกันซื้อ ข้ามิมีใบสั่งยาจึงโดนปฏิเสธโดยบอกว่าร้านฮุยฉุนถังมิมียาชนิดที่ข้าต้องการ แต่คุณหนูมีใบสั่งยาและในนั้นก็มียาที่ข้าต้องการซื้อทุกอย่าง คนในร้านฮุยฉุนถังก็รีบชั่งยาให้คุณหนูทันที”

พวกเขาแสดงให้เห็นว่ามิอยากให้ผู้ใดกักตุนยาเหล่านี้ แต่ร้านยารู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าต้องการกักตุนยา ?

อันหลิงเกอกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นในเรือนของตน

“พี่หญิงใหญ่ ท่านยุ่งทำอันใดทั้งวันจึงมิไปเยี่ยมเฉว่เอ๋อเลยเจ้าคะ”

อันหลิงเฉว่เดินเข้ามา ใบหน้าอันใสซื่อเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา มองมิเห็นความอันตรายอันใดบนใบหน้า

ทันทีที่นางเดินเข้ามา แววตาก็จ้องไปที่เอวของอันหลิงเกอ เมื่อเห็นว่าไร้ถุงเงินที่ตนให้ไว้ ดวงตาของนางก็เย็นชาไปชั่วครู่และในมิช้าก็กลับมาเป็นปกติ

อันหลิงเกอมองอันหลิงเฉว่อยู่ก็แสร้งว่ามิได้สังเกตเห็นแววตาของอีกฝ่ายแต่อย่างใด อันหลิงเกอทำเพียงแย้มยิ้มและให้ปี้จูไปชงชา จากนั้นก็ดึงอันหลิงเฉว่มานั่งข้างกาย

“ข้าจักมีเรื่องอันใดให้ยุ่งเล่า ข้าทำเพียงเดินเล่นเพื่อฆ่าเวลาไปวัน ๆ เท่านั้นเอง”

อันหลิงเฉว่มิเชื่อ ใบหน้าของนางแสร้งทำเศร้าหมองและกล่าวตัดพ้ออันหลิงเกอ “พี่หญิงใหญ่เดินเล่นทั้งวัน แล้วเหตุใดมิยอมไปหาข้าที่เรือนบ้างเจ้าคะ ? เกิดเรื่องเยี่ยงนั้นกับข้าจนเกือบมิได้เจอพี่หญิงใหญ่อีกแล้ว แต่ท่านมิเป็นห่วงความปลอดภัยของเฉว่เอ๋อเลย”

เรื่องที่นางพูดถึงคือเรื่องที่หลี่อี๋เหนียงรังแกนางแล้วนางก็คิดสั้น

เมื่อได้ฟังที่อันหลิงเฉว่กล่าวออกมา อันหลิงเกอก็เยาะเย้ยนางอยู่ในใจ เดิมทีเรื่องนี้เป็นแผนการของอันหลิงเฉว่โดยยืมอำนาจของท่านย่ามาจัดการกับหลี่อี๋เหนียงแล้วให้คนในจวนโหวรับรู้ว่านางมีความสำคัญต่อท่านย่าเพียงใด เป็นเหตุให้คนรับใช้เหล่านั้นมิกล้าทำอันใดนางอีกต่อไป

ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าอันหลิงเฉว่ อันหลิงเกอก็มิได้แสดงท่าทีอันใดออกมา นางทำเพียงหลับตาลง ทันใดนั้นใบหน้างดงามก็เศร้าหมองแล้วกล่าวว่า “มิใช่ว่าข้ามิอยากไปเยี่ยมน้องรอง เพียงแต่หลังจากเกิดเรื่องข้าก็มาครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนและรู้สึกสงสัยว่าพี่น้องในจวนโหวมีมายมายถึงเพียงนี้ เหตุใดอี๋เหนียงจึงเรียกน้องรองไปเพียงคนเดียวและเอาเรื่องการสมรสของเจ้ามาหลอกล่อเยี่ยงนี้”

“ถ้าจักบอกว่าเจ้าเพิ่งกลับมายังจวน หลี่อี๋เหนียงจึงอยากปั่นหัว ทว่าเหตุใดน้องสี่จึงมิโดนไปด้วย ? ” อันหลิงเกอกล่าวออกมาพร้อมจิบชาในมือ ดวงตาสุกใสจ้องมองอันหลิงเฉว่เพื่อสังเกตท่าที

“ฉะนั้น ข้าจึงคิดว่าเพราะอี๋เหนียงมิชอบข้าหรือเปล่า และน้องรองสนิทกับข้าจึงพาลมิชอบเจ้าไปด้วย นางจึงอยากข่มขู่เจ้าเพื่อให้ออกห่างจากข้าบ้าง นางต้องการให้ข้าโดดเดี่ยว”

การคาดเดาของอันหลิงเกอคล้ายจักเป็นจริง เมื่ออันหลิงเฉว่มิสามารถพูดอันใดเพื่อหักล้างได้จึงทำเพียงมุ่ยปากแล้วทำท่าทีออดอ้อนเหมือนเด็ก “เพราะเหตุผลนี้จึงทำให้พี่หญิงใหญ่ห่างเหินกับเฉว่เอ๋อ ท่านทำเยี่ยงนี้ข้าเสียใจมากเลยเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอเห็นท่าทีเยี่ยงนี้ก็แสร้งปลอบใจนาง “ข้ามิอยากห่างเหินกับเจ้าหรอก เพียงแต่ข้าคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าจึงมิกล้าเข้าหามากนัก หากอี๋เหนียงลงมือกับเฉว่เอ๋ออีกครั้งจักทำเยี่ยงไร ข้าจักรายงานต่ออาสะใภ้สามอย่างไร ? “

อันหลิงเฉว่ทำปากมุ่ยอีกครั้ง แสดงสีหน้าไร้เดียงสาแล้วแสร้งกล่าวอย่างลืมตน “เฉว่เอ๋อมีท่านย่าคอยอยู่เคียงข้าง ข้ามิกลัวอี๋เหนียงหรอกเจ้าค่ะ มิว่านางจักใช้วิธีอันใดก็ตาม”

ดูเหมือนอันหลิงเฉว่ตั้งใจพูดถึงฮูหยินผู้เฒ่าต่อหน้าอันหลิงเกอ ตั้งใจให้รับรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าทั้งรักและเอ็นดูนางมาก แต่ผิดคาดที่มิเห็นแววตาของอันหลิงเกอเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

เดิมทีอันหลิงเฉว่ต้องการกล่าวเรื่องพวกนี้ให้อันหลิงเกอรู้สึกอิจฉาตน ทว่าอีกฝ่ายมิแยแสอันใดเลย จนอันหลิงเฉว่รู้สึกท้อใจและรำคาญขึ้นมา

“เอ่อ พี่หญิงใหญ่ ถุงเงินที่ข้าให้ท่านหายไปไหนเจ้าคะ เหตุใดท่านมิพกติดตัว หรือว่ามิสวยจึงมิอยากห้อยมันเอาไว้ ? “

อันหลิงเฉว่ทักออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจราวกับว่าเพิ่งสังเกตเห็น

อันหลิงเกอก้มหน้ามองที่เอวของตนจึงพบว่ามิมีเครื่องประดับอันใดเลย

ปี้จูที่อยู่ด้านข้างจึงรีบพูด “เรียนคุณหนูรอง บ่าวนำชุดของคุณหนูไปซักและบังเอิญหยิบถุงเงินติดไปด้วย ตอนนี้บ่าวเอาตากไว้ตรงฝั่งนั้นเจ้าค่ะ”

อันหลิงเฉว่พยักหน้าและรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “พี่หญิงใหญ่มีถุงเงินอันเดียวหรือเจ้าคะ เหตุใดมิมีเครื่องประดับที่เอวของพี่หญิงเลย ข้ารู้สึกว่าการแต่งกายของท่านในวันนี้แปลกตากว่าทุกวัน”

ปกติแล้วอันหลิงเกอมิได้มีถุงเงินเพียงอย่างเดียว อย่างน้อยจักต้องมี 3 – 5 อันเพื่อเอาไว้เปลี่ยน

สีหน้าของอันหลิงเกอยังคงแสดงความกระดากอายดังเดิม “ฝีมือเย็บปักของข้ามิได้เรื่อง ถุงเงินที่ทำออกมาก็บิดเบี้ยวจึงคิดว่ามิพกติดตัวดีกว่า หากมิใช่ฝีมือของน้องรองดีเยี่ยม ข้าก็มิพกติดตัวหรอก”

ถุงเงินมิใช่เพียงให้กลิ่นหอมแต่ยังสามารถใช้ใส่สิ่งของ หากมิมีติดกายเอาไว้ย่อมลำบาก

เมื่ออันหลิงเฉว่คิดได้เยี่ยงนั้น ภายในดวงตาของนางก็ทอประกายขึ้นมาแต่ใบหน้ายังไร้เดียงสาอยู่ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจักให้คนส่งถุงเงินมาให้พี่หญิงนะเจ้าคะ ท่านห้ามปฏิเสธด้วย”

เมื่อกล่าวจบอันหลิงเฉว่ก็มัวแต่นึกดีใจ หากอันหลิงเกอใช้ถุงเงินที่นางใส่กลิ่นชะมดเข้าไปด้วย มิเกินสองปีร่างกายของอันหลิงเกอต้องมีปัญหาโดยผลข้างเคียงของกลิ่นชะมดจักทำให้อันหลิงเกอมิสามารถตั้งครรภ์ได้ พอถึงตอนนั้นมู่ซื่อจื่อก็จักเป็นของนาง !

เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น แววตาของอันหลิงเฉว่ก็ฉายแววดีใจขึ้นมาอย่างปิดมิมิด นางเอาแต่สนใจเพียงสิ่งที่ตนคิดและต้องการ แต่มิได้สังเกตเห็นแววตาของอันหลิงเกอที่อยู่ตรงหน้าว่าแฝงความเย้ยหยันอย่างเปิดเผย

อันหลิงเกอเห็นท่าทีของอันหลิงเฉว่ก็แสร้งทำมิรู้เรื่องที่อีกฝ่ายจักลอบทำร้ายตนและกล่าวปฏิเสธอย่างเกรงใจ “น้องหญิงเคยให้ถุงเงินแก่ข้าแล้ว มันเป็นของขวัญที่น้องสามและน้องสี่ยังมิเคยได้รับ ทำให้ข้านั้นดีใจยิ่งนัก แล้วจักให้เจ้าลำบากทำให้อีกได้เยี่ยงไร ? ราวกับข้าเรียกใช้เจ้าเยี่ยงสาวใช้ หากท่านย่ารู้จักต้องทำโทษให้ข้าคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษเป็นแน่”

อันหลิงเกอกำลังใช้คำกล่าวของอันหลิงเฉว่มาปิดปากของนางไว้เอง ในเมื่อนางชอบอวดอ้างว่าฮูหยินผู้เฒ่าทั้งรักและเอ็นดู เยี่ยงนั้นฮูหยินผู้เฒ่าต้องมิยอมให้นางเย็บถุงเงินมากมายเพื่อให้ผู้อื่นอย่างแน่นอน

อันหลิงเฉ่วกะพริบตาแล้วยิ้มอย่างไร้เดียงสา “ได้เยี่ยงไรกันเจ้าคะ เฉว่เอ๋อสนิทกับพี่หญิงใหญ่เพียงนี้ เราสองพี่น้องผูกพันธ์กัน เมื่อเฉว่เอ๋อจักส่งถุงเงินให้ท่านก็เป็นการแสดงน้ำใจของตน ท่านย่าจักลงโทษท่านด้วยเหตุใดกัน ในเมื่อท่านย่าอยากให้จวนโหวของเรารักใคร่กลมเกลียวนี่เจ้าคะ”

อันหลิงเกอเห็นว่าอันหลิงเฉว่แน่วแน่จักส่งถุงเงินให้ตน ดวงตากลมโตของอันหลิงเกอก็ดำลึกจนมองมิออกว่ากำลังคิดอันใดอยู่ ทว่าใบหน้ายังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน “ถ้าเยี่ยงนั้นข้าต้องขอบคุณน้องรองแล้ว”