ตอนที่ 94 หลี่ซื่อลงมือ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 94 หลี่ซื่อลงมือ

“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูรองทำเกินไปแล้ว ! คุณหนูมิมีความแค้นอันใดต่อนางเลย ทว่านางลอบทำร้ายคุณหนูครั้งเดียวมิพอ ยังเล่นละครทำหน้าตาไร้เดียงสาแสร้งมีน้ำใจต่อคุณหนูอีก คาดมิถึงว่าอายุยังน้อยแต่ความคิดช่างโหดร้ายเหลือเกินเจ้าค่ะ ! “

อันหลิงเฉว่เพิ่งออกจากเรือนฉีอู๋ไป ปี้จูก็มิสามารถทนเก็บแววตา สีหน้าและความรู้สึกที่มิต่ออีกฝ่ายได้อีกต่อไปจึงเป็นเหตุให้บ่นออกมาทันที

หมิงซินที่มาทีหลังจึงมิรู้เรื่องที่อันหลิงเฉว่ใส่กลิ่นชะมดในถุงเงินเพื่อทำร้ายอันหลิงเกอตั้งแต่ที่อันหลิงเฉว่เพิ่งกลับมายังจวนโหว พอได้ฟังปี้จูบ่นก็พอจักคาดเดาเรื่องราวได้อย่างคร่าว ๆ

“ปี้จู เจ้ากลัวอันใดหรือ ? นี่เป็นเพียงครั้งที่สองที่นางใช้กลอุบายเยี่ยงนี้ ข้ายังสามารถป้องกันตัวได้ เพียงแค่เปลี่ยนส่วนผสมในถุงให้เป็นกลิ่นหอมของดอกไม้ทั่วไปโดยมิต้องออกแรงอันใดเลย ที่น่ากลัวคือหลี่อี๋เหนียงต่างหากเพราะนางทำให้ข้าแทบป้องกันตัวมิทัน”

หากมิใช่ว่านางมีความสงสัยในตัวแม่นมจ้าวจึงให้คนคอยจับตามองเอาไว้อย่างระวัง เรื่องตุ๊กตามนต์ดำในวันนั้นก็คิดว่าต้องเสียเปรียบหลี่ซื่อเป็นแน่

โชคยังดีที่ตนมีความทรงจำของชาติที่แล้ว ฉะนั้นจึงระวังแม่นมจ้าวและหลี่ซื่อเป็นพิเศษ แต่นางก็มิสามารถจดจำทุกเรื่องในชาติก่อนทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องราวหลังจากนี้ นางจดจำได้น้อยมากจึงต้องระวังให้มากขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับหลี่ซื่อ

ปี้จูและหมิงซินได้ฟังอันหลิงเกอกล่าวออกมาเยี่ยงนี้ ทั้งสองคนก็พยักหน้ารับรู้ทันทีว่าผู้ที่คุณหนูอยากให้ระมัดระวังที่สุดในจวนโหวคือสองแม่ลูกหลี่ซื่อ

หลังจากอันหลิงเกอกล่าวจบก็ให้ปี้จูเก็บถ้วยชาและนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “เมื่อวานนี้เว่ยอี๋เหนียงกลับไปพักที่เรือนเดิมของนางแล้ว แต่ข้ายังมิได้ไปเยี่ยมนางเลย หมิงซินไปเตรียมของขวัญแล้วไปเยี่ยมนางพร้อมข้าและปี้จู”

หมิงซินเดินออกไปเตรียมของขวัญ อันหลิงเกอก็นั่งครุ่นคิด อยากรู้ว่าเว่ยอี๋เหนียงที่ได้กลับไปเรือนเดิมจักมีความประพฤติเยี่ยงไร เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นจึงอยากลองใจนางเสียหน่อย

หมิงซินเตรียมของขวัญเรียบร้อย

หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็พานางสองคนเดินทางไปยังเรือนของเว่ยอี๋เหนียง เมื่อกำลังเดินผ่านทะเลสาบขนาดเล็กบริเวณสวนดอกไม้ก็เห็นสาวใช้สองคนกำลังเล่นกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง

เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นนางก็เตรียมเดินต่อไป แต่มีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้นางหันไปมองที่ตัวเด็กชายนั้นอีกครั้ง

เห็นเด็กชายตัวน้อยถูกผ้าปิดตาเอาไว้ จากนั้นก็ยื่นมือสองข้างคว้าจับไปมาเพื่อไล่จับสาวใช้ทั้งสองคน แต่ก็จับปลายเสื้อของพวกนางเอาไว้มิได้

“คุณชายหยู พวกเราอยู่ทางนี้เจ้าค่ะ”

สาวใช้คนหนึ่งเดินไปทางทะเลสาบสองก้าวและเอ่ยเรียกอันหลิงหยูเสียงดัง

อันหลิงหยูได้ยินเสียงก็หัวเราะออกมาและได้เดินตามเสียงเรียกไป

เมื่อเห็นอันหลิงหยูเดินมาทางทะเลสาบที่ตนยืนอยู่ ภายในดวงตาของสาวใช้ก็ฉายแววได้ใจ พลันส่งสายตาให้สาวใช้อีกคนร่วมมือกันเรียกอันหลิงหยูให้

เดินไปทางทะเลสาบทีละก้าวเหมือนมิได้จงใจ

“เดี๋ยวข้าก็จับพวกเจ้าได้แล้ว” เสียงอันหลิงหยูยังอ่อนโยนและสนุก มือทั้งสองข้างยื่นออกไปคว้าหาคนที่อยู่ตรงหน้า จังหวะที่กำลังจักจับปลายเสื้อของสาวใช้คนหนึ่งได้ นางก็เบี่ยงตัวหนีไปด้านข้างอย่างฉับพลัน

อันหลิงหยูมิรู้ว่าตนตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายจึงเดินไปทางทะเลสาบเรื่อย ๆ ตามเสียงเรียกของสาวใช้ทั้งสอง

เมื่อเท้าของอันหลิงหยูเหยียบโดนน้ำที่หนาวเย็น เขาจึงรีบดึงเท้ากลับตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นแววตาสาวใช้ก็ดุร้ายขึ้นมาและลงมือผลักอันหลิงหยูลงทะเลสาบทันที!

“ช่วยด้วย ! ” แม้อันหลิงหยูมิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แต่ทันใดนั้นก็มีน้ำจากทะเลสาบพุ่งเข้ามาในปากและจมูกของตน เป็นเหตุให้เขาต้องร้องขอความช่วยเหลือ

ปี้จูและหมิงซินเห็นสถานการณ์เช่นกันจึงมองไปทางอันหลิงเกอ เมื่อได้รับสัญญาณจากอันหลิงเกอแล้ว พวกนางก็รีบวิ่งไปที่ทะเลสาบทันที

สาวใช้ทั้งสองเมื่อเห็นว่ามีคนมาทางนี้ ใบหน้าของพวกนางก็ซีดเผือดแต่ยังทำตัวราวกับเป็นสาวใช้ที่ซื่อสัตย์และบังเอิญทำให้อันหลิงหยูตกน้ำอย่างมิได้ตั้งใจ “คุณชายหยู คุณชายหยู ท่านตกน้ำได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? “

เมื่อพวกนางหันมาพบอันหลิงเกอที่เดินเข้ามา พลันในแววตาของพวกนางก็ฉายแววกังวลจนพูดอันใดมิออก แต่ก็ยังมิรีบลงน้ำไปช่วยอันหลิงหยูอย่างที่ควรทำ ยังคงหาข้ออ้างแก้ตัวออกมา “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ข้าน้อยได้รับคำสั่งจากเว่ยอี๋เหนียงให้พาคุณชายหยูมาเล่นเจ้าค่ะ แต่คุณชายหยูมิระวังจึงตกน้ำโดยมิคาดคิด คุณหนูใหญ่โปรดช่วยคุณชายหยูด้วยเถิดเจ้าค่ะ ! “

เมื่อสาวใช้คนหนึ่งกล่าวจบ นางทั้งสองก็แสร้งคุกเข่าลงพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและอ้อนวอน ทว่าบนใบหน้าของพวกนางไร้ร่องรอยความรู้สึกผิดที่ได้การกระทำลงไปแม้แต่น้อย

หากมิใช่เพราะเห็นกับตาก็คงถูกสาวใช้ทั้งสองหลอกเอาก็ได้

แต่ตอนนี้มิใช่เวลามากล่าวโทษผู้ใด เพราะการช่วยอันหลิงหยูเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ข้าน้อยว่ายน้ำเป็น ให้บ่าวลงไปช่วยคุณชายหยูเถิดเจ้าค่ะ ! ” หมิงซินกล่าว

เมื่ออันหลิงเกอได้ยินเสียงของหมิงซินก็จ้องไปทางร่างน้อยที่ดิ้นรนอยู่ในน้ำและกำลังจักหยุดเคลื่อนไหวในมิช้า เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นอันหลิงเกอรู้สึกตื่นตะลึงอย่างอธิบายมิถูก จึงมิสนใจสาวใช้สองคนและรีบออกคำสั่งให้หมิงซินจัดการ “รีบเร็วเข้า รีบลงไปช่วยเขาขึ้นมา อย่าให้เขาเป็นอันใดไป ! “

ส่วนปี้จูที่อันหลิงเกอบอกให้ไปตามเว่ยอี๋เหนียงที่เรือนก็กลับมาพร้อมเว่ยอี๋เหนียงที่พาบ่าวมาช่วย จนเวลานี้รอบทะเลสาบแน่นไปด้วยผู้คน

โชคดีที่หมิงซินว่ายน้ำเก่งและทะเลสาบก็มิกว้างใหญ่จึงช่วยอันหลิงหยูขึ้นมาได้

ทว่าเด็กชายตัวน้อยหมดสติไปแล้ว หมิงซินจึงกดลงที่หัวใจของอันหลิงหยูหลายที จากนั้นเขาก็อาเจียนน้ำในปากออกมาและหายใจได้ในที่สุด

“หยู*เกอร์เอ๋อ ! ” เว่ยอี๋เหนียงเห็นใบหน้าซีดเซียวของอันหลิงหยูที่นอนอยู่ตรงพื้นจากที่ไกล นางจึงร้องเรียกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ จากนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาหาอันหลิงหยู

เมื่อเห็นท่าทีปานจักขาดใจของเว่ยอี๋เหนียง หมิงซินจึงลุกขึ้นแล้วคำนับต่อนาง “เรียนเว่ยอี๋เหนียง คุณชายหยูมิเป็นอันใดแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่กลืนน้ำลงไปหลายอึกจึงหมดสติไป อีกสักครู่คงฟื้นขึ้นมาเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้น เว่ยอี๋เหนียงจึงยื่นมือไปสัมผัสลมหายใจของอันหลิงหยูถึงได้รู้สึกโล่งอก จากนั้นนางก็เงยหน้ามองอันหลิงเกอที่ยืนอยู่ด้านข้างเพราะรู้ว่าหมิงซินเป็นสาวใช้ของอันหลิงเกอ พลันดวงตาคู่นั้นก็แดงก่ำ “ขอบคุณคุณหนูใหญ่ที่ช่วยหยูเกอร์เอ๋อเอาไว้ บุญคุณอันใหญ่หลวงของท่าน ข้าและลูกชายจักจดจำไว้ตลอดชีวิต”

“เว่ยอี๋เหนียง อย่าขอบคุณข้าเลย ท่านรีบลุกขึ้นเถิด” อันหลิงเกอช่วยดึงนางที่ทำท่าจักคุกเข่าแล้วหันไปมองสาวใช้สองคนนั้น “ท่านรีบสอบถามสาวใช้สองคนนี้ก่อนดีกว่า ถามว่าผู้ใดกันแน่ที่สั่งพวกนางมาทำร้ายหยูเกอร์เอ๋อ”

“ข้าน้อยถูกปรักปรำเจ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสองมีใบหน้าเปลี่ยนสีทันที ยังคุกเข่ากล่าวว่าตนถูกปรักปรำ ร้องไห้ไปพลางดึงปลายเสื้ออันหลิงเกอไปพลาง “ที่คุณชายหยูตกน้ำเป็นเหตุบังเอิญเจ้าค่ะ ข้าน้อยก็รู้สึกผิดและเสียใจที่เกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ขึ้น แต่คุณหนูใหญ่จักโยนความผิดมาที่พวกข้ามิได้นะเจ้าคะ!”

พวกนางแสดงความแน่วแน่ แม้ตีให้ตายก็คงมิยอมรับ อันหลิงเกอมิอยากพูดเปลืองน้ำลายจึงให้หมิงซินกล่าวแทน “หมิงซิน เจ้าเล่าเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อครู่ให้เว่ยอี๋เหนียงฟังที”

หมิงซินมิเพียงฉลาดและมีไหวพริบ ปากนางก็เก่งเช่นกัน นางเล่าเรื่องที่สาวใช้สองคนนี้ร่วมมือกันทำให้อันหลิงหยูตกน้ำเยี่ยงไรและยังผลักอันหลิงหยูจากด้านหลัง ด้วยคำพูดมิกี่คำของหมิงซินก็สามารถทำให้เว่ยอี๋เหนียงเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด

เมื่อเว่ยอี๋เหนียงได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากหมิงซิน ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด จากนั้นก็แดงก่ำเพราะความโกรธ

“พวกเจ้ากล่าวออกมา เหตุใดพวกเจ้าต้องทำร้ายหยูเกอร์เอ๋อของข้าเยี่ยงนี้ ! “

เว่ยอี๋เหนียงที่แสนอ่อนแอและพูดจาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแผ่วเบามาโดยตลอด ตอนนี้นางได้สอบถามสาวใช้ทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดูมีอำนาจและน่ากลัวยิ่งนัก เป็นเหตุให้สาวใช้ทั้งสองตกตะลึงไปชั่วครู่

สาวใช้ทั้งสองรู้สึกว่าแย่เข้าแล้ว ตั้งแต่ได้ฟังหมิงซินเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกมาอย่างชัดเจน พวกนางคาดมิถึงว่าอันหลิงเกอมิเพียงส่งคนไปช่วยอันหลิงหยู แต่ยังเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอีกด้วย !