ตอนที่ 227 เรื่องส่วนตัว
“ดีที่สุดหากไม่มี!”
“แน่นอน” แน่นอนว่าย่อมมีเรื่องส่วนตัวกว่านั้น!
เมื่อมายังชั้นหนึ่ง เหลียวเว่ยก็รีบเร่งเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเธอจะไม่รีบร้อน แต่เธอกับโอวหยางลี่ก็นัดกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นการที่เหลียวเว่ยมาที่นี่ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
เธอถูกเลขาพาไปยังห้องรับรองเพื่อพักผ่อน เธอเองก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร ก่อนจะนั่งรออย่างใจเย็น
ภายในห้องทำงานของประธาน โอวหยางลี่กำลังมองผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามเขา “เธอคิดจะเชิญจิ่งเป่ยเฉินมาอย่างนั้นเหรอ?”
“ทำไมถึงไม่อยากเชิญเขามา?” เหลียวเว่ยเอ่ยถามขึ้น ถึงแม้ทุก ๆ ปีจะมีการเทียบเชิญ แต่ว่าทุก ๆ ปีจิ่งเป่ยเฉินก็ไม่เคยมาสักครั้ง
แต่ปีนี้มันไม่เหมือนกัน เธอรู้สึกว่าจิ่งเป่ยเฉินจะต้องมาอย่างแน่นอน และต้องมีผู้หญิงที่มากับเขาเพิ่มด้วยอีกหนึ่งคน
“ฉันยังไม่ทันบอกเลยว่าไม่ได้ ฉันแค่อยากจะบอกว่าทำไมถึงต้องทำอะไรเกินตัว รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่มีทางมาอยู่แล้ว” โอวหยางลี่เอนหลังไปกับพนักเก้าอี้ ก่อนจะรับโทรศัพท์บนโต๊ะที่ดังขึ้น
เลขารายงานว่าอันอีหานกำลังรอเขาอยู่
เขาตอบกลับเพียงหนึ่งคำก่อนจะวางสายไป
“วันนี้ฉันจะส่งคนไปเทียบเชิญ ส่วนคนที่รอคุณอยู่นั้น คุณก็ไปเถอะ!” เธอยิ้มบาง ๆ ให้ เมื่อครู่นี้มันแสดงให้เห็นถึงการปรากฏตัวของผู้หญิงคนนั้นเข้า “เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะมากับเธอด้วยแหละ”
“แล้วคุณได้พูดอะไรอีกไหม?” ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าเธอเคยพูดว่าอันอีหานก็คืออันโหรว
ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นเป็นอันโหรวจริง เธอคงจะต้องถูกเยาะเย้ยและถากถางอย่างแน่นอน
“ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย คุณมองว่าฉันจะทำอะไรกันแน่? ฉันไม่ชอบเธอก็จริง แต่แล้วยังไง ตราบใดที่เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ ฉันก็ไม่สนอะไรทั้งนั้น” ในสายตาของเธอนั้นมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่สำคัญ
ส่วนคนอื่น ๆ จะอะไรก็ช่างมันเถอะ ต่อให้เป็นอันโหรวจริง ถ้าหากในใจของเขานั้นไม่มีอันโหรวอยู่ อันโหรวเองก็ไม่ใช่คนที่น่าหวาดกลัวอะไร
“ฉันไปทำธุระก่อน!” เธอพูดจบก็ลุกเดินออกจากห้องทำงานไป
เมื่อเดินมาถึงห้องรับรอง เธอก็เหลือบสายตามองไปที่ด้านใน ต่อให้ใบหน้านั้นจะเปลี่ยนเป็นซีดเหลือง น้ำเสียงจะแหบพร่า แต่ความรู้สึกที่บ่งบอกออกมานั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เธอเชื่อว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นอันโหรวอย่างแน่นอน!
โอวหยางลี่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าห้องรับรองและมองเธอด้วยท่าทีที่จริงจัง แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเอาเธอไปเปรียบเทียบกับโหรวโหรว แต่ทุกครั้งที่ได้มองเธอเขาจะรู้สึกถึงความรู้สึกที่แตกต่างกันทุกครั้ง
“ประธานโอวหยาง พวกเราจะขอพูดกันตามตรง สัญญาครั้งก่อนนั้นบริษัทโอวหยางกรุ๊ปมีความเห็นยังไงบ้าง?” เธอมองเขาอย่างมีหลักมีแผน ไม่สนใจแม้ว่าจะมองเขาอย่างตรง ๆ หรือไม่ก็ตาม
“ช่วงนี้บริษัทจิ่งมีข่าวร้อนแรงอยู่เต็มไปหมดเลยนี่ หัวหน้าเลขายังมีอารมณ์มาสนใจเรื่องเล็กน้อยของพวกเราอีกเหรอ?” เขายิ้มและถามกลับไป
“ร้อนแรงสิคะยิ่งดี และก็น่าจะดีกว่าข่าวล่าสุดของประธานโอวหยางด้วยหรือเปล่า แต่ว่าถ้าหากเทียบกับประธานโอวหยางแล้ว เรื่องของฉันคงไม่น่ากล่าวถึงเท่าไรหรอกค่ะ” เธอเป็นแค่เลขา แต่เขาเป็นถึงประธาน ระดับมันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว
“นั่นก็ไม่เสมอไปหรอก เลขาอันเป็นผู้หญิงที่ประธานจิ่งชื่นชอบ ในอนาคตคงได้เป็นภรรยาของประธานแน่” เขานึกถึงภาพที่เขาเห็นในอินเทอร์เน็ต ก่อนที่ดวงตาจะหรี่เล็กลงพลางมองดูเธอว่ามีความสามารถอะไรกันแน่?
“แล้วทางประธานโอวหยางมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างคะ? หรือว่าคุณคิดอยากจะเป็นเหมือนฮั่วตง?” เธอจงใจเอ่ยถึงฮั่วตงเพื่อดูปฏิกิริยาของเขา
“ประธานจิ่งยังคงทำเรื่องที่ดูโหดเหี้ยมเหมือนเช่นเคยเลยนะ” เขาเอื้อมมือไปที่ด้านหลัง ก่อนที่เลขาจะส่งสัญญาให้กับเขา
เมื่อดูจากท่าทางของเขาแล้ว ไม่เหมือนกับคนที่กำลังโกหกแต่อย่างใด การตายของฮั่วตงคงไม่น่าเกี่ยวข้องกับเขา แล้วแบบนี้เป็นใครกันแน่?
“สัญญานี้ยังมีบางอย่างที่ต้องปรึกษาหารือ รอผมเข้าประชุมก่อนแล้วค่อยหารือเกี่ยวกับมันก็แล้วกัน” เขาโยนสัญญาที่เธอเคยให้ไว้ลงบนโต๊ะ และพููดขึ้นว่า “แล้วเลขาอันว่ายังไงบ้าง?”
“ไม่ว่ายังไงหรอกค่ะ นี่เป็นสัญญาที่ประธานจิ่งตรวจสอบดีแล้ว เขาบอกไว้ว่าไม่มีเวลาว่างให้มานั่งปรึกษาสำหรับตอนนี้ค่ะ ตอนนี้บริษัทจิ่งกำลังเข้าสู่เรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์หยกแล้ว ประธานโอวหยางย่อมสามารถค่อย ๆ คิดพิจารณาได้ ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่นะคะ”
โอวหยางลี่ที่นั่งอยู่เหลือบมองเธอที่กำลังลุกขึ้น กระทั่งเสียงของรองเท้าส้นสูงดังห่างออกไปไกลเรื่อย ๆ
เขามองสัญญาที่อยู่บนโต๊ะก่อนที่จะหัวเราะออกมา
……
หลายวันที่ผ่านไป และไม่กี่วันมานี้ แพทย์ที่รักษาอาการของฮั่วตงก็ปรากฏตัวขึ้นและบอกถึงสาเหตุการเสียชีวิตของฮั่วตงว่าเป็นการเสียชีวิตปกติ และยังบอกด้วยว่าฮั่วตงนั้นดื่มแอลกอฮอล์จนมึนเมา กระทั่งขับรถไปจนเกิดอุบัติเหตุและถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลด้วยสภาพที่มึนเมา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจิ่งเป่ยเฉินเลยแม้แต่น้อย หวังว่าทุกท่านจะไม่เผยแพร่ข่าวที่ไม่เป็นความจริงออกไป
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งวัน ในที่สุดภาพอุบัติเหตุระหว่างรถของหมินลี่และฮั่วตงก็ได้ถูกแพร่กระจายไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ต เห็นได้ชัดว่ารถของหมินลี่กำลังจอดรอไฟเขียวอยู่ แต่แล้วรถของฮั่วตงก็พุ่งเข้าไปชนรถของหมินลี่ในช่วงที่สัญญาณจราจรยังเป็นสีแดง
เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ในโลกอินเทอร์เน็ตก็เริ่มเกิดหัวข้อสนทนาที่ดุเดือดขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้แสดงคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้เลย และดูเหมือนว่าเขานั้นไม่มีทีท่าที่จะสนใจด้วยซ้ำ
ขณะที่เธอกำลังดูข่าวของเขาอยู่นั้น เขาก็ชำเหลืองสายตามองมาอย่างเกียจคร้านและเอ่ยด้วยท่าทีเย็นชาว่า “เธอมาจูบฉันหน่อยสิ ฉันจะได้มีความสุขมากกว่าเห็นของพวกนี้”
จากนั้นเธอก็หยิบแท็บเล็ตออกไป
ช่วงเวลาพริบตาก็ถึงงานวันเกิดของเฉาลี่เฟย อันโหรวนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง กำลังตั้งใจแต่งหน้าอย่างจริงจัง
จิ่งเป่ยเฉินที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วยืนอยู่ด้านหลัง พลางมองเธออย่างไม่กะพริบตา ราวกับว่าเขาชื่นชมเครื่องสำอางที่ทำให้เธอสวยและงดงามได้ขนาดนี้
เขามองใบหน้าขาว ๆ ที่เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เริ่มซีดเซียวเล็ก ๆ ของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เธอดูดีมากเลย ก่อนหน้านั้นที่อยู่ในทีวี ดูไปแล้วใบหน้านี้แทบจะละลายได้เลย”
“ฉันจะต้องเอาของพวกนี้ไปทิ้งแน่!” ถ้าหากครั้งแรกที่เขาพาเธอไปด้วย เขาล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าเธอออกและทำการแต่งหน้าใหม่ ตอนนั้นก็จะรู้ว่าเป็นเธอ
เธอเหลือบมองเขาผ่านกระจกและทาแป้งรองพื้นต่อ “ยี่ห้อเครื่องสำอางนี่ไม่เลวเลยนะ ดูเป็นธรรมชาติมากเลย”
“เธอใช้ของที่ฉันซื้อให้ด้วยเหรอ” เขาเดินมาด้านหน้าและมองไปที่เครื่องสำอางบนโต๊ะ เป็นเครื่องสำอางของเขาจริง ๆ
“ใช้ไม่ได้เหรอ?” เธอไม่ได้มองเขา แต่ยังคงมองตัวในกระจกอยู่
“ได้สิ” เขาต้องดูแลเธออย่างดี ไม่ให้ใบหน้าเธอโดนน้ำ
หลังจากที่พวกเขาออกไป คงต้องให้คนมาเปลี่ยนเครื่องสำอางของเธอ ไม่อย่างนั้นหากถูกเธอจับได้ วันที่เขาต้องทุกข์ทรมานได้มาถึงแน่
เธอสวมชุดราตรีสีม่วงและยังคงแต่งหน้าบาง ๆ แบบเดิม ผมของเธอถูกม้วนเป็นลอนและปล่อยให้พลิ้วไปตามธรรมชาติ ทำให้ดูมีเสน่ห์และสวยงามเป็นอย่างมาก
จิ่งเป่ยเฉินสวมชุดสูทสีดำและผูกเนกไทสีม่วง อันโหรวมองอยู่สักพักก็พยักหน้าเล็กน้อย “สีม่วงดูเหมาะกับนายดีนะ”
“เธอชอบก็ดีแล้ว” เพื่อให้เข้ากับสีชุดราตรีของเธอ เขาจึงเลือกสีเดียวกัน ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางใส่สีม่วงแน่นอน
“ดูดีเลย ฉันชอบมาก” เธอชอบสีม่วงมาตลอด เมื่อก่อนชอบยังไง ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่
หลังจากหยิบเอาของขวัญวันเกิดของเฉาลี่เฟย ทั้งสองคนก็ออกเดินทางไปยังบ้านพักวิลล่าของโอวหยาง
บ้านพักวิลล่าของโอวหยางอยู่ห่างจากบ้านตระกูลอันไม่ไกลนัก ตั้งแต่ที่เธอกลับมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยกลับไปดูอีกเลย
น่าจะถูกยึดไปแล้วหรือเปล่า?
จิ่งเป่ยเฉินมองสายตาของเธอ “เดี๋ยวพวกเราค่อยไปดูกันดีไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ไปดูแล้วจะมีประโยชน์อะไร” เธอหันออกไปมองทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างรถ วันนี้ต้องเจอผู้หญิงที่เธอเกลียดเข้ากระดูก คนที่เมื่อก่อนเคยเป็นคุณน้าที่แสนดีของเธอ
อันโหรวรู้สึกว่าการได้เจอกับเธอนั้นมันน่าโมโหเสียยิ่งกว่าการได้เจอโอวหยางลี่เสียอีก และเหตุผลที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับจิ่งเป่ยเฉินในค่ำคืนนั้นก็ต้องเป็นเพราะเธอส่งคนมาวางยาแน่ ๆ
ยัยผู้หญิงคนนั้นมีนิสัยงูพิษ จิตใจคดชั่ว มันช่างเหมาะสมกันดีเหลือเกิน!
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด ที่บ้านของโอวหยางลี่มีแสงไฟที่สาดส่องสดใสประกายอยู่ทั่วบริเวณ ดูแล้วช่างรู้สึกมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษยิ่งนัก บนท้องฟ้าก็มีดอกไม้ไฟสีสวยงามที่ถูกจุดขึ้น ช่างเป็นภาพที่สวยงามและมีประกายสีสันสดใสมากเลยทีเดียว