คำพูดของชายหนุ่มทำให้สีหน้าทุกคนในวังเปลี่ยนไป

สองผู้คุ้มครองคำรามลั่น พุ่งเข้าหาถังหยินแล้วแทงดาบใส่อย่างดุดัน !

ทั้งสองคนนี้แตกต่างจากคนอื่นที่ชายหนุ่มเจอก่อนหน้านี้มาก พวกเขามีทั้งความเร็วและพละกำลังที่เหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติด

ถังหยินพยายามปัดป้องการโจมตีครั้งแรกเอาไว้ และก้มตัวหลบการโจมตีอีกระลอกหนึ่งที่กำลังเข้ามา จากนั้นก็ใช้มือข้างที่ยังว่างดึงเอวของชายคนหนึ่งแล้วผลักออกไปให้ชนกับกำแพง

โครม !

ร่างของเขาใหญ่มาก ดังนั้นเมื่อชนเข้ากับกำแพงมันก็เกิดเสียงดังสนั่นและรูขนาดใหญ่ขึ้น

ชายหนุ่มไม่รอช้าพุ่ง รีบเข้าไปและยืนอยู่เบื้องหน้าอีกฝ่ายพร้อมด้วยดวงตาอันแดงก่ำ

“หา?” ชายร่างใหญ่ตะลึง กรีดร้องออกมาแล้วพยายามหลีกหนีออกไป หากแต่มันก็ไม่ทันการเสียแล้ว คมเคียวของถังหยินปักเข้าที่กลางอกเปลี่ยนร่างของอีกฝ่ายให้สลายกลายเป็นควันอย่างรวดเร็ว

ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนหนึ่งได้อาศัยจังหวะนั้น พุ่งเข้ามาใส่ถังหยิน ฟาดดาบเข้าใส่เขาเต็มแรง หากแต่ช้าเกินไปที่จะทำแบบนั้น ! เพราะในขณะนี้มันได้มีกำแพงใส ๆ กันกลางระหว่างชายหนุ่มกับผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้นเอาไว้

ถังหยินใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาในระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังงุนงง เข้าไปปรากฏตัวที่ด้านข้างของเขาและจับหลังคอยกลอยขึ้น

ผู้ฝึกยุทธ์มอร์ฟีสผู้นั้นพลันรู้ตัวว่าพลาดท่าเสียแล้ว จึงหยุดการขัดขืนและปล่อยให้ดาบในมือตกลงสู่พื้น

ชายหนุ่มขว้างร่างของอีกฝ่ายลงไปบนพื้นอย่างแรง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองราชาเบสซ่า ที่ภายใต้หน้ากากนั่นไม่มีใครรู้เลยว่าเขากำลังยิ้มอยู่หรือเปล่า

เพื่อเป็นการข่มขู่ ถังหยินจึงใช้สองนิ้วจิ้มเข้าไปในลูกตาของผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่บนพื้น ก่อนจะยกร่างนั้นขึ้น และใช้ไฟเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

การที่เห็นนักรบยอดฝีมือ 2 คนถูกจัดการอย่างง่ายดายเช่นนี้ ย่อมทำให้พวกเบสซ่าตะลึงและหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด พวกเขาได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ด้วยความหวาดกลัว

ความจริงแล้วนักรบของเบสซ่านั้นก็ไม่ได้อ่อนแอเลย อีกทั้งยังมีจำนวนที่เยอะมาก หากแต่ที่ไม่มีใครสามารถต้านทานพลังของถังหยินได้เลยแม้แต่คนเดียว มันก็เพราะคนที่อาจจะสามารถสู้ได้นั้น กำลังลงสนามรบ และทำการต่อสู้อยู่ที่เมืองเฮิง !

ถังหยินและกองทหารที่บุกมานั้น รวดเร็วเกิดกว่าที่จะหยุดยั้ง พวกเขาเข้าทำลายเมืองไปกว้างครึ่ง ทั้งยังบุกได้ถึงวังหลวง ทำให้นอกจากมันจะเป็นเหยียดหยามพวกเบสซ่าแล้ว มันก็ทำให้พวกเขานั้นหวาดกลัวและจดจำเหตุการณ์ในวันนี้อย่างไม่มีวันลืม !

ชายหนุ่มลากเคียวไปกับพื้น เดินตรงไปยังราชาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ทองคำจนทำให้เกิดเสียงสั่นประสาท

ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามเขาเลย จนกระทั่งนักรบคนหนึ่งเข้ามาหาเขาจากด้านข้าง

ชายหนุ่มเหลือบมองอีกฝ่าย หลังพบว่าเป็นหญิง จึงเดินหน้าต่อไป

เมื่อเห็นว่าถังหยินกำลังเดินผ่านไป หญิงสาวผู้นั้นก็พลันยกหอกขึ้นชี้ไปยังชายหนุ่ม

ทว่าองค์ราชาผู้นั้นกลับยกมือขึ้นห้ามฝ่ายหญิงเอาไว้เสียก่อน ดังนั้นการปะทะจึงไม่เกิดขึ้น

ทว่าเมื่อถังหยินเข้ามาใกล้มากขึ้น นักรบหญิงผู้นั้นก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป นางกู่ร้องออกมา ก่อนที่มือจะมีแสงเปล่งออกมา และตามด้วยคลื่นลมปราณที่ถูกยิงเข้าใส่ถังหยินระรัวเร็ว

นั่นคือวิชา ไล่ล่าโลหิต

ถังหยินไม่คิดจะป้องกันพลังนี้ไว้อยู่แล้ว เขาหลบมันด้วยวิชาสับเปลี่ยนเงาแล้วไปปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าหญิงสาว

ร่างของพวกเขาใกล้ชิดกันมาก

ในเมืองเบสซ่าแห่งนี้ หรือแม้แต่ทั่วทั้งสมาพันธรัฐมอร์ฟีส พวกผู้ใช้ศาสตร์มืดถูกจัดการจนเหี้ยนหายไปหมดเมื่อร้อยปีก่อนแล้ว ดังนั้นการใช้วิชานี้ของถังหยินจึงทำให้นักรบสาวตะลึงมาก

ถึงแม้ถังหยินจะมีโอกาสสังหาร หากแต่เขาก็ไม่ได้สนใจนางแม้แต่น้อย ทำการเดินเข้าไปใกล้เป้าหมาย ก่อนเอื้อมไปคว้าคอเสื้อของราชาเบสซ่าไว้ แล้วจึงชูเคียวขึ้นสูง

เมื่อเห็นแบบนี้ เหล่าขุนนางก็พากันหวาดผวา

ชายหนุ่มเงื้อเคียวขึ้นแต่ยังไม่ได้ฟันลงมา

ในวินาทีที่จังหวะตัดสินเป็นตายเข้ามาใกล้แบบนี้ หากแต่ถังหยินก็ยังใจเย็น มีสติ ไม่รีบร้อนแต่อย่างใด

หากเขาจะสังหารคนผู้นี้ มันก็ง่ายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ แต่หลังจากที่ทำไปแล้วจะเหลืออะไรกัน ? กองทัพมอร์ฟีส 2 แสนนายจะไม่มีใครคอยหยุดยั้งอีกต่อไป และยิ่งถ้าเกิดว่าพวกมันได้ข่าวว่าราชาของตัวเองตายแล้ว แบบนั้นมันจะไม่ยิ่งไม่คลุ้มคลั่ง จนเข้าทำลายเมืองเฮิงจนย่อยยับหรือ ?

ตาแก่นี่จะถูกฆ่าไม่ได้เด็ดขาด

ถังหยินวางอีกฝ่ายลง ชี้ปลายเคียวไปยังลำคอของราชาชรา ก่อนจะปลดเกราะส่วนหัวออก เพื่อเผยให้เห็นใบหน้าที่จ้องมองไปยังอีกฝ่าย

ราชาแก่คิดว่าตอนแรกจะต้องตายเสียแล้ว แต่เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าเลือกที่จะไม่ฆ่า

“นามของข้าคือถังหยิน ข้าคือแม่ทัพผู้ปกป้องแคว้นเฟิง”

ราชาแก่ไม่รู้ว่าอะไรคือ ‘แคว้นเฟิง’ เขารู้แน่ชัดแล้วว่าชายตรงหน้านี้คือแม่ทัพของจักรวรรดิเฮาเทียนแน่ ๆ

ถังหยินเชิดหน้าขึ้นแล้วมองด้วยสายตาประหลาด “การฆ่าเจ้ามันง่ายนัก แต่ถ้าเจ้าฉลาดและยังไม่อยากตาย งั้นแล้วก็จงสั่งให้ทหารของเจ้าถอยทัพกลับมาที่นี่เสีย ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะตัดหัวเจ้า !” ระหว่างที่พูดเขาก็ค่อย ๆ ถอยหลังกลับไปพร้อมลดอาวุธลง “ถ้าเจ้ายอมทำตามที่ข้าร้องขอ เจ้าจะยังมีชีวิตรอดต่อไป”

พูดจบเขาก็เดินกลับออกไป

ความตายได้มาเยือนราชาชราคนนี้แล้ว หากแต่ถังหยินกลับเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น ทำให้ทุกคนในห้องนี้ต่างก็ตกตะลึงกับการกระทำของเขายิ่งนัก

ชายหนุ่มมาด้วยความรวดเร็วและก็จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือว่าเพราะอะไร มันเหมือนกับฝันร้ายก็ไม่ปาน

ราชาเบสซ่าเอนหลังพิงผนักแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะปาดเหงื่อบนหน้าผากอย่างเหนื่อยล้า ในวินาทีชีวิตแบบนี้บอกตามตรงเลยว่าเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าหากเขาแสดงความหวาดหวั่นออกมายังไงก็มีแต่เสียกับเสีย

ขุนนางคนหนึ่งพลันเดินออกมาถาม “ฝ่าบาท ดูเหมือนว่าพวกเราคงต้องถอย…”

“ถอยทัพงั้นหรือ ?” ราชาแก่ยิ้มออกมา ต่อให้ถอยกลับมา แล้วจะมีอะไรรับประกันได้เล่า ว่าพวกเฟิงอะไรนั่นจะไม่บุกกลับมาอีก ? ชายแก่นั่งนิ่งครุ่นคิดด้วยความหนาวสั่น

ควรจะถอนกองทัพดีหรือไม่ ? ถ้าหากไม่ถอยจะเกิดอะไรขึ้น ? หรือว่าจะเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีเมืองอื่นของจักรวรรดิเฮาเทียนแทน ?

องค์ราชากำหมัดแน่น ก่อนจะถอนหายใจ “เรียกทูตมา”

ถังหยินพาคนกลับไปก็จริง หากแต่เขาก็ไม่ได้กลับไปมือเปล่า ครานี้ชายหนุ่มนั้นได้ทำการปล้นสะดมเงินทองมากมายระหว่างทางกลับ

ศึกที่นี่เขาได้รับชัยชนะไปแล้ว แต่ ณ อีกด้านหนึ่งการศึกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ทหาร 2 แสนนายได้เข้ามาถึงเขตแดนของแคว้นเฟิงแล้ว และพวกเขาก็ไม่ได้โจมตีเข้าตรง ๆ แต่เลือกที่จะล้อมทั้งเมืองเฮิงเอาไว้ เพื่อเตรียมที่จะปะทะกับกองทัพหลักของปิงหยวนอย่างเต็มรูปแบบ !