บทที่ 43.2 ดอกไม้แห่งยมโลก (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

หม่าฉุนตัวยักษ์กำลังจ้องไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยใบหน้าแปลกประหลาด แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำตัวไร้เดียงสาเหมือนปกติอีกก็ตาม สำหรับโข่วรุ่ย เขากำลังมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยสายตาเร่าร้อน หลงใหล และชื่นชม จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงเขากระโดดลงจากเตียง

“ลูกพี่ ข้าอยากเป็นลูกน้องของท่าน ให้ข้าติดตามท่านต่อจากนี้ไปด้วยเถิด!” โข่วรุ่ยพูดออกมาอย่างซื่อตรง

โจวเหว่ยชิงมีสีหน้าตกใจ “ทำไมล่ะ? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะความเข้าใจผิดของข้าหรอกหรือไง? ซ่างหลางกำลังปกป้องนักเรียนสามัญชนคนอื่นอยู่จริงๆ ทำไมเจ้าอยากติดตามข้า? แล้วเจ้านั่นเป็นยังไงบ้าง?”

โข่วรุ่ยกล่าวว่า “เขาฟื้นขึ้นมาไม่นานหลังจากที่ท่านจากไป เขาไม่ได้รับบาดเจ็บหนักเท่าไหร่ ตอนที่จากไปเขาก็ไม่พูดอะไร บางทีสิ่งที่รุ่นพี่ที่เหลือพูดก็อาจเป็นความจริง เขาปกป้องนักเรียนสามัญชนมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม สำหรับข้า สิ่งที่ข้าเห็นก็คือเมื่อพวกเราถูกรังแก ท่านเป็นคนเดียวในหอพักที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องเรา ท่านเป็นจ้าวมณีสวรรค์ธาตุมิติ ข้าจำทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาได้…นอกจากนี้ยังมีมณี 3 ชุด และศาสตรามณียุทธ์ ยังไงพวกเรานักเรียนสามัญชนก็ถูกกดขี่อยู่แล้ว ดังนั้นข้าจึงเต็มใจที่จะติดตามท่านมากกว่า ข้าเชื่อว่าหากพบกับเหตุการณ์ที่คล้ายกันอีกครั้ง ท่านจะทำ ได้ดีกว่าซ่างหลาง”

โจวเหว่ยชิงหัวเราะออกมาเต็มเสียงและกล่าวว่า “ดี ในอนาคตข้าจะดูแลเจ้าเอง ข้าชอบคนฉลาดเช่นเจ้า” เมื่อเขาพูดอย่างนั้น เขาก็คว้าผ้าปูที่นอนขึ้นมาจากเตียง “อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าจะไม่อยู่หอพักอีกแล้ว เจอกันในชั้นเรียนพรุ่งนี้”

โข่วรุ่ยชะงัก “ลูกพี่ ท่านจะไปพักข้างนอกหรือ?”

โจวเหว่ยชิงพยักหน้ากล่าวว่า “ข้าออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอกแล้วโข่วรุ่ย อ้อใช่ เจ้าเป็นจ้าวมณียุทธ์หรือจ้าวมณีธาตุ?”

โข่วรุ่ยกล่าวด้วยใบหน้าค่อนข้างเศร้าหมอง “ข้าเป็นจ้าวมณียุทธ์ที่มีมณี 2 ดวง ไม่มีศาสตรามณียุทธ์สักชิ้น คุณสมบัติของข้าคือความคล่องตัวครึ่งหนึ่งและการประสานครึ่งหนึ่ง มณียุทธ์ของข้าเป็นการผสมผสานที่ไร้ประโยชน์ที่สุดเพราะไม่มีความสามารถในการโจมตีสักรูปแบบเลย ไม่เช่นนั้นข้าก็คงสู้กับพวกเขาเช่นกัน

โจวเหว่ยชิงส่ายหัวกล่าวว่า “ไม่มีพลังหรือความสามารถที่เรียกว่าไร้ประโยชน์หรอก เจ้าเพียงต้องค้นหาเส้นทาง การฝึกที่เหมาะกับเจ้า พวกเราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ในอนาคต ส่วนตอนนี้ข้าต้องไปยืนยันที่พักใหม่กับเจ้าของบ้านก่อน ข้าจะคุยกับเรื่องนี้กับเจ้าเมื่อเราพบกันในชั้นเรียน” เมื่อโจวเหว่ยชิงพูดเช่นนั้น เขาก็มุ่งหน้าไปยังประตูทางออกทันที ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีเพื่อนร่วมห้องคนอื่นพูดกับเขาเลยแม้แต่คำเดียว นอกจากหม่าฉุนแล้ว อีก 5 คนต่างก็มองเขาด้วยแววตาหวาดกลัวและลังเลอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อโจวเหว่ยชิงมาถึงทางเข้าหอพักซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็รอเขาอยู่แล้ว เมื่อมีใบอนุญาตพวกเขาก็สามารถออกจากโรงเรียนได้อย่างง่ายดาย หลังจากเดินผ่านเส้นทางเล็กๆ หลายนาที ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงบ้านเช่า

ทว่าเมื่อใกล้ถึงทางเข้า พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันแว่วออกมา

“ไม่ ข้าขอโทษนะแม่นาง นั่นเป็นไปไม่ได้ ข้ารับเงินมัดจำจากคนอื่นมาแล้ว ถึงท่านจะจ่ายมากกว่า ข้าก็ผิดสัญญาไม่ได้ ต้องขออภัยด้วย”

อีกเสียงหนึ่งดังลอดออกมา “ท่านลุงเจ้าของบ้าน ดูข้าสิ เด็กผู้หญิงตัวคนเดียว ท่านจะทนดูข้าเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนคนเดียวได้หรือ? อย่างมาก…ก็แค่ให้ข้าจ่ายสองเท่าของราคาที่ท่านเสนอ” น้ำเสียงนั้นฟังดูนุ่มนวลและเย้ายวน แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเยือกเย็นภายใน ช่างเป็นน้ำเสียงที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจอย่างยิ่ง

“เฮ้อ….”

“สองเท่าก็ไม่ได้! เจ้าไม่เข้าใจหรือว่ามาก่อนได้ก่อน?” โจวเหว่ยชิงเอ่ยออกมาขณะที่ผลักประตูเปิดเข้าไปข้างใน

เจ้าของบ้านเป็นชายวัยกลางคนอายุเกือบ 50 ปี ใบหน้าของเขาดูอึดอัดลำบากใจ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่เขากำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ ส่วนด้านหน้าของเขาก็มีหญิงสาวชุดขาวคนหนึ่งยืนอยู่

เมื่อมองไปที่คู่กรณี โจวเหว่ยชิงก็พลันคิดกับตัวเองว่า ไม่ใช่น้องสาวของหมิงหยูหรอกเหรอ? ทำไมเธอถึงไม่อยู่บ้านตัวเอง กลับวิ่งโร่มาเช่าบ้านที่นี่?

แท้จริงแล้วผู้ที่กำลังต่อรองกับเจ้าของบ้านอยู่คือหมิงฮัวนั่นเอง

เมื่อหมิงฮัวเห็นโจวเหว่ยชิง เธอเองก็ตกใจเช่นกัน ทว่าเมื่อมองไปยังซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา ริมฝีปากของเธอก็โค้งขึ้นด้วยความสนุก

โจวเหว่ยชิงมองดูเรือนร่างที่ยั่วยวนด้วยเสน่ห์ของหญิงสาววัยสะพรั่งอย่างหมิงฮ่าว เธอดูมีน้ำมีนวล อวบอิ่มราวกับลูกท้อสุกงอม เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ บัดซบ! ช่างร้อนแรงจริงๆ!

หมิงฮัวน่าจะอายุประมาณ 20 ปีหรือมากกว่านั้น เมื่อเทียบกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์แล้ว ความงามของเธอเป็นเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ที่เปิดเผยมากกว่า ตรงกันข้ามกับความงามที่อ่อนหวานและสง่างามของซ่างกวนปิงเอ๋อร์

“เจ้าคือคนที่ต้องการเช่าบ้านนี้หรือ?” ดวงตาของหมิงฮ่าวเปล่งประกายอย่างเย้ายวน เธอยิ้มจางๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า “ปล่อยบ้านเช่าหลังนี้ให้ข้าได้หรือไม่ ได้โปรดเถิด?”

โจวเหว่ยชิงที่กำลังเหม่อลอยไปกับเรือนร่างอันทรงเสน่ห์ของเธอเกือบจะเผลออ้าปากรับคำไปแล้ว แต่ทว่าจู่ๆ เขาก็ต้องรู้สึกเจ็บที่บั้นเอวเมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์หยิกเขาจนเนื้อเขียว “ไม่ พวกเราเป็นคนเช่าบ้านหลังนี้ก่อน อ้วนน้อย จ่ายค่าเช่า” หายากจริงๆ ที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะเด็ดเดี่ยวและมั่นคงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าความงามของหมิงฮัวทำให้เธอรู้สึกถึงอันตราย

หมิงฮัวยิ้มจางๆ มองไปยังโจวเหว่ยชิงที่กำลังยืนกลืนน้ำหลายอยู่ข้างๆ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ และพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนมากขึ้น “ท่านจะไม่เสียสละให้ข้าจริงๆ หรือ?” ขณะเธอพูดเช่นนั้น เธอก็คิดในใจว่า ท่านพี่บอกว่าเจ้าเด็กนี่อันตราย แต่แม้เขาจะมีความสามารถ ดูจากนิสัยแล้วก็ยังไม่น่าจะอันตรายถึงขั้นนั้น

“ไม่มีทาง ถ้าภรรยาของข้าบอกว่าไม่ แน่นอนว่าคำตอบก็คือไม่” ขณะที่หมิงฮ่าวกำลังดูถูกเหยียดหยามโจวเหว่ยชิงในใจ คนพาลที่ดูหื่นกระหายก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นสุภาพบุรุษอีกคนในทันที ยิ่งไปกว่านั้นเขายังพูดจาอย่างสุภาพ ความเร็วในการเปลี่ยนสีหน้าของโจวเหว่ยชิงถือว่าน่าประทับใจจริงๆ

หมิงฮ่าวตกตะลึงไปเล็กน้อยแม้ว่าการแสดงออกบนใบหน้าของเธอจะไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม แน่นอนว่าเธอไม่ได้ถูกเรียกว่าดอกไม้แห่งยมโลกอย่างไร้เหตุผล “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าไม่ยอมจากไป?”

“เอ่อ…” โจวเหว่ยชิงหันหน้าไปมองซ่างกวนปิงเอ๋อร์ด้วยสีหน้าหนักใจ แม้ว่าเขาจะชอบสาวงาม แต่ซ่างกวนปิง เอ๋อร์ก็ยังเป็นที่หนึ่งในใจเสมอ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสามารถเปลี่ยนสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่การแสดงออกของหมิงฮ่าวที่ดู ‘ไม่ทุกข์ร้อน’ ใดๆ เขาก็รู้สึกหนักใจมากว่าจะทำเช่นไรดี

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ทนมองสีหน้าเย้ายวนของหมิงฮ่าวไม่ไหวอีกต่อไป เธอกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แม่นาง โปรดควบคุมตัวเองและคิดถึงชื่อเสียงของท่านให้มาก หากท่านไม่เต็มใจจะจากไป พวกเราก็คงจะต้องบังคับให้ท่านจากไปด้วยกำลัง” เมื่อเธอพูดจบ เธอก็ยกมือขวาขึ้น ทันใดนั้นแสงสีเขียวเรืองรองของหยกหินมังกรทั้ง 3 ดวงก็พลันปรากฏขึ้นรอบข้อมือของซ่างกวนปิงเอ๋อร์

ดวงตาของหมิงฮัวเผยความประหลาดใจออกมา จ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณี 3 ดวงอีกคนงั้นรึ? ช่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ! ระดับพลังของนักเรียนสามัญชนประจำปีนี้น่าประทับใจมาก แม้แต่โรงเรียนเจ้ามณีสวรรค์เฟยหลี่ก็อาจไม่มีนักเรียนใหม่ที่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ผู้ครองครองมณี 3 ดวงด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ปลดปล่อยมณียุทธ์ของเธอออกมา ใบหน้าของเจ้าของบ้านก็ซีดเซียวลงทันที มณีสีขาวบริสุทธิ์เช่นนี้หมายความว่าเธอเป็นจ้าวมณีสวรรค์อย่างแน่นอน! ให้ตายยังไงเขาก็ไม่กล้าขัดใจจ้าวมณีสวรรค์! ด้วยเหตุนี้ความลังเลครั้งสุดท้ายของเขาจึงหายไปเป็นปลิดทิ้ง ทว่าในขณะที่เขากำลังจะเปิดปากขอให้หมิงฮัวออกไป เธอก็ยกมือขวาขึ้นมาขัดก่อน วินาทีนั้นเอง รอบข้อมือของเธอก็เกิดลำแสงสว่างวาบขึ้น หยกอำพันสีขาวขุ่น 4 ดวงพลันปรากฏกาย แสดงตัวเป็นมณียุทธ์ประเภทความยืดหยุ่น

คราวนี้โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต่างก็ต้องตกตะลึงจนอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “จ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นแรก?!”

ใบหน้างดงามของหมิงฮ่าวแดงระเรื่อด้วยความลำบากใจ ทำให้ใครก็ตามที่มองรู้สึกอยากจะปกป้องเธอ “ข้าก็ต้องช่วยตัวเองบ้าง ไม่ได้หรือ?”

“ช่วยตัวเอง… ” โจวเหว่ยชิงรู้สึกว่าเส้นเลือดในสมองกำลังปั่นป่วนจนเกือบจะทำให้เลือดพุ่งออกมาทางจมูก เขาจ้องมองหมิงฮ่าวด้วยสีหน้าลามกแปลกๆ

หมิงฮัวหน้าแดงก่ำ แต่ทว่าคราวนี้มันเป็นของจริง เธอจะไม่เข้าใจสิ่งที่โจวเหว่ยชิงพูดถึงได้อย่างไร “ฮึ่ม เจ้าอายุแค่ 16 ปี เป็นเด็กอยู่แท้ๆ แต่สิ่งที่อยู่ในหัวของเจ้ากลับ…! น่าเสียดายจริงๆ ที่สาวงามคนนี้ต้องอยู่กับเจ้า เอาล่ะ ข้าจะไม่เล่นละครกับเจ้าอีกต่อไปแล้ว ข้าต้องได้เช่าบ้านหลังนี้ ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะปล่อยบ้านเช่าหลังนี้ให้เจ้า แต่ถ้าเจ้าแพ้ มันก็ตกเป็นของข้า!”

ตอนนี้เจ้าของบ้านได้ถอยออกไปไกลแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์และแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการทะเลาะกันครั้งนี้ การปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายแก้ไขปัญหาระหว่างกันเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดกว่าแน่นอน

เมื่อได้ยินคำพูดของหมิงฮัว โจวเหว่ยชิงก็ถามอย่างงงๆ ว่า “ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าอายุ 16?”

หมิงฮ่าวแค่นเสียงในลำคอและพูดว่า “ข้ารู้ก็หมายความว่าข้ารู้ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ถ้าเจ้าอยากจะเช่าบ้านหลังนี้ เจ้าก็ต้องเอาชนะข้าไปให้ได้ก่อน ได้ยินว่าเจ้าต่อสู้เก่งมากมิใช่หรือ? หึ”

โจวเหว่ยชิงจ้องมองเธอด้วยสีหน้าไร้คำพูด “แม่นางคนงาม ท่านเป็นคนไม่มีเหตุมีผลเลยหรือไง?”

หมิงฮัวหัวเราะอย่างมีเสน่ห์ “เจ้าขอให้ผู้หญิงมีเหตุผลหรือ? ฝันไปเถอะ”

ขณะที่เธอพูดเช่นนั้น เธอก็เดินกรีดกรายไปทางโจวเหว่ยชิง เอวบางขอดขยับเคลื่อนไหวโอนเอนไปมาราวกับต้นไม้ลู่ลม ทว่าเปราะบางคล้ายจะแตกหักได้ทุกเมื่อ

โจวเหว่ยชิงมองการขยับตัวอย่างยั่วยวนของเธอจากนั้นก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ อย่างไรก็ตาม ไม่นานเขาก็ยืดอกแสดงท่าทางกล้าหาญ “ดี! สู้ก็สู้! ทำอย่างกับว่าข้ากลัวเจ้า ปิงเอ๋อร์ถอยไปห่างๆ ก่อน”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ครางรับเล็กน้อยและเดินไปหลบอยู่ด้านข้าง แม้เธอจะเตือนโจวเหว่ยชิงก่อนหน้านี้ว่าอย่าสร้างความเดือดร้อน แต่เธอก็รู้ดีว่าหากมีใครสร้างปัญหาให้พวกเขาอย่างไร้เหตุผล พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงมือจัดการ เธอเป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง แต่อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนไม่รู้ความ ยิ่งไปกว่านั้น จากรูปลักษณ์มณีสวรรค์ของ      หมิงฮัว มีความเป็นไปได้ว่า ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ ทว่าสำหรับโจวเหว่ยชิงนั้นแตกต่างออกไป เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เจ้าอ้วนน้อยของเธอมีพลังมากเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เลื่อนระดับไปถึงมณีสวรรค์ชุดที่ 3 ตอนนี้อาจพูดได้ว่าเธอเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเช่นกัน ด้วยทักษะธาตุทั้ง 6 และขาขวาปีศาจของเขา นั่นทำให้คนในระดับเดียวกันไม่สามารถเอาชนะโจวเหว่ยชิงได้แน่นอน  ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงมั่นใจว่าแม้หมิงฮัวจะมีมณี 4 ชุด เธอก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้

สำหรับหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ สาเหตุที่ปล่อยให้ทั้ง 2 คนออกมาก่อนครึ่งปีเป็นเพราะว่าพวกเขารู้สึกว่าไม่มีอะไรจะสอนทั้งคู่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะโจวเหว่ยชิง

………………………………