บทที่ 43.3 ดอกไม้แห่งยมโลก (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

หมิงฮัวเดินนวยนาดเข้าหาโจวเหว่ยชิงอย่างยั่วเย้า ขณะที่เธออยู่ห่างจากเขาประมาณ 5 หลา โจวเหว่ยชิงก็พึมพำออกมาว่า “35…ไม่…36… 35.5! น่าจะใช่แล้วล่ะ! อยู่ระหว่างคัพ D กับ E แน่นอน! ช่างน่าประทับใจจริงๆ!”

รอยยิ้มเย้ายวนบนใบหน้าของหมิงฮัวหยุดชะงักลงทันทีเมื่อเธอตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าโจวเหว่ยชิงกำลังสื่อถึงสิ่งใด ไม่นานแสงเยียบเย็นผุดขึ้นมาในดวงตาของเธอ ชั่วพริบตาหญิงสาวที่งดงามยั่วยวนก็กลายเป็นนักฆ่าเย็นชาที่แผ่จิตสังหารออกมา กลิ่นอายเย็นยะเยือกของเธอค่อยๆ เคลือบคลานเข้าใกล้ร่างกายของอีกฝ่าย จากนั้นมือขวาก็หายวับเข้าไปใกล้ลำคอของโจวเหว่ยชิงโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า

การตอบสนองของโจวเหว่ยชิงไม่เพียงแต่รวดเร็ว แต่ยังตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพอย่างมาก มือทั้งสองข้างของเขาพุ่งออกไปข้างหน้าคล้ายกรงเล็บ ขยับจ้วงแทงไปข้างหน้าอย่างโหดเหี้ยม

อย่างที่รู้กันว่าโจวเหว่ยชิงนั้นสูง 1.9 เมตรในขณะที่หมิงฮ่าวสูงเพียง 1.7 เมตร เขาจึงได้เปรียบในเรื่องความสูงและระยะเอื้อมแขน ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่มือของหมิงฮัวกำลังจะถึงร่างของเขา มือของเขาก็ถึงตัวเธอก่อนแล้ว…และทันได้สัมผัสกับ…35.5…

ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ โจวเหว่ยชิงก็เปิดใช้ทักษะปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่เขาได้เรียนรู้จากมู่เอิน นั่นก็คือ     “กรงเล็บมังกรคว้าเต้านม”

“ไร้ยางอาย!” ใบหน้าของหมิงฮัวเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดทันที แม้ว่าเธอจะใช้เสน่ห์หลอกล่อและยั่วยวนเขา แต่จริงๆแล้วเธอก็ยังเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์อยู่ และเมื่อสิ่งที่เรียกว่าศิลปะการยั่วยวนของเธอปะทะเข้ากับวิถีอันธพาลของโจวเหว่ยชิง เธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเขาไปโดยปริยาย

ทว่าปฏิกิริยาของหมิงฮัวก็รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเช่นกัน ร่างของเธอบิดตัวหนีเหมือนปลาไหลลื่นๆ และไถลตัวผ่านเข้าช่องแคบตรงกลางระหว่างแขนทั้งสองข้างของโจวเหว่ยชิงไปได้อย่างเฉียดฉิว เพียงนิดเดียวก็เกือบจะโดนมือของเขาตะปบเข้าแล้ว

เธอพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า มือยังพุ่งเป้าไปยังคอหอยของเขาดังเดิม ทว่าจู่ๆ การแสดงออกบนใบหน้าของหมิงฮัวก็ต้องเปลี่ยนไป มือของเธอซึ่งกำลังจ่ออยู่ตรงลำคอของโจวเหว่ยชิงพลันถูกเขาฟาดทิ้ง ร่างกายของหมิงฮัวกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศด้วยพร้อมกับเสียงระเบิดเบาๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อหมิงฮัวลื่นหลุดออกจากแขนของเขา ขาขวาของโจวเหว่ยชิงก็พลันขยับยกขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง ในขณะเดียวกันเขาก็เอนตัวไปข้างหลัง ถ้าหมิงฮ่าวรั้นโจมตีต่อ หน้าท้องของเธอจะต้องปะทะกับเข่าของโจวเหว่ยชิงทันที เนื่องจากหน้าท้องเป็นจุดที่บอบบางจุดหนึ่งในร่างกายมนุษย์ การถูกกระแทกด้วยเข่าจึงไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดว่าคุ้มค่าจะแลก อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาตอบสนองและความยืดหยุ่นของหมิงฮัวก็ยังรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ในช่วงเวลาสั้นๆ เธอก็สามารถพลิกแพลงรูปแบบการโจมตีของเธอได้อีกครั้ง ขณะที่พุ่งขึ้นไปบนอากาศ เข่าของเธอก็ยกขึ้นเล็งไปทางศีรษะของโจวเหว่ย ชิง

นี่เป็นหนึ่งในจุดแข็งของจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณียุทธ์เพิ่มความยืดหยุ่น ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายพวกเขาสามารถใช้เป็นอาวุธได้ทั้งหมด ดังนั้นมณียุทธ์ประเภทความแข็งแกร่งบริสุทธิ์ของโจวเหว่ยชิงจึงไม่อาจเทียบหมิงฮัวได้ในแง่ของความคล่องตัวและความยืดหยุ่น อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งร่างกายของโจวเหว่ยชิงก็ไม่ใช่สิ่งที่จ้าวมณีสวรรค์ทั่วไปจะเทียบได้ เมื่อถูกโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นนี้ โจวเหว่ยชิงก็คิดว่าเขาไม่น่าจะหลบเข่าของหมิงฮัวพ้น ดังนั้นเขาจึงยิ้มกว้างและไม่แม้แต่จะพยายามหลบ ในทางกลับกัน เขาฟาดศีรษะไปด้านหน้าเหมือนใช้ค้อนตอกตะปู ทุบหน้าผากตนเองเข้ากับหัวเข่าของหมิงฮ่าวตรงๆ

เสียง *ตูม* ดังออกมาอีกครั้งขณะที่ร่างของพวกเขาปะทะกัน หมิงฮัวพลิกตัวตีลังกากลางอากาศ ขาขวาของเธอพลันร่อนลงบนหลังของโจวเหว่ยชิง จากนั้นเธอก็ใช้มันเป็นฐานเหยียบส่งตัวเองไปข้างหน้า ทำให้ช่องว่างระหว่างพวกเขากว้างขึ้นหลายสิบหลา

เมื่อถูกกระแทกที่ด้านหลัง โจวเหว่ยชิงก็สะดุดไป 2-3 ก้าวก่อนที่จะกลับมายืนตรงได้ดังเดิม เขายิ้มกว้างพลางขยับศีรษะยืดกล้ามเนื้อคอ “สาวสวย เจ้ากำลังนวดให้พี่ชายอยู่หรือ?”

ก่อนหน้านี้เท้าของหมิงฮัวได้กระแทกเข้าที่จุดตายประตูชีวิตบนแผ่นหลังของเขา อาจกล่าวได้ว่าเป็นการโจมตีที่แม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ เธอเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับปรมะขั้นแรกพร้อมด้วยมณี 4 ชุด แม้ว่ามณีประจำกายของเธอจะเป็นประเภทเพิ่มความยืดหยุ่น แต่ความแข็งแกร่งของเธอก็ยังเหนือกว่าปกติมาก ตามที่เธอคาดการณ์เอาไว้ แรงเตะเมื่อสักครู่น่าจะทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกชาไปทั้งตัวหรืออาจเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เธอเตะลงไปก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังเตะแผ่นโลหะหนักๆ แผ่นหนึ่งอยู่ พลังปราณสวรรค์ของเธอที่ปลดปล่อยออกมาพร้อมกับลูกเตะนั้นก็ดูเหมือนจะสลายหายไปด้วย นอกจากนี้หัวเข่าอีกข้างของเธอก็ยังได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกเข้ากับหน้าผากของโจวเหว่ยชิง รอยช้ำที่ปวดแสบปวดร้อนนี้ต้องส่งผลต่อประสิทธิภาพการต่อสู้ของเธอภายหลังแน่ แม้ในการปะทะกันครั้งนี้จะดูเหมือนว่าเธอได้เปรียบเขา แต่เธอก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย

ในขณะนี้หัวเข่าที่เพิ่งกระแทกกับโจวเหว่ยชิงยังคงรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง แน่นอนว่านั่นขัดขวางไม่ให้เธอใช้พลังได้อย่างเต็มที่ กระนั้นฝั่งโจวเหว่ยชิงก็ยังดูเหมือนสบายดีและยังมีแรงกลั่นแกล้งเธอต่อได้อีกนาน

“ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ ไม่แปลกใจที่พี่ใหญ่ของข้าชื่นชมเจ้ามาก” หมิงฮัวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

โจวเหว่ยชิงมองเธอด้วยความหวาดกลัว “ชื่นชมข้า? โอ้ อย่าเลย! ข้าไม่ชอบผู้ชายและข้าก็รักปิงเอ๋อร์ของข้าเพียงผู้เดียว!”

“เจ้า…” หมิงฮัวโกรธเขามากจนใบหน้าของเธอแทบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว เธอยกมือข้างซ้ายขึ้น แสงสีเขียวสว่างวาบและสาดแสงไปยังบริเวณเหนือหัวเข่าของเธอ ทันใดนั้นขาขวาของเธอก็พลันกลับคืนสู่สภาพเดิมราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บใดๆ มาก่อน

เมื่อเห็นเช่นนั้น ทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต่างก็ตื่นตกใจ ม่านตาดำของพวกเขาหดแคบด้วยความตะลึงพรึงเพริด จากนั้นก็ตะโกนออกมาเกือบจะพร้อมกัน “มณีธาตุชีวิต!”

เดิมทีโจวเหว่ยชิงคิดว่าทักษะธาตุของหมิงฮัวจะเหมือนกับพี่ชายของเธอ นั่นก็คือธาตุแสง อย่างไรก็ตามตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาคิดผิด ทักษะธาตุที่หมิงฮัวมีเป็น 1 ใน 4 ทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่ ในความเป็นจริงแล้วมันคือสิ่งที่หายากที่สุดในบรรดา 4 ทักษะธาตุทั้งหมด นั่นก็คือธาตุชีวิตนั่นเอง เป็นที่ทราบกันดีว่าจ้าวมณีธาตุชีวิตทุกคนเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าที่ขุมอำนาจต่างๆ พยายามช่วงชิงมาไว้เป็นของตน ในสนามรบ การมีจ้าวมณีธาตุชีวิตจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับคน ในกลุ่มได้มากยิ่งขึ้น

ขณะที่โจวเหว่ยชิงเพิ่งร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ หมิงฮัวก็ขยับตัวอีกครั้งแล้ว คราวนี้เธอเคลื่อนที่เร็วกว่าการโจมตีครั้งก่อนหน้ามาก หมิงฮัวยกมือขวาขึ้นมา เดือยแหลมพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเธอ ไม่เพียงแค่นั้น หยกอำพัน 4 ดวงรอบข้อมือขวาของเธอก็ยังสว่างเจิดจ้าขึ้นด้วย! ท่ามกลางประกายแสงที่หมุนวนเป็นเกลียว แขนขวาของเธอก็เปล่งประกายแสงสีเขียวอ่อนออกมา ทั่วทั้งแขนมีชั้นเกราะแสงที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายคล้ายเถาไม้เลื้อย ดูเหมือนมันจะผสานและเชื่อมต่อเข้ากับเดือยแหลมยาว 3 ฉื่อในมือของเธอ ในเวลาเดียวกันนั้น เกราะหุ้มหน้าอก เกราะไหล่ เข็มขัดเกราะ เกราะหุ้มขาขวา และเกราะหุ้มแขนขวา ก็กำลังแผ่ออกมาครอบคลุมร่างกายของเธอเอาไว้ครบทั้ง 5 ส่วนแล้ว!

ครั้งนี้โจวเหว่ยชิงตกใจมากกว่าเดิม เขาร้องอุทานออกมาว่า “ชุดศาสตรามณียุทธ์!” แน่นอนว่าขณะนี้หมิงฮัวกำลังเรียกใช้ชุดศาสตรามณียุทธ์ของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งชุดน่าจะมีประมาณอย่างน้อย 6 ชิ้น แม้เธอจะมีมณีเพียง 4 ดวง ชุดเกราะพวกนี้ก็ได้ปกป้องร่างกายส่วนใหญ่ของเธอเอาไว้หมดแล้ว อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าภายหลังเธอก็จะสามารถหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ที่เหลืออีก 2 ชิ้นได้สำเร็จแน่นอน! นี่ดีกว่าชุดศาสตรามณียุทธ์ของผู้อาวุโสเฟิงหยูเสียอีก!

หากตรวจสอบอย่างใกล้ชิดก็จะสังเกตเห็นว่ามณีทั้ง 4 ดวงของเธอกลายเป็นเดือยแหลม 1 ชิ้น เกราะหุ้มหน้าอกและเข็มขัดเกราะเชื่อมต่อกันเป็น 1 ชิ้น เกราะหุ้มแขนขวาและเกราะไหล่เชื่อมต่อกันเป็น 1 ชิ้น และสุดท้ายคือเกราะหุ้มขาขวา 1 ชิ้น สิ่งที่ขาดหายไปคือเกราะหุ้มแขนซ้ายและเกราะหุ้มขาซ้าย ถ้ามีหมวกเกราะด้วย ทั้งหมดก็จะรวมเป็นชุดศาสตรามณียุทธ์ 7 ชิ้น!

สำหรับชุดศาสตรามณียุทธ์เช่นนี้ ผู้สร้างจะต้องเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะเป็นอย่างน้อยจึงจะสามารถสร้างม้วนคัมภีร์เหล่านี้ขึ้นมาได้ นอกจากนี้ การสร้างม้วนคัมภีร์ดังกล่าวยังต้องใช้ความพยายามอย่างน้อย 5-10 ปี ชุดศาสตรามณียุทธ์ดังกล่าวประเมินค่ามิได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมองเพียงแค่เกราะหุ้มหน้าอกอย่างเดียวก็รู้แล้วว่าสิ่งนี้ได้รับการออกแบบและทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับหมิงฮัวโดยเฉพาะ ‘ตาข่าย’ ขนาดเล็กจำนวนมากที่ติดอยู่บนชุดเกราะทำให้พวกมันสามารถยืดหยุ่นได้และยังไม่ขัดขวางวิถีการต่อสู้แบบยืดหดร่างของเธออีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น บนเกราะหุ้มหน้าอก  เกราะไหล่ และเกราะหุ้มแขนก็ยังสามารถมองเห็นหลุมบรรจุมณีบนอุปกรณ์แต่ละชิ้นเหล่านี้ได้

การได้เห็นชิ้นส่วนศาสตรามณียุทธ์ชั้นสูงเช่นนี้ทำให้โจวเหว่ยชิงตกใจมาก แม้ว่าหมิงฮัวจะยังหลอมรวมชุดศาสตรามณียุทธ์ไม่เสร็จสมบูรณ์ทั้งชุด แต่เพียงแค่ 4 ชิ้น เธอก็สามารถใช้ประโยชน์จากพลังของชุดศาสตรามณียุทธ์ได้บางส่วนแล้ว

ด้วยชุดศาสตรามณียุทธ์ของเธอ หมิงฮัวจึงสามารถเพิ่มความเร็ว ความแข็งแกร่ง และทักษะของร่างกายโดยรวมให้ดีขึ้นได้หลายเท่า หมิงฮัวขยับตัวด้วยความเร็วดุจสายฟ้าและมาปรากฏตัวต่อหน้าโจวเหว่ยชิงทันที เธอหมุนร่างอ่อนนุ่มของตนเป็นเกลียว จากนั้นเดือยแหลมในมือของก็พุ่งไปยังร่างกายซีกขวาของโจวเหว่ยชิง ในขณะเดียวกันก็บิดตัวใช้ขาขวาที่หุ้มเกราะเสือกแทงไปยังร่างกายส่วนล่างของโจวเหว่ยชิงด้วย การโจมตีนี้โหดเหี้ยมและแม่นยำอย่างน่าประทับใจ

เดิมทีระดับพลังปราณของหมิงฮัวก็สูงกว่าโจวเหว่ยชิงอยู่แล้ว ตอนนี้เธอยังสวมชุดศาสตรามณียุทธ์เข้าไปอีก โจวเหว่ยชิงจะรับมือกับการโจมตีจากทุกทิศทางของเธอได้อย่างไร?

แสงสีเงินกริบพริบวูบวาบ โจวเหว่ยชิงถูกบีบบังคับให้ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของเธอ ในขณะเดียวกันขาขวาของเขาก็พยายามตวัดเข้าหาเธอด้วย

หมิงฮัวแค่นเสียงในลำคอขณะที่เธอพูดว่า “ข้ารู้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ เกี่ยวกับขาขวาของเจ้า” เธอไม่ได้พยายามแลกเปลี่ยนการโจมตีกับโจวเหว่ยชิงโดยตรง แต่ใช้พลังความยืดหยุ่นของตนขยับหลีกหนีไปรอบๆ ตัวเขาเพื่อหาช่องโจมตีอย่างลื่นไหล ราวกับว่าเธอเป็นเค้กข้าวเหนียวที่ติดหนึบอยู่กับเขาจนไม่อาจสลัดออกไปได้ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร ตอนนี้โจวเหว่ยชิงจึงรู้สึกเหลืออดกับเธอมากๆ

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เฝ้าดูการต่อสู้อย่างกระวนกระวายในระยะไกลๆ ในมือของเธอยังถือคันธนูที่ฮัวเฟิงมอบให้เอาไว้ให้ ตั้งท่าพร้อมจะช่วยเหลือเขาทุกเมื่อหากสถานการณ์ดูแย่ลง

ด้วยความเร็ว พลัง และทักษะมณียุทธ์ของหมิงฮัวที่เพิ่มขึ้น เดือยแหลมในมือของเธอจึงเป็นภัยคุกคามต่อโจวเหว่ยชิงมาก แม้โจวเหว่ยชิงจะมีเกราะเทพอมตะปกป้องเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่กล้าปล่อยให้เดือยแหลมนั้นสัมผัสร่างกายของเขาแน่ๆ

เมื่อถูกบีบบังคับจนเข้าตาจน โจวเหว่ยชิงก็ยกมือซ้ายขึ้นอย่างแน่วแน่ ในขณะที่เขาโบกมือลง เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้นเมื่ออากาศถูกฉีกจนแยกออกจากกัน แรงดึงดูดมหาศาลพลันปรากฏขึ้นพร้อมกับรอยแยกสีดำน่ากลัวที่บ่งบอกถึงทักษะกระชากมิติ  ในเวลาเดียวกันโจวเหว่ยชิงก็ฉวยโอกาสนี้ขยับถอยห่างเพื่อเว้นระยะจากหมิงฮัวทันที

ดวงตาของเธอหรี่ลง จากนั้นม่านตาก็หดแคบเมื่อเธอเห็นสิ่งแปลกประหลาดปรากฏขึ้นต่อหน้าเธออีกครั้ง ทว่าแม้ว่าการโจมตีของเธอจะถูกขัดขวางเอาไว้ เธอก็สามารถตอบโต้กลับด้วยวิธีการที่รวดเร็วและแยบยลกว่าซ่างหลาง ร่างกายของเธอพุ่งลงข้างล่างอย่างรวดเร็ว ศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมดเปล่งแสงสีเขียวเจิดจ้าเพื่อใช้ป้องกันและกระจายแรงดึงดูดส่วนใหญ่จากทักษะกระชากมิติออกไป

ขณะที่ร่างของเธออยู่ต่ำจนแทบจะติดพื้น เธอก็กระโจนเข้าหาโจวเหว่ยชิงอีกครั้งด้วยท่าพุ่งเสยอย่างรวดเร็ว  เดือยแหลมในมือพลันเล็งเป้าไปที่ขาของโจวเหว่ยชิง

ผู้หญิงคนนี้ยากจะรับมือจริงๆ! ความรู้สึกราวกับว่าตนมีพลังแต่ไม่อาจใช้มันได้คล่องมือ ความรู้สึกราวกับแขนขาถูกมัดนี้ทำให้ความโกรธของโจวเหว่ยชิงค่อยๆ ทวีขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่สามารถใช้ทักษะกระชากมิติได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทักษะนี้จะทรงพลังมาก แต่ก็นั่นก็ต้องเผาผลาญพลังปราณสวรรค์และพลังจิตของเขาไปอย่างมหาศาล นอกจากนี้เมื่อเทียบกับ 3 วินาทีของทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา ทักษะนี้ก็ยังต้องรอถึง 10 วินาทีกว่าจะใช้ได้อีกครั้ง  เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถหลบการโจมตีของหมิงฮัวได้อีก โจวเหว่ยชิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาของเขาอีกครั้งเนื่องจากมันเพิ่งจะสิ้นสุดเวลาฟื้นตัว ในชั่วพริบตานั้นเขาก็ไปปรากฏตัวที่อีกฝั่งหนึ่งในท่าที่เกือบจะหลบการโจมตีของเธอไม่พ้น

“หึ! ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาหลบหนีไปได้ตลอดหรือไม่!” หมิงฮัวดูเหมือนเป็นวิญญาณตามติดเขา แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเธอก็ยังคงโจมตีอย่างว่องไวและต่อเนื่องไม่ยอมหยุดยั้ง ราวกับว่าเธอเป็นงูพิษตัวหนึ่งที่กัดไม่ยอมปล่อยจนกว่าเหยื่อจะขาดใจตาย

………………………