เล่มที่ 6 บทที่ 161 ญาติผู้พี่ต้องเป็นของนางเท่านั้น

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ซ่งฉางชิงหันมองกู้ซินเยว่ เพียงเห็นกู้ซินเยว่มองเขาด้วยท่าทีเหนียมอาย ดวงหน้างดงาม แววตาแฝงเร้นด้วยประกายความรัก เมื่อสัมผัสได้ว่าซ่งฉางชิงมองอยู่ กู้ซินเยว่รีบก้มหน้าลงด้วยความขวยเขิน ใบหน้าแดงจนถึงใบหู ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแทบจับสังเกตไม่ได้ เข้าใจความหมายของฮูหยินเฒ่ากู้ทันที

“ข้ารู้สึกว่าเสื้อตัวนี้ ตรงนี้แน่นไปหน่อย” ซ่งฉางชิงยกแขนขึ้น กล่าวด้วยท่าทางเสียดาย

ฮูหยินเฒ่ากู้มองโดยละเอียด “แน่นเกินไปนิดจริงด้วย! ถ้าอย่างไรเจ้าถอดออก ข้าจะนำไปให้ฮวาหม่านยีแก้ใหม่”

ซ่งฉางชิงยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่ต้องรบกวนท่านแม่แล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้ห่างจากฮวาหม่านยี หากมีเวลา ข้าไปด้วยตัวเอง ให้ฮวาหม่านยีวัดขนาดร่างกายเพื่อตัดเย็บไม่ดีกว่าหรือ? ”

ฮูหยินเฒ่ากู้พยักหน้า “ที่เจ้าพูดก็ถูก เช่นนั้นเจ้ามีเวลาว่างก็ไปด้วยตัวเองแล้วกัน”

“ญาติผู้พี่ ข้าก็มีของสิ่งหนึ่งจะมอบให้ท่านเจ้าค่ะ” กู้ซินเยว่ถือของชิ้นหนึ่งไว้ในมือ เดินขึ้นหน้า ยื่นส่งให้ซ่งฉางชิง

ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ที่ข้ามีทุกสิ่งแล้ว ญาติผู้น้องไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อมา”

กู้ซินเยว่ “ญาติผู้พี่ นี่ไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร เป็นเพียงตำราหนึ่งเล่ม ข้าได้ยินมาว่าตำราเล่มนี้ไม่เพียงแต่โด่งดังในเมืองโยวหลัน ที่อำเภอกว่างชางก็เป็นที่ชื่นชอบกันมาก ไม่รู้ว่าญาติผู้พี่ซื้อมาหรือยัง ซินเยว่เห็นว่าน่าอ่าน จึงซื้อมาเล่มหนึ่งเพื่อมอบให้ญาติผู้พี่ นี่เป็นเล่มแรก ยังมีเล่มที่สองกับเล่มที่สาม หากวางขายเมื่อไร ซินเยว่จะนำมาให้ญาติผู้พี่ทันทีเจ้าค่ะ”

ตำรา?

พอซ่งฉางชิงได้ยินว่าเป็นตำรา คิ้วที่ขมวดเป็นปมจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย ใช้มือทั้งคู่รับมา เอ่ยประโยคหนึ่งอย่างหาได้ยากนัก “เช่นนั้นก็ขอบใจญาติผู้น้องมาก! “

ท่าทีดีกว่าท่าทางเย็นชาเมื่อครู่นี้มากนัก

“ญาติผู้พี่และท่านป้าดีต่อซินเยว่ถึงเพียงนี้ มอบตำราเล่มหนึ่งให้ญาติผู้พี่ ไม่ใช่ของล้ำค่า จะรับคำขอบคุณได้อย่างไรเจ้าคะ! “

กู้ซินเยว่รู้สึกยินดีอยู่ในใจ เฝ้ารอคอยให้ถึงเวลาที่จะได้มอบเล่มต่อไปแล้ว

ฮูหยินเฒ่ากู้มองอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางชื่นใจ ภายในใจก็รู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก

หลานสาวคนนี้ชอบฉางชิงจริงๆ ไม่อย่างนั้น คงไม่เอาเวลาไปคิดเรื่องของเขา เช่นนี้ก็ดี จะได้สนิทชิดเชื้อกันยิ่งขึ้น

เพียงแต่ไม่รู้ว่า ฉางชิงคิดเห็นเช่นไร!

เขามีท่าทางเรียบสงบต่อทุกสิ่ง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น คนที่จะครองคู่กันชั่วชีวิต อย่างไรก็ต้องมีใจให้กัน ถึงจะครองรักได้อย่างยืนยาว!

ใกล้ถึงช่วงเที่ยงแล้ว ลูกค้าที่จะมาทานมื้อเที่ยงก็ทยอยกันมา ทุกคนในเซียนจวีโหลวกำลังจะมีงานยุ่งแล้ว ซ่งฉางชิงจะไปชั้นล่าง ย่อมต้องส่งฮูหยินเฒ่าออกไป

ฮูหยินเฒ่ากู้จับมือซ่งฉางชิงพร้อมกำชับให้เขาดูแลตัวเองให้ดี ซ่งฉางชิงขานตอบ กู้ซินเยว่ที่อยู่ข้างๆ รวบรวมความกล้าอยากจะกล่าวอะไร แต่พอเห็นว่าซ่งฉางชิงไม่มองนางด้วยซ้ำ คำพูดมากมาย สุดท้ายก็กล่าวไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ฮูหยินเฒ่ากู้ขึ้นรถม้า กู้ซินเยว่ตามขึ้นไป

ซ่งฉางชิงยืนอยู่ข้างๆ

กู้ซินเยว่รวบรวมความกล้าพูดออกมาหนึ่งประโยค “ญาติผู้พี่ ท่านป้าอยู่บ้านคิดถึงท่านทุกวัน ท่านกลับไปเยี่ยมท่านป้าบ่อยๆ นะเจ้าคะ”

กล่าวจบ เมื่อเงยหน้าขึ้น ข้างรถม้ายังมีเงาร่างของซ่งฉางชิงที่ไหนกัน

มองไปอีกที เห็นเพียงซ่งฉางชิงเดินไปถึงบันไดแล้ว

จากรถม้าถึงบันได เป็นระยะทางเท่ากับเวลาที่นางกล่าวประโยคนั้นพอดี

เขาไม่ได้ยินที่นางพูดกับเขา หรือว่าได้ยินแล้วแสร้งทำทีเป็นไม่ได้ยินกันแน่

พอคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหลัง กู้ซินเยว่กลัวจนขาอ่อนแรง ขณะขึ้นรถม้าไม่ทันระวังจึงสะดุด จื่อเยียนที่อยู่ข้างหลังเห็นเข้า จึงรีบประคองนางไว้ “คุณหนู…”

กู้ซินเยว่กัดริมฝีปากแน่น ริมฝีปากที่ผ่านการบรรจงแต่งแต้มถูกนางกัดจนแทบไม่มีสีเลือด ทว่า เพียงชั่วพริบตาเดียว นางก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ เปิดม่านเข้าไป แววตาฉายประกายรู้สึกผิดและตำหนิตัวเอง คุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินเฒ่ากู้ดังฟุ่บ

ฮูหยินเฒ่ากู้เห็นดังนั้น ก็รีบยื่นมือไปพยุงนาง เอ่ยถามด้วยความห่วงใย “ซินเยว่ เจ้าเป็นอะไรไป? เหตุใดสีหน้าถึงดูแย่นัก? “

กู้ซินเยว่ส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ท่านป้า ข้าเพียงแค่… เพียงแค่รู้สึกผิดต่อท่านเจ้าค่ะ! “

“เด็กโง่ มีอะไรให้รู้สึกผิดกัน! ” ฮูหยินเฒ่ากู้นึกว่านางยังรู้สึกผิดเรื่องที่เมื่อครู่นางเกือบลื่นล้ม “ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่หรือ! “

“หากไม่ได้ฮูหยินเซียวช่วยไว้ ท่านป้า ข้ากลัวท่านจะได้รับบาดเจ็บจริงๆ เจ้าค่ะ หากท่านบาดเจ็บ ซินเยว่ก็จะเป็นคนบาปที่สุด! ” กู้ซินเยว่สะอื้นไห้ พิงอยู่ในอ้อมอกของฮูหยินเฒ่ากู้ ร่ำไห้ด้วยความเสียใจ

ฮูหยินเฒ่ากู้ตบศีรษะของนางเบาๆ “ไม่เป็นอะไร เด็กโง่ ป้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจ”

“แต่ว่า ญาติผู้พี่เขา…” พอคิดถึงท่าทีของซ่งฉางชิงเมื่อครู่นี้ กู้ซินเยว่ก็รู้สึกเศร้าใจนัก หยาดน้ำตาไหลลู่ลงมาอย่างไม่อาจหยุดได้

“ไม่ต้องกังวล ญาติผู้พี่ของเจ้าก็เป็นคนเช่นนี้ เจ้าไม่เห็นหรือ? ตอนเจ้ามอบตำราให้เขา ถึงแม้เขายังคงเย็นชา แต่ข้าดูออกว่าเขาดีใจมาก” ฮูหยินเฒ่ากู้กล่าว “ดังนั้น ครั้งหน้าเจ้าพบเขา ก็คุยเรื่องที่เขาสนใจ เขาก็จะคุยมากขึ้นเอง”

กู้ซินเยว่พยักหน้า “เช่นนั้นท่านป้า กลับไปข้าจะอ่านซีโหยวจี้เล่มนั้นอีกหลายๆ รอบ ครั้งหน้าจะได้มีเรื่องคุยกับญาติผู้พี่เจ้าค่ะ”

“เจ้าจริงใจต่อเขา เขาย่อมรับรู้ได้ถึงความหวังดีของเจ้า! ” ฮูหยินเฒ่ากู้ตบมือนางเบาๆ กล่าวด้วยความชื่นใจ

แววตาของกู้ซินเยว่ดูอ่อนโยน ก้มหน้าลงด้วยความเหนียมอาย แต่ยามฮูหยินเฒ่ากู้ไม่ได้มอง ประกายแสงเย็นเยียบในแววตานางกลับทำให้คนหนาวสะท้าน

ญาติผู้พี่ที่มีความสามารถมากล้น ทั้งยังมีรูปลักษณ์หน้าตาดี มีทั้งทรัพย์สินเงินทองและอำนาจบารมีผู้นี้ ต้องเป็นของนางเท่านั้น!

วันนี้กิจการของเซียนจวีโหลวดีเป็นพิเศษ ซ่งฉางชิงทำงานอยู่ข้างล่างถึงยามซวี* จึงส่งลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเสร็จ

ยืนอยู่หน้าโต๊ะคิดเงินจดบันทึกบัญชีรายการสุดท้าย ก่อนคำนวณบัญชีรายรับรวมของวันนี้จนเสร็จ ซ่งฉางชิงจึงนวดคลึงหว่างคิ้ว กลับขึ้นชั้นบน คิดจะพักผ่อนแล้ว

ซ่งฝูยกน้ำร้อนมา ซ่งฉางชิงไม่ต้องการให้เขาปรนนิบัติ เพียงยืนอย่างเงียบสงบอยู่ข้างๆ

ซ่งฉางชิงบิดผ้าเช็ดหน้าสะอาด ล้างมือและล้างหน้าเสร็จ จึงให้ซ่งฝูออกไป “เจ้าก็รีบไปอาบน้ำพักผ่อน วันนี้ทุกคนล้วนเหนื่อยแล้ว”

ภายในห้องเหลือซ่งฉางชิงเพียงคนเดียว ถอดรองเท้าและถุงเท้าออก แช่เท้าในอ่างไม้ที่มีน้ำอุ่นจนค่อนข้างร้อน เริ่มกิจวัตรประจำวันที่เขาทำอยู่ทุกวัน คือการแช่เท้า

ไม่ว่าจะดึกเพียงใด เขาก็จะแช่เท้าครู่หนึ่ง

ในยามปกติ เขาจะแช่เท้าไปพลางหลับตาพักผ่อนไปพลาง วันนี้นอนลงครู่หนึ่ง ก็ลุกขึ้น ยื่นมือไปหยิบตำราที่กู้ซินเยว่มอบให้ในวันนี้

แกะห่อด้านนอกออก สิ่งที่ปรากฏสู่สายตา คือตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัวที่งามสง่าประหนึ่งมังกรเหินหงส์ร่ายรำ ‘ซีโหยวจี้’ และด้านข้าง เป็นชื่อของผู้แต่ง ‘คุณชายหลัวยวี่’

ซีโหยวจี้?

ซ่งฉางชิงกล่าวพึมพำ “เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินชื่อตำราเล่มนี้มาก่อน? “

เมื่อเปิดดูหน้าแรก ซ่งฉางชิงลุกจากเก้าอี้นอนขึ้นมานั่งทันที