ตอนที่ 139 ใครมีค่า APM สูงที่สุด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ห้องน้ำแห่งนี้อยู่สุดทางเดิน โถงทางเดินยาวมาก มีแค่แสงไฟสีเหลืองนวล

 

 

เงียบสงัดถึงขั้นว่าได้ยินแม้กระทั่งเสียงน้ำหยด

 

 

แสงไฟสลัวนิดหน่อย แต่ก็เห็นร่างคนได้ชัด

 

 

ในฐานะที่เป็นแฟนคลับตัวยงของหยางเฟย เฉียวเซิงจะไม่รู้จักหยางเฟยได้อย่างไร

 

 

มิหนำซ้ำเขายังไม่ได้เปลี่ยนชุด บนตัวยังเป็นยูนิฟอร์มของ OST อยู่เลย

 

 

และตรงข้ามเขา…

 

 

ผู้หญิงก้มหน้าเล็กน้อย พิงผนังอย่างเกียจคร้าน สองมือกอดอก ท่าทางดูไม่ยี่หระ และมีความเอาแต่ใจที่ดูเหลาะแหละอีกด้วย

 

 

บนหัวยังคงเป็นหมวกเบสบอลใบเดิม กดปีกหมวกลงต่ำ มองจากมุมนี้ไม่เห็นตาของเธอ เห็นเพียงคางที่แลดูขาวหมดจดของเธอ

 

 

เฉียวเซิงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาหลับตาครู่หนึ่งแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง

 

 

ร่างตรงหน้าหยางเฟยยังอยู่ เขาไม่ได้ตาฝาดไป

 

 

ราวกับสองคนนั้นกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ไม่สังเกตเลยว่าห้องน้ำที่ลับตาคนแห่งนี้จะมีคนอื่นมาเจอ

 

 

เฉียวเซิงได้ยินเสียงที่เบาบางยิ่งนักของตัวเอง “เจ๊…เจ๊หร่าน”

 

 

เสียงที่โผล่มากะทันหัน

 

 

ทำให้เรือนคิ้วงามของหยางเฟยเลิกขึ้นเล็กน้อย เขาหันมามองทางเฉียวเซิง เมื่อเห็นว่ามีคนก็ขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็เหลือบมองฉินหร่านเป็นเชิงซักถาม

 

 

ฉินหร่านหันหน้าไป มองเฉียวเซิงอย่างเรียบเฉยด้วยเช่นกัน

 

 

พยักพเยิดหน้าใส่เขา เป็นสัญญาณบอกให้เขาอยู่ที่เดิม

 

 

“ไม่ขอเจอตอนนี้” ฉินหร่านยืนตรง “ไม่อยากเจอเลยสักคน”

 

 

หยางเฟยพยักหน้า แม้จะเสียดายและผิดหวัง แต่เพราะการปรากฏตัวของเฉียวเซิง จึงไม่พูดอะไร “งั้นเธอกลับไปก่อนเถอะ”

 

 

ขณะที่พูดเขาก็เหลือบมองเฉียวเซิงแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า “สวัสดี ฉันหยางเฟย”

 

 

เฉียวเซิงไม่ตอบสนอง

 

 

หยางเฟยเข้าห้องน้ำไปแล้ว

 

 

ฉินหร่านเดินไปข้างหน้าสองก้าว เธอยกมือขึ้นดึงหมวกของเฉียวเซิงออก เคาะหัวเขา “ตื่นได้แล้ว หนุ่มน้อย”

 

 

เฉียวเซิงมองเธอเงียบๆ

 

 

อ้าปาก เพิ่งกลั่นกรองคำพูดที่มีอยู่เต็มอก

 

 

ฉินหร่านโยนหมวกให้เขา มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า พูดแทรกเขา มีความเอาแต่ใจอย่างไม่แยแสใคร “อนุญาตให้นายถามสามคำถาม”

 

 

สะกดกลั้นคำพูดทั้งหมดไว้ เฉียวเซิงสวมหมวกแล้วตามไป “เธอสนิทกับพวกเทพพระอาทิตย์กับอี้จี้หมิงมากเหรอ”

 

 

ฉินหร่านหันมา ชายตามองเฉียวเซิงแวบหนึ่ง รอยยิ้มตรงมุมปากดูสบายๆ ราวกับเฉียวเซิงถามคำถามที่ปัญญาอ่อน “แน่นอน ข้อต่อไป”

 

 

“เมื่อกี้…” เฉียวเซิงถูกเมินจนชินแล้ว เขาตามฝีเท้าฉินหร่านจนทัน หันหน้ามองอีกครั้ง “เกมเมอร์ที่หยางเฟยพูดบนเวทีเมื่อกี้นี้คือเธอ ไม่ใช่เมิ่งซินหรานใช่ไหม”

 

 

“อืม” ฉินหร่านไม่ปิดบังเลยสักนิด เธอพยักหน้าอย่างโจ๋งครึ่ม “ข้อสุดท้าย”

 

 

เมื่อถามคำถามข้อสุดท้าย ฝีเท้าของเฉียวเซิงกลับช้าลง

 

 

ฉินหร่านเหลียวมองเขาแล้วเลิกคิ้ว “นายว่ามาสิ”

 

 

“คือว่า…” เฉียวเซิงเม้มปาก เดินบนโถงทางเดินมานานแล้ว เสียงสะท้อนยังคงดังก้อง เขาได้ยินเสียงของตัวเองชัดเจนมาก “การ์ดเทพสามใบของทีม OST เธอเป็นคนสร้างเหรอ”

 

 

ฉินหร่านชะงักไป เธอยิ้มน้อยๆ ดูเกียจคร้านนิดหน่อย “ฉลาดนี่ หนุ่มน้อย”

 

 

แม้จะคาดเดาอยู่แล้ว แต่เฉียวเซิงก็อึ้งอยู่ดี

 

 

การ์ดตัวละครของเกมท่องยุทธภพใครก็สร้างได้ แต่คนที่สร้างการ์ดเทพได้กลับมีน้อยนิด

 

 

คนที่มีการ์ดเทพล้วนเป็นทีมระดับท็อปของแต่ละประเทศ

 

 

เพราะการ์ดเทพเน้นการออกแบบตัวละครกับการจัดวางคอมโบ[1] สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ์ดเทพที่สร้างต้องมีเบาะแสให้ติดตาม สามารถหาร่องรอยเจอได้ ไม่ใช่การสร้างตัวละครขึ้นมาโดยไม่มีแหล่งอ้างอิงหรือใส่ทักษะให้ตามใจชอบ

 

 

ก่อนหน้านี้ ทุกคนรวมถึงเฉียวเซิงต่างก็คิดว่าอวิ๋นกวงกรุ๊ปเป็นคนสร้างการ์ดเทพของ OST

 

 

จนกระทั่งเมื่อคืนเฉียวเซิงถึงได้รู้ว่าที่แท้มันถูกสร้างขึ้นโดยสมาชิกทีม OST รุ่นแรก

 

 

อันที่จริงสิ่งที่แฟนคลับของ OST คลั่งไคล้มีสามประการคือ ตำนานไร้เทียมทานของหยางเฟย ความกล้าหาญของ OST และการ์ดเทพสามใบ

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นแฟนคลับทุกคนรู้ดีว่า สองประการแรกล้วนมีพื้นฐานมาจากการ์ดเทพทั้งสามใบ

 

 

หากพวกเขารู้ว่าการ์ดเทพสามใบนี้ถูกสร้างขึ้นจากคนเดียวกัน…

 

 

และคนคนนั้นก็คือฉินหร่าน เฉียวเซิงพอจะเดาได้บ้างว่า ทุกคนต้องคลุ้มคลั่งเป็นแน่

 

 

“ตอบหมดแล้ว กลับกันเถอะ” ฉินหร่านหันกลับแล้วเดินหน้าต่อ

 

 

“งั้นเธอยังเล่นเกมอยู่ไหม” เฉียวเซิงไล่ตามไป ถามเสียงเบา น้ำเสียงมีความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “เธอจะขึ้นเวทีแข่งกับเทพพระอาทิตย์อีกไหม”

 

 

“แข่งอะไรกัน จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว” ฉินหร่านตอบอย่างไม่ใส่ใจ “อีกอย่าง ค่า APM ของฉันไม่สูง แค่ประมาณ 200 นายอยากให้ฉันโดนด่าหรือไง”

 

 

เฉียวเซิง “…”

 

 

 

 

ทั้งสองคนกลับมาที่ลู่จ้าวอิ่งกับพวกสวีเหยากวงอยู่

 

 

ตอนที่กลับไป ลู่จ้าวอิ่งกำลังคุยกับหัวหน้าแฟนคลับของหยางเฟยอยู่ แถมยังได้หมวกบักเก็ตจากเธออีกด้วย

 

 

พวกเขายืนอยู่ข้างราวจับของทางเดิน ใต้ราวจับเป็นที่นั่ง เมิ่งซินหรานยืนอยู่ที่เดิม ผู้ชายสามคนข้างเธอยืนเชิดหน้ายืดอก

 

 

เพราะเมื่อครู่ผู้อำนวยการโปรแกรมโคลสอัพเมิ่งซินหราน มีคนจำเธอได้ จึงยืนรออีกมุมหนึ่ง

 

 

วุ่นวายนิดหน่อย ฉินหร่านใส่หูฟัง หย่อนมือถือลงในกระเป๋าของเสื้อนอก

 

 

“ไปกันเถอะ” มือยันราวจับไว้ข้างหนึ่งแล้วมองลู่จ้าวอิ่ง

 

 

พวกผู้ชายห้องเก้าเกาะราวจับ อยากรอหยางเฟยออกมา พากันส่ายหน้า ไม่ยอมกลับ

 

 

เฉียวเซิงวาดมือพาดบนราวจับ ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่ต้องรอแล้ว เทพพระอาทิตย์ไม่มีทางไปหาเมิ่งซินหรานหรอก”

 

 

ชายคนหนึ่งชะงัก จากนั้นเงยหน้าขึ้น “เฉียวเซิง ฉันรู้ว่านายอิจฉาเมิ่งซินหราน ไม่ต้องพูดหรอก ฉันรู้ดี”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งมองไปทางเมิ่งซินหรานด้วยความลังเล คิดๆ ดูแล้ว ก็ตั้งใจว่าจะพาฉินหร่านกลับไปก่อนอยู่ดี

 

 

“อันนี้ให้เธอ” เขายื่นหมวกบักเก็ตที่ได้มาจากแฟนคลับคนนั้นให้ฉินหร่าน ชี้ไปที่หัวของเธอ “ใบที่อยู่บนหัวเธอเก่าเกินไปแล้ว เปลี่ยนใบใหม่”

 

 

“ไม่เปลี่ยนดีกว่า” ฉินหร่านยกมือกดหมวกบนหัวไว้ พูดเสียงเรียบอย่างยิ่งว่า “ฉันชอบอะไรเก่าๆ”

 

 

“ก็ได้” ลู่จ้าวอิ่งก็ไม่ใส่ใจมากนัก เก็บหมวกใบนี้ไว้กับตัวเอง

 

 

สวีเหยากวงไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย

 

 

เขาไม่ได้สวมหมวกบักเก็ตด้วย เพียงแค่หยิบมือถือออกมา พูดกับเฉียวเซิงว่า “บัตรมาถึงแล้ว ฉันกลับบ้านก่อน”

 

 

น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่งอย่างที่เคย

 

 

เฉียวเซิงรู้ว่าเขาหมายถึงบัตรที่ฉินอวี่ส่งมาให้เขา ก็พยักหน้า โบกมือให้เขาไป

 

 

สวีเหยากวงหยุดคิด จากนั้นก็บอกลาลู่จ้าวอิ่ง

 

 

ลู่จ้าวอิ่งจึงโบกมือส่งๆ ไป

 

 

เฉียวเซิงรู้จักลู่จ้าวอิ่ง แต่คนอื่นในห้องเก้าไม่รู้จัก พอเห็นสวีเหยากวงทักทายลู่จ้าวอิ่งเป็นการเฉพาะ ก็สงสัยมากเหมือนกัน

 

 

เดินผ่านฉินหร่าน ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง

 

 

เฉียวเซิงเห็นฉากนี้เข้า ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ‘คุณชายสวี นายรู้ไหมว่าคนตรงหน้านายนี่แหละผู้สร้างการ์ดเทพที่นายคลั่งไคล้!’

 

 

 

 

หลังออกมาก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว

 

 

เฉิงเจวี้ยนมารับพวกเขาเช่นเดิม

 

 

เมื่อถึงคฤหาสน์ พ่อบ้านเฉิงก็กะเวลาถูกเสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะหมดแล้ว

 

 

เฉิงเจวี้ยนวางมือบนโต๊ะ นั่งเบี่ยงตัว ถามอย่างสบายๆ ว่า “ช่วงนี้มีความคิดจะไปเมืองหลวงไหม”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งกำลังไถเวยป๋อพลางกินข้าวไปด้วย พอได้ยินประโยคนี้ มือก็นิ่งไป

 

 

เงยหน้ามองเฉิงเจวี้ยนอย่างเหลือเชื่อ

 

 

ท่านเจวี้ยน นายบ้าไปแล้วเหรอ!

 

 

คนเขายังเรียนมัธยมปลาย นายจะให้โดดเรียนโต้งๆ เลยเหรอ!

 

 

เฉิงเจวี้ยนเงยหน้ามองเขา

 

 

พ่อบ้านเฉิงที่ยืนเตรียมพร้อมรับใช้อยู่อีกมุม ก็มองเฉิงเจวี้ยนพูดไม่ออกเช่นกัน

 

 

จากนั้นก็ขมวดคิ้วมองฉินหร่าน

 

 

สุดท้ายก็ถอนหายใจ

 

 

“มีเรื่องหนึ่ง ยังไม่ได้ตัดสินใจ” ฉินหร่านนึกถึงบัตรที่เฉินซูหลานให้เธอก็อารมณ์เสียไม่น้อย

 

 

 เธอก้มหน้า ใบหน้าทั้งเย็นชาและหงุดหงิด แค่ลู่จ้าวอิ่งเห็นก็กลัวแล้ว ไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้

 

 

หลังกินข้าวเสร็จ ฉินหร่านต้องกลับไปที่ห้องเก้าต่อ บอกว่าต้องเข้าคาบเรียนด้วยตัวเอง

 

 

แม้จะเป็นวันเสาร์ แต่นักเรียนห้องเก้ากลับมากันครบ ต่างก็กระจุกตัวพูดเรื่องที่ดูการแข่งขันในวันนี้แทบจะไม่ทำการบ้านอะไรเลย

 

 

ฉินหร่านนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง พิงผนังอย่างขี้เกียจ ใส่หูฟังอย่างไม่สบอารมณ์ หยิบสมุดคัดลายมือออกมาเริ่มลงมือคัด

 

 

“หรานหร่าน สมัครเวยป๋อสักอันเถอะ” หลินซือหรานเขยิบเข้ามา “เราติดตามกันหน่อย ได้ยินว่าเมิ่งซินหรานมีคนติดตามสองล้านแล้ว”

 

 

เพราะวันนี้เมิ่งซินหรานถูกหยางเฟยกล่าวถึง แฟนคลับของหยางเฟยเทียบเท่าความเร็วอินเทอร์เน็ตพลังสูง ไปถึงเวยป๋อของเมิ่งซินหรานทันที

 

 

คำว่า ‘ฉันมี’ ถูกเธอกลืนลงไป เธอจำได้ว่าเคยบอกหลินซือหรานว่าไม่มี

 

 

“ยุ่งยาก” เธอตอบปัดๆ ไป จากนั้นก็คัดลายมืออย่างเชื่องช้า

 

 

หลินซือหรานเท้าคางมองเธอ “ฉันช่วยสมัครให้ ชีวิตของเธอเหมือนคนแก่ชัดๆ!”

 

 

เบอร์นี้ยังไม่เคยลงทะเบียน ฉินหร่านจึงโยนมือถือให้หลินซือหราน มือที่ยังคัดลายมือยังคงไม่หยุด “ทำเอง”

 

 

หลินซือหรานรับมือถือฉินหร่านมาอย่างดีใจ พบว่าพอแตะมือถือ ก็ปลดล็อกเองอัตโนมัติ

 

 

เธอร้อนใจอยากสมัครเวยป๋อ จึงไม่คิดอะไรมาก ดาวน์โหลดเวยป๋อด้วยความตื่นเต้นแล้วลงทะเบียน

 

 

ขณะที่กำลังคิดชื่อ หลินซือหรานกัดนิ้ว สุดท้ายก็สมัครบัญชีเวยป๋อที่ชื่อว่า qr

 

 

ดูเหมือนฉินหร่านจะชอบสไตล์นี้มากทีเดียว จ้องอยู่นานสองนาน

 

 

ไม่ถึงคืนหนึ่ง ก็มีผู้ติดตามเพิ่มมาสิบคน นอกจากผู้ติดตามปลอมแล้ว ก็มีแต่หลินซือหราน เมื่อเทียบกับกองทัพสองล้านของเมิ่งซินหรานแล้ว ก็เป็นแค่ฝุ่นผง

 

 

 

 

กลางคืน หลังเลิกคาบเรียนด้วยตัวเอง

 

 

ฉินหร่านอาบน้ำเสร็จก็สวมเสื้อตัวยาว เดินออกมาพร้อมกับเช็ดผมไปด้วย นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดกับหลินซือหรานว่า “ส่งตัวละครในเกมให้เธอแล้ว”

 

 

หลินซือหรานรีบล็อกอินเข้าเกม มีข้อความสามฉบับในกล่องข้อความของเกม

 

 

ฉินหร่านส่งตัวละครให้เธอสามตัว ชายชราคนหนึ่ง ชายชราที่มีหัวมนุษย์ร่างเป็นงู และตัวละครผู้หญิงที่เธอเคยเห็นครั้งก่อน

 

 

ตัวละครสองตัวแรกรูปลักษณ์ไม่ดี ส่วนตัวละครผู้หญิงสวมเสื้อผ้าสง่างามดุจเซียน หลินซือหรานชอบมาก

 

 

แถมยังใช้การ์ดตัวละครตัวนี้ไปเคลียร์ดันเจี้ยนอีกด้วย

 

 

เล่นจบหนึ่งตา คนที่อยู่ในดันเจี้ยนเมื่อครู่นี้ต่างก็เพิ่มเธอเป็นเพื่อนอย่างบ้าคลั่ง

 

 

และส่งข้อความเสียงมาด้วย

 

 

เกมนี้ส่งข้อความเสียงได้

 

 

“หรานหร่าน ในเกมมีเอไอเยอะมาก ฉันเป็นแค่เด็กใหม่ จะมีคนมาเพิ่มเพื่อนเยอะขนาดนี้ได้ยังไง แถมยังส่งข้อความเสียงให้ฉันด้วย” หลินซือหรานไม่เพิ่มเลยสักคน ไม่ฟังข้อความด้วยซ้ำ เริ่มเคลียร์ดันเจี้ยนขั้นพื้นฐานต่ออีกครั้ง

 

 

บุกหน้าไปอย่างง่ายดาย

 

 

ฉินหร่านเช็ดผมของตัวเองอย่างไม่รีบร้อน พอหลินซือหรานพูดเธอก็แค่ครางรับอืมอย่างขอไปที

 

 

เธอคลำกระเป๋าในชุดที่เพิ่งถอดไปวันนี้ ล้วงบัตรออกมาสองใบ หนีบไว้ในวรรณกรรมภาษาต้นฉบับที่อยู่ข้างๆ

 

 

 

 

ในห้องพักของเฉียวเซิง เขากำลังดูแชทกลุ่มห้องเรียน ถือโอกาสกดติดตามเวยป๋อของฉินหร่านด้วย

 

 

เหอเหวิน ‘วันนี้เป็นจอมอิจฉา (ส่งรูป)’

 

 

เซี่ยเฟย ‘ผู้ติดตามของเมิ่งซินหรานทะลุสองล้านหนึ่งแสนคนแล้ว!’

 

 

คนอื่นต่างก็รู้สึกว่าน่ากลัว คนห้องเก้าไม่มีใครรู้สึกดีกับเมิ่งซินหราน คราวนี้กลับอิจฉาขึ้นมาเสียแล้ว

 

 

ก่อนหน้านี้ผู้ติดตามของเมิ่งซินหรานมีแค่หนึ่งล้านสองแสน และมีอีกมากกว่าครึ่งเป็นผู้ติดตามปลอมที่ซื้อมา

 

 

มีผู้ติดตามจริงเพิ่มมาถึงเก้าแสนคนภายในคืนเดียว

 

 

เฉียวเซิงกดเข้าไปในลิงก์ เห็นกระทู้แรกของเวยป๋อทันที…

 

 

‘เทพพระอาทิตย์ ดาวเด่นกีฬาอีสปอร์ตกล่าวบนการแข่งขันเมื่อบ่ายวันนี้ว่า ตัวเองชื่นชอบเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งมาก และเพลิดเพลินกับการเล่นเกมกับอีกฝ่ายมากเช่นกัน คำพูดคลุมเครือ

 

 

เกมเมอร์หญิงมืออาชีพมีน้อย ในทีม OST มีแค่คนเดียว แอดมินเจอเวยป๋อของเธอแล้ว เธอก็คือ @OST เมิ่งซินหราน เกมเมอร์หญิงที่มีพรสวรรค์ด้าน APM ตัวสำรองของการแข่งขันครั้งก่อน!

 

 

เมิ่งซินหราน เข้าร่วมทีม OST เมื่อหนึ่งปีก่อน เป็นเกมเมอร์มืออาชีพน่ากลัวที่มีศักยภาพอย่างมาก ค่า APM สูงกว่าอี้จี้หมิง…’

 

 

เฉียวเซิงโมโหจนโยนมือถือทิ้ง

 

 

กระทู้พวกนี้นอกจากแฟนคลับอ่านเองแล้ว ต้องมีคนซื้อความนิยมข้างในนี้แน่นอน

 

 

เฉียวเซิงรู้ว่าคนที่หยางเฟยพูดถึงวันนี้ไม่ใช่เมิ่งซินหราน เรื่องของฉินหร่านอวิ๋นกวงกรุ๊ปต้องรู้เป็นแน่ OST กับอวิ๋นกวงกรุ๊ปไม่มีทางซื้อความนิยมเด็ดขาด

 

 

คนที่ซื้อความนิยมต้องเป็นเมิ่งซินหรานแน่ๆ

 

 

เฉียวเซิงคับอกคับใจ แต่ก็อับจนหนทาง เขาจะทำอย่างไร โพสต์เวยป๋อว่าหยางเฟยไม่ได้หมายถึงเมิ่งซินหรานแต่เป็นฉินหร่านงั้นเหรอ

 

 

พวกเกรียนคีย์บอร์ดเยอะขนาดนั้น ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเท่าไหร่มาโจมตีฉินหร่าน

 

 

 

 

สกุลหลิน หยางเฟยไม่ได้มาหาเมิ่งซินหรานในการแข่งขัน

 

 

เธอคิดว่าหยางเฟยคงอยากหลีกเลี่ยงแฟนคลับ จึงไม่ได้ใส่ใจ

 

 

ป้าจางยกชามาให้ทุกคนที่นั่งในห้องรับแขก

 

 

หนิงฉิงถือบัตรไว้สองใบ กำลังพูดเรื่องไปเมืองหลวงกับหลินฉี

 

 

“วันนี้คุณหนูมีผู้ติดตามในเวยป๋อเพิ่มตั้งเก้าแสนคน คอมเมนต์อีกแสนกว่า” ป้าจางติดตามเวยป๋อของเมิ่งซินหรานมาตลอด เม้มปากยิ้มๆ

 

 

เมิ่งซินหรานยิ้มจางๆ “อาศัยบารมีของเทพพระอาทิตย์ทั้งนั้น คุณลุงคะ หนูขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะ”

 

 

หลินฉีพยักหน้า

 

 

หลังเมิ่งซินหรานขึ้นตึกแล้ว เขาถึงได้ถามเรื่องในเวยป๋อของเมิ่งซินหรานกับป้าจาง

 

 

คนทั้งบ้านเข้าชมอยู่พักหนึ่ง หลินฉีก็ถอนหายใจออกมา

 

 

ความนิยมเทียบเท่าดาราชั้นสามแล้ว

 

 

“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณหนูดังแล้ว” ป้าจางยิ้ม

 

 

หนิงฉิงมองบัตรของฉินอวี่ในมือ รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย

 

 

ความนิยมในเวยป๋อไม่ลดน้อยลงเลย

 

 

จนกระทั่งคืนวันอาทิตย์ มีคนขุดคุ้ยกระทู้หนึ่งของเว็บไซต์ออฟฟิเชียลออกมา

 

 

จับภาพหน้าจอและโพสต์ว่า…

 

 

‘OST ไม่เคยประกาศอันดับ APM แต่ฉันจำได้ว่าเทพพระอาทิตย์บอกว่าตัวเองเป็นแค่ที่สอง ฉะนั้นที่หนึ่งจะใช่…หรือเปล่า’

 

 

เมื่อมีเรื่องนี้เกิดขึ้น คืนวันอาทิตย์ ก็พุ่งขึ้นที่หนึ่งของอันดับการค้นหา

 

 

เช้าวันจันทร์

 

 

เมิ่งซินหรานมาถึงโรงเรียน

 

 

บนสันจมูกที่แว่นกันแดดกรอบใหญ่ มีคนมองเธอตลอดทางที่เธอไปห้องหนึ่ง มีคนใจกล้าถึงขั้นเข้ามาถามเรื่อง ‘เทพพระอาทิตย์’ กับเธอ

 

 

เมิ่งซินหรานยังคงเย่อหยิ่งเช่นที่ผ่านมา ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

 

 

 

 

ห้องเก้า

 

 

เมื่อคืนฉินหร่านหลับไม่สนิท เธอถึงนอนฟุบบนโต๊ะอย่างเกียจคร้าน หยิบหนังสือวรรณกรรมออกมาอ่าน ท่าทางดูหงุดหงิดทีเดียว

 

 

มือถือดังขึ้น เป็นข้อความจากหยางเฟย ถามเธอว่ามีเวยป๋อไหม

 

 

ฉินหร่านหรี่ตา คร้านจะพูดอะไรมาก จึงให้บัญชีลับไป

 

 

 

 

[1] คอมโบ หมายถึง ระบบการอัดโจมตีอย่างต่อเนื่องเป็นชุด