บทที่ 168 ไม่ขาย

จางซิ่วเอ๋อยิ้มน้อย ๆ และเอ่ยขึ้น “ผิดแล้ว ข้าบอกแค่ว่าท่านจะทำตามข้อเรียกร้องของข้า แต่ข้าไม่ได้บอกว่าท่านให้ข้ามาหมื่นตำลึงเงินแล้วจะขายสูตรเครื่องเทศให้ท่านเสียหน่อย”

คุณชายฉินอึ้งไป เขาคิดว่าจางซิ่วเอ๋อจะให้เขาซื้อสูตรเครื่องเทศในราคาหมื่นตำลึงเงินเสียอีก แต่ตอนนี้ดูแล้วไม่ใช่อย่างนั้น

จางซิ่วเอ๋อยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของคุณชายฉิน

นางเอาคืนได้หนึ่งยก คุณชายฉินชอบหยอกนางเล่นไม่ใช่เหรอ? เช่นนั้นนางก็จะหยอกคืนไป!

คุณชายฉินเห็นสีหน้าได้ใจนิด ๆ ของจางซิ่วเอ๋อแล้วก็เข้าใจความหมายของนาง

เขาไม่โกรธ กลับมีสีหน้ามีเลศนัยอีกครั้ง

เขาเพิ่งเคยเจอคนที่น่าสนใจอย่างจางซิ่วเอ๋อเป็นครั้งแรก

คุณชายฉินถามยิ้ม ๆ “ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าข้าต้องมีข้อเสนออย่างไรเจ้าถึงจะยอมขายสูตรเครื่องเทศให้ข้า?”

จางซิ่วเอ๋อส่ายหน้า “สูตรเครื่องเทศนี่ข้าไม่ขายหรอก”

คุณชายฉินสีหน้าอึมครึม “เจ้าไม่กลัวข้าใช้กำลังแย่งมารึ?”

จางซิ่วเอ๋อชี้หัวตัวเอง “สูตรเครื่องเทศอยู่ในหัวข้า ท่านจะแย่งอย่างไร? จะขุดออกไปจากหัวข้ารึอย่างไรเจ้าคะ?”

พูดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อจ้องคุณชายฉินเขม็ง คอยสังเกตสีหน้าคุณชายฉิน

ใช่แล้ว จางซิ่วเอ๋อกังวลจริง ๆ ว่าคุณชายฉินจะอารมณ์เสียแล้วทำในสิ่งที่นางรับไม่ไหว

แต่นาทีนี้คุณชายฉินคลี่ยิ้ม “เจ้านี่ไม่กลัวข้าดีนะ”

จางซิ่วเอ๋อยิ้ม “เพราะข้ากลัวท่านน่ะสิ กลัวมากด้วย แต่ข้ามีหลักการของข้า และคนอย่างข้าเกลียดการโดนข่มขู่ที่สุด”

คุณชายฉินถามอีก “ทำไมถึงไม่ยอมขายสูตรเครื่องเทศนี้ล่ะ?”

จางซิ่วเอ๋อวาดไม้วาดมือพลางเอ่ย “ตอนนี้มันราคาแพงอยู่ จึงมีแค่อิ๋งเค่อจวียอมซื้อเครื่องเทศนี้ แต่ถ้าวันหนึ่งราคาถูกจนทุกคนซื้อไหว ทุกครัวเรือนก็คงต้องใช้เจ้าสิ่งนี้ทำกับข้าวกันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ?”

“ต่อให้ข้ามีกำไรเพียงเหรียญเดียวจากทุกคน แต่พอรวมแล้ว…..” จางซิ่วเอ๋อพูดแล้วก็หัวเราะออกมา

คุณชายฉินได้ยินจางซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้แล้วพินิจพิเคราะห์ในตัวนางขึ้นมา ทำไมเขารู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อไม่เหมือนสาวชาวไร่ธรรมดาเลยล่ะ

คนธรรมดาจะมองการณ์ไกลขนาดนั้นได้อย่างไร เห็นท่าทางจางซิ่วเอ๋อเหมือนคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

คุณชายฉินเคาะโต๊ะด้วยมือเบา ๆ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ เสียงเคาะนั้นเข้าหูจางซิ่วเอ๋อแล้วราวกับเคาะลงบนใจของจางซิ่วเอ๋ออย่างไรอย่างนั้น

คุณชายฉินหรี่ตาพลางกล่าว “เจ้าคิดหรือว่าสาวชาวไร่อย่างเจ้ามีแค่สูตรเครื่องเทศก็ทำการใหญ่ได้?”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากเครื่องเทศของเจ้ากลายเป็นที่แพร่หลาย จะนำปัญหาเข้ามาเท่าไหร่?” คุณชายฉินบอกอย่างสอนสั่ง

จางซิ่วเอ๋อพบว่าจะประเมินคนแบบคุณชายฉินในระดับต่ำไม่ได้เด็ดขาด

ถ้าเป็นคนที่จิตใจไม่แน่วแน่ เจอคุณชายฉินล่อลวงไปคำสองคำคงยอมแพ้ไปแล้ว

จางซิ่วเอ๋อยิ้มตาหยีพลางมองคุณชายฉินพูดอย่างมีความหมาย “ใช่แล้ว นำปัญหาเข้ามาได้มากเลยล่ะ”

ประโยคนี้แดกดันคุณชายฉินว่าเป็นตัวปัญหา

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อคิดได้แล้วว่าอย่างไรเสียตัวเองก็ล่วงเกินคนผู้นี้ไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก

คุณชายฉินนั่งฟังจางซิ่วเอ๋อ ราวกับไม่รับรู้ถึงความแดกดันจากคำพูดของจางซิ่วเอ๋อ เวลานี่นั่งดื่มน้ำเหมือนคนไม่ทุกข์ร้อน

จางซิ่วเอ๋อมองคุณชายฉิน อากัปกิริยาของเขาแสดงให้เห็นถึงความมีสง่าราศี แค่กินน้ำยังกินได้อย่างสง่าผ่าเผย

ประหนึ่งที่เขาดื่มไม่ใช่น้ำเย็น แต่เป็นน้ำทิพย์บางอย่าง

นาทีนี้จางซิ่วเอ๋อรู้แล้วว่าคนบางคนต่อให้ใช้ของถูก ก็ให้ความรู้สึกว่าของชิ้นนั้นมีราคา

บางคนต่อให้สวมเครื่องประดับเป็นเงินเป็นทอง ก็ให้ความรู้สึกเหมือนของพวกนั้นเป็นของปลอม

ว่ากันตามความเป็นจริง ดูแค่รูปโฉมคุณชายฉินก็โดดเด่นกว่าผู้อื่นจริง ๆ แต่ใจนั้น….

จางซิ่วเอ๋อคิดมาถึงตรงนี้แค่นเสียงในใจ ใจของคุณชายฉินเกรงว่าจะเป็นสีดำ!

“คุณชายฉิน ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้วก็เชิญท่านกลับไปเถอะ” จางซิ่วเอ๋อออกปากไล่แขก

คุณชายฉินหรี่ตาอย่างอันตราย “ทำไม? เจ้าต้องรีบไล่ข้าขนาดนี้เลยเหรอ?”

“ที่ไหนกันเล่า ข้าแค่รู้สึกว่านี่ได้เวลากินข้าวแล้ว เป็นห่วงว่าท่านจะหิว” จางซิ่วเอ๋อชี้ดวงอาทิตย์บนฟ้าพลางกล่าว

“หืม? เช่นนั้นเจ้าก็หวังดีน่ะสิ งั้นก็ไม่ต้องลำบากกลับไปกินหรอก วันนี้ข้าจะกินข้าวที่บ้านเจ้า ในเมื่อเจ้าทำเครื่องเทศออกมาได้ เชื่อว่าคงทำอาหารได้อร่อยไม่เลว” คุณชายฉินยิ้มพลางเอ่ย

จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วก็ใบหน้ามืดครึ้ม เมื่อครู่นี้นางยกหินขึ้นทุ่มใส่ขาตัวเองใช่ไหม? ใช่ไหม?

จางซิ่วเอ๋อเสียใจจนลำไส้แทบเขียว มีเรื่องให้พูดตั้งมากมาย ทำไมต้องพูดเรื่องกินข้าวขึ้นมาด้วย!

ทางด้านเด็กติดตามชุดเขียวก็มองคุณชายฉินด้วยดวงตาเบิกกว้าง

เมื่อ….เมื่อครู่เขาได้ยินผิดไปรึเปล่า? คุณชายตัวเองพูดว่าอะไรนะ?

พูดว่าจะกินข้าวที่บ้านจางซิ่วเอ๋อเหรอ?

คิดมาถึงตรงนี้ เด็กติดตามชุดเขียวก็มองสำรวจลานบ้านซอมซ่อของจางซิ่วเอ๋อ บ้านจางซิ่วเอ๋อไม่ได้เลี้ยงสัตว์ ในสวนจึงไม่มีกลิ่นเหม็น แต่สิ่งต่าง ๆ ในสายตาเด็กติดตามชุดเขียวยังทำให้เขารู้สึกว่าที่นี่ทรุดโทรมแทบอยู่ไม่ได้

คนฐานะสูงส่งอย่างคุณชายตัวเองจะนั่งกินข้าวที่นี่ได้อย่างไร?

อีกอย่าง พฤติกรรมในวันนี้ของคุณชายตัวเองก็ดูผิดปกติไป

จางซิ่วเอ๋อหัวเราะแห้ง ๆ “อาหารบ้านข้าเรียบง่ายจืดชืด เกรงว่าท่านจะไม่ชอบกิน”

คุณชายฉินเอ่ยยิ้ม ๆ “ได้กินเป็นครั้งคราวถือเป็นประสบการณ์ วันนี้ข้าจะกินข้าวที่บ้านเจ้านี่แหละ”

จางซิ่วเอ๋อเห็นคุณชายฉินพูดแบบนี้นึกในใจอย่างขมขื่น ทำไมคุณชายฉินถึงหน้าหนาขนาดนี้นะ? ตัวเองพูดชัดเจนขนาดนี้แล้วเขายังไม่ไปอีก! ยังจะนั่งหน้าด้านหน้าทนอยู่ตรงนี้!

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกเหนื่อยใจ

นึกถึงน้องสาวสองคนของตัวเองแล้วจางซิ่วเอ๋อยิ่งขนลุกขนพอง

ถ้าคุณชายฉินตั้งใจจะใช้จางชุนเถาและจางซานหยาเพื่อบีบบังคับนางจริง ๆ นางไม่รู้ว่าตัวเองจะยอมแพ้หรือไม่

แต่ตอนนี้คุณชายฉินไม่ยอมไป จางซิ่วเอ๋อก็จนปัญญา

นางคลึงขมับ รู้สึกปวดหัวตุบ ๆ

สุดท้ายนางเงยหน้าขึ้น “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าสูตรเครื่องเทศนี่ข้าไม่ขาย ท่านทำแบบนี้ไปก็ไร้ความหมาย”

คุณชายฉินหัวเราะ “ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแต่อยากกินข้าวที่บ้านเจ้าอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้น”

จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วอดก่นด่าในใจตัวเองไม่ได้ บริสุทธิ์ใจ? บริสุทธิ์ใจน้องแกน่ะสิ!

ให้เชื่อคำพูดนี้ไปเชื่อคำพูดผียังจะดีกว่า!

“หืม?” คุณชายฉินพลันร้องหืมขึ้นมาเสียงเข้ม เขาหืมด้วยน้ำเสียงยียวน แฝงความข่มขู่เอาไว้

จากนั้นเขาก็ถามขึ้น “ทำไม? เจ้าไม่ต้อนรับเหรอ?”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เหอะ คุณชายบอกมาเลยเถอะว่าอยากได้เจ้าของสูตรเครื่องเทศ ไม่ต้องปากแข็งบอกว่าอยากได้สูตรเครื่องเทศหรอก การกระทำแสดงออกชัดขนาดนี้แล้ว

ไหหม่า(海馬)