ตอนที่ 162 หนึ่งตำแหน่งต่อครอบครัว

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 162 หนึ่งตำแหน่งต่อครอบครัว

“คุณอาสาม!”

ทั้งเสี่ยวเจินและเสี่ยวอวี้ต่างดีใจที่ได้เจอจี้เจี้ยนอวิ๋น

“พ่อกับแม่อยู่บ้านไหมครับ?”

จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งยิ้มและพยักหน้าเป็นการทักทายกลับ

“อยู่ค่ะ” เสี่ยวเจินตอบ

“อาสามคะ พรุ่งนี้หนูหยุด เดี๋ยวจะไปหาน้องนะคะ” เสี่ยวอวี้บอก

“ได้สิ เดี๋ยวจะบอกให้อาสะใภ้สามทำขนมไข่ไว้ให้แล้วกันนะ” เขารับคำพร้อมยิ้มให้

เด็กหญิงออกอาการดีใจมาก เพราะพวกเธอชอบกินขนมไข่ที่หอมอร่อยฝีมืออาสะใภ้สามมาก

“เจี้ยนอวิ๋นมาได้จังหวะพอดีเลย เรากำลังจะกินข้าวน่ะ มากินด้วยกันสิ” จี้มู่ตานเอ่ยชวนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมแค่มาคุยธุระกับพี่รองเฉย ๆ” เขากล่าวปฏิเสธ

“เขาฝ่าฟืนอยู่หลังบ้านน่ะ เดี๋ยวพี่จะไปเรียกมาให้นะ” หล่อนคิดในใจว่าน้องสามมีธุระจะคุยทั้งทีก็คงไม่ใช่เรื่องไม่ดี อย่างแย่ที่สุดก็คือมายืมเงิน

หากแต่ระดับน้องสามคงไม่ต้องมายืมเงินจากครอบครัวเธอหรอก

จี้เจี้ยนเยี่ยล้างหน้าล้างตาก่อนกลับเข้ามาในบ้าน และเอ่ยทักเขา “เจี้ยนอวิ๋น กินอะไรมาหรือยังล่ะ?”

“เดี๋ยวว่าจะกลับไปกินที่บ้านครับ พอดีผมจะมาถามพี่ว่าอยากจะเรียนขับรถหรือเปล่า? แต่ถ้าขับได้แล้วต่อไปก็ต้องทำหน้าที่ขับรถรับส่งของนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ

จี้เจี้ยนเยี่ยชะงักไปด้วยคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเสนอตำแหน่งงานให้

เขายังไม่ทันตั้งสติได้ ผิดกับฝ่ายภรรยาที่เบิกตากว้างด้วยความดีใจ “น้องสามอยากจะให้เขาเรียนขับรถจริง ๆ เหรอ? แล้วไปทำงานได้ทันทีหลังขับคล่องแล้วเลยเหรอ?”

“ก็ประมาณนั้นแหละครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “แต่ว่าพี่รองก็มีที่อยู่ตั้งเยอะ ไม่รู้ว่า… ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า” จี้เจี้ยนเยี่ยที่ตั้งสติได้แล้วโพล่งขึ้น “พี่จะไปเรียน ที่นี่มีพี่สะใภ้แกดูแลอยู่ทั้งคน ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ดีครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จัดการเรื่องที่บ้านให้เรียบร้อย แล้ววันมะรืนผมจะพาไปเรียน พี่คงต้องอยู่ที่นั่นสักพักหนึ่งนะครับ” เขาหยุดสักครู่ก่อนจะพูดต่อ “พยายามเรียนรู้เข้านะครับ”

“ได้สิ” จี้เจี้ยนเยี่ยพยักหน้ารับทันที

จี้มู่ตานทักท้วงขึ้น “เจี้ยนอวิ๋น ไม่ให้เขาไปได้ไหม? ถ้าไปก็ต้องมีค่าใช้จ่ายตั้งเยอะแยะนี่”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า มันไม่ได้แพงขนาดนั้นสักหน่อย” จี้เจี้ยนเยี่ยไม่ได้เอาเรื่องนี้มาใส่ใจนัก

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยครับ ผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง ตราบใดถ้าพี่ทำได้ดีก็จะได้เงินเดือนถึง 30 หยวน แล้วปีต่อไปก็จะขึ้นเงินเดือนให้อีกครับ”

“สมกับเป็นน้องสาม คอยช่วยเหลือพี่น้องอยู่ตลอดเลย!” หลังจากได้ยินอย่างนั้นหล่อนก็โล่งใจ

จี้เจี้ยนเยี่ยเดินไปส่งจี้เจี้ยนอวิ๋น พร้อมสีหน้าเปื้อนยิ้มที่ยังไม่จางหายไปไหน

“เจี้ยนเยี่ย คุณว่าน้องสามจะให้พี่ใหญ่ทำตำแหน่งอะไรคะ” จี้มู่ตานถามเมื่อเห็นเขากลับเข้ามาในบ้าน

ในเมื่อสามีหล่อนยังได้โอกาส หากเดาไม่ผิดพี่ใหญ่ก็คงจะได้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคนก็คงจะมองว่าน้องสามลำเอียง อีกทั้งเขายังเป็นคนรอบคอบ และต่อให้เขาคิดไม่ถึงแต่ซูตานหงก็คงจะเตือนเขาแน่

“แล้วคุณจะไปสนใจอะไรนักหนาล่ะ? ผมก็แค่ต้องตั้งใจเรียน ถึงตอนนั้นก็คงได้เงินเดือนถึง 30 หยวน ถ้าคุณดูแลที่บ้านเราดี ๆ ก็จะยิ่งเก็บเงินได้มากขึ้นอีก จะได้มีเงินไปปรับปรุงบ้านใหม่ไงล่ะ?” จี้เจี้ยนเยี่ยว่าขึ้น

“ฉันไม่อยากเอาไปปรับปรุงบ้านค่ะ” จี้มู่ตานสวนกลับ

“ทำไมล่ะ?” เขามองหน้าหล่อนด้วยท่าทางประหลาดใจ

“คุณตั้งใจทำงานเก็บเงินเถอะค่ะ ผ่านไปหลายปีก็คงมีเงินก้อน แต่ฉันคงจะไม่เอาไปปรับปรุงบ้านหรอกนะคะ สู้รื้อทิ้งแล้วสร้างตึกไว้อยู่ดีกว่า ว่าจะสร้างสักสามชั้นเลยค่ะ!” จี้มู่ตานบอก

เขานึกชื่นชมภรรยาที่กล้าคิดการใหญ่ถึงขนาดนั้น แม้แต่เจี้ยนอวิ๋นที่ร่ำรวยกว่าก็ยังไม่คิดจะทำเลย ภรรยาของเขาช่างวาดฝันไว้ไกลนัก

แต่ถึงอย่างไรหากเขาได้มีตึกเป็นของตัวเองก็คงจะดีไม่น้อย

ในขณะเดียวกัน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็มาหาจี้เจี้ยนกั๋วกับเฝิงฟางฟางเช่นกัน

ตอนนี้ใคร ๆ ก็เรียกโหวหวาจือว่าจี้เสี่ยวตงกันแล้ว เป็นชื่อที่พ่อเขาตั้งให้เพราะเกิดในช่วงฤดูหนาว

เมื่อเขาเห็นอาสามมาหาก็ดีใจไม่น้อย “อาสาม!”

“พรุ่งนี้หยุดเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถามพลางยิ้มให้

“ครับ พรุ่งนี้วันหยุด ผมจะไปหาเหรินเหรินกับฉีฉีด้วยแหละ” เด็กน้อยบอกพร้อมฉีกยิ้ม

“เสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้ก็จะมาพรุ่งนี้เหมือนกัน เดี๋ยวจะให้อาสะใภ้ทำขนมไข่ไว้ให้นะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยกยิ้ม

จี้เสี่ยวตงถึงกับเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่

จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินเข้าบ้านพร้อมกับจี้เจี้ยนกั๋วและเฝิงฟางฟางก่อนจะเอ่ย “พี่สะใภ้ครับ ผมว่าจะหุ้นกับแม่ทูนหัวของเหรินเหรินเปิดห้าง แต่ตอนนี้ยังขาดคนอยู่ เลยอยากให้พี่มาช่วยหน่อยน่ะครับ ไม่รู้ว่าพี่จะสนใจทำหรือเปล่า?”

หล่อนเป็นถึงพี่สะใภ้ เขาคงไม่ให้หล่อนทำงานตำแหน่งเล็ก ๆ อย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องระดับหัวหน้า และถ้าหากหล่อนทำได้ดีอนาคตก็คงจะสุขสบาย แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นหล่อนก็อาจเสียชื่อได้

แม้เขาจะไม่ได้บอกเรื่องพวกนี้เพราะมันขึ้นอยู่กับการจัดการของหงเจี่ย หากแต่หงเจี่ยก็นับว่ายังเกรงใจเขาอยู่บ้าง

ทั้งจี้เจี้ยนกั๋วกับเฝิงฟางฟางถึงกับอึ้งไป

“เจี้ยนอวิ๋น เธอหมายถึงเปิดห้างในเมืองน่ะเหรอ?” เฝิงฟางฟางที่เพิ่งได้สติโพล่งถามออกไป

“ครับ” เขาพยักหน้ารับ “ผมว่าจะให้พี่ไปช่วยอยู่ แต่ว่าตำแหน่งอะไรก็ยังไม่รู้นะครับ มันเป็นการตัดสินใจของพี่หง พี่สนใจจะทำไหมครับ?”

“ทำสิ เจี้ยนอวิ๋น พี่ต้องทำอยู่แล้ว!” หล่อนตอบกลับมาทันที

หากได้ทำงานในห้างก็จะได้เงินเดือนประจำ จะไม่มีความสุขได้อย่างไรกันล่ะ? เพราะหล่อนเองก็เป็นอีกคนที่อยากเป็นคนงานประจำที่สวนเพราะได้ค่าแรงถึง 30 หยวนต่อเดือน

แต่น้องสามก็ไม่ได้ให้พวกเขาไปช่วย จนสุดท้ายหล่อนถึงได้แต่คิดว่าเขาคงไม่ได้คิดถึงพี่น้อง

“แล้วน้องรอง… ” จี้เจี้ยนกั๋วว่าออกมาคล้ายไม่แน่ใจนัก

“ผมเพิ่งไปคุยกับพี่รองมาว่าให้ไปเรียนขับรถแล้วค่อยมาช่วยขับรถรับส่งของ ถ้าพี่สะใภ้ยอมไปช่วยงานที่ห้างแล้วทำได้ดี ผมก็ยินดีสนับสนุนครับ” เขาบอก

แม้จะไม่ได้พูดตรง ๆ แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร

ถึงจะได้โอกาสที่ดีแต่ถ้าหากไม่ตั้งใจทำงานก็ช่วยอะไรไม่ได้นั่นเอง

อีกทั้งพวกเขายังพอคาดเดาได้ว่าคงต้องการคนหลายตำแหน่ง หากจะช่วยครอบครัวก็ต้องทำให้เท่าเทียม หากมีเพียงตำแหน่งเดียวจี้เจี้ยนอวิ๋นก็คงไม่มาชวนอย่างแน่นอน

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้รั้งอยู่นาน พูดธุระเสร็จเขาก็กลับทันที

“เจี้ยนกั๋ว ต่อไปถ้าฉันต้องไปทำงาน คุณก็ต้องเป็นคนจัดการงานที่สวนทั้งหมดแล้วกัน พวกเรายังอายุไม่มาก ถ้ามีโอกาสได้รับส่วนแบ่งจากธุรกิจครอบครัวก็ควรจะคว้าไว้เพื่ออนาคตของลูกนะคะ” เฝิงฟางฟางพูด

“คุณจะทำไหวเหรอ?” จี้เจี้ยนกั๋วสบตาหล่อน

“ทำไมจะไม่ไหวล่ะคะ? ฉันเองก็เคยเห็นคนอื่นขายของมาก่อนนะ!” หล่อนกล่าวอย่างมั่นใจ ด้วยเชื่อว่าตนเองมีพรสวรรค์ด้านนี้อย่างแน่นอน!

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

แบ่งงานกันให้ดีๆ นะคะ อย่าให้พอถึงเวลาจริงแล้วพังล่ะ

ไหหม่า(海馬)