หลังจากวันส่งท้ายปีเก่า ถึงแม้ว่าเสิ่นชิงจิ่นจะถูกชิ่งชวนโหวเสิ่นเช่อขังตัวไว้ที่ท้ายจวนโหว แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้ขุนนางในเมืองหลวงหยุดพูดถึงเรื่องของเสิ่นชิงจิ่นได้ นั่นเป็นเพราะทุกคนมีเวลาว่าง ตอนนี้ถ้ามีข่าวคราวมาส่งถึงหน้าประตูบ้านเมื่อไหร่ เหล่าท่านชายท่านหญิงที่ไม่มีอะไรทำก็คงจะจัดเรียงบันทึกเรื่องราวของเสิ่นชิงจิ่นได้หลายฉบับเลยทีเดียว…
ในส่วนเรื่องราวของเสิ่นชิงจิ่นนั้น ซูหว่านเลิกใส่ใจแล้ว ตอนนี้จวนจิ้งนิ่งโหวกำลังเตรียมงานแต่งงานระหว่างซูหว่านกับซูรุ่ย ทุกคนในจวนโหวล้วนกำลังยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมงาน
ภายหลังจากเทศกาลโคมไฟ ข่าวที่จวนจิ้งนิ่งโหวจะแต่งงานกับจวนจิ้นชินอ๋อง ในที่สุดก็ค่อยๆ แพร่กระจายในเขตเมืองหลวง และเมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปจึงได้มาแทนที่เรื่องราวอื้อฉาวของเสิ่นชิงจิ่นที่เคยเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเมืองในปีนี้ทันที
เหล่าข้าราชการและผู้คนในเมืองหลวงต่างก็รู้ดีว่า ท่านฉินมู่เหยียนแห่งจวนจิ้นชินอ๋องนั้นสุขภาพร่างกายอ่อนแอ อีกทั้งไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่ทำไมกลับตกหลุมรักคุณหนูซูแห่งจวนจิ้งนิ่งโหวได้
มีข่าวลือว่า เฒ่าแก่หวังจิ่วกับคุณหนูซูแต่งงานกันเพราะราชาเสือขาว ทั้งสองดูเข้ากันได้ดีเหมือนรู้จักกันมานาน อีกทั้งด้วยนิสัยคุณหนูซูที่น่ารักและมีชีวิตชีวา ทำให้เฒ่าแก่หวังจิ่วที่อยู่คนเดียวมานานกว่า 20 ปีนั้นตกหลุมรัก และใครต่างก็รู้ดีว่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมา คุณหนูซูมีความรักที่ขมขื่นอยู่กับแม่ทัพเสิ่น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ผู้หญิงมีใจ แต่ผู้ชายกลับไม่สนใจ ถึงแม้ทั้งคู่จะเคยหมั้นกันแล้ว สำหรับการทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียวของซูหว่าน แต่ทว่าเสิ่นอวี้ซูนั้นกลับไม่ให้อะไรคืนกลับมาเลยแม้แต่น้อย
เช่นนี้แล้ว เมื่อเทียบกับเฒ่าแก่หวังจิ่วที่อ่อนโยนและซื่อสัตย์แล้ว ความรักและการเอาใจใส่กับซูหว่านนั้นต่างกันมาก
ขณะที่เสิ่นอวี้ซูทราบข่าวว่าซูหว่านกำลังจะแต่งงานกับฉินมู่เหยียน เขากำลังฝึกทหารกองทัพเสือดำอยู่ที่ค่ายเมืองหลวงและผู้ที่นำข่าวนี้มาบอกเสิ่นอวี้ซูก็คือพลทหารนายหนึ่งในกองทัพ
ซูหว่านจะแต่งงานแล้วหรือ
ตอนที่เสิ่นอวี้ซูทราบข่าว เขาตกใจไปสักพัก มือของเขาชาไปชั่วขณะ อาวุธในมือของเขาร่วงลงสู่พื้น และทำให้เกิดฝุ่นละอองกระจายคลุ้งในทันที
“ท่านแม่ทัพ?”
พลทหารนายหนึ่งข้างกายมองไปที่แม่ทัพของเขาด้วยสีหน้าลังเล เสียใจกับปากหาเรื่องของตนเอง
“ข้าไม่เป็นอะไร”
เสิ่นอวี้ซูกลับมามีสติและทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พวกเจ้าฝึกกันเองไปก่อน ข้าจะออกไปข้างนอกครู่หนึ่ง!”
มีบางเรื่องที่เสิ่นอวี้ซูควรไปรีบหาซูหว่านตั้งแต่แรกเพื่ออธิบายให้นางเข้าใจชัดเจน แต่ในช่วงนี้เขายุ่งมากกับการฝึกทหาร อีกทั้ง…จิตใต้สำนึกของเขาไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับซูหว่าน
ไม่ว่า “เรื่องนั้น” ซูหว่านจะพูดจริงหรือไม่ ก็ล้วนแต่ทำให้เสิ่นอวี้ซูลำบากใจ
หลังจากผ่านไปหลายวัน เสิ่นอวี้ซูก็กลับมาที่หน้าประตูจวนจิ้งนิ่งโหวอีกครั้งหนึ่ง เขามองเห็นคนในจวนที่กำลังวุ่นวายกับการแขวนผ้าไหมสีแดงตรงหน้าประตู ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
ผ้าไหมสีแดงสด แดงระยิบระยับแยงตา
ในอดีต เสิ่นอวี้ซูสามารถเดินเข้าออกจวนจิ้งนิ่งโหวได้ตามใจชอบ แต่วันนี้เขากลับถูกกันไว้หน้าประตูเพื่อรอคำอนุญาตจากทางจวนจิ้งนิ่งโหว
และอีกสิบห้านาทีต่อมา เสิ่นอวี้ซูก็ได้พบกับซูหว่านในที่สุด
อากาศในเดือนแรกของปียังคงหนาวจัด ซูหว่านใส่เสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวราวกับหิมะ ที่มือถือดอกเหมยสีเขียวที่นางเพิ่งเก็บมาจากในสวน
“ท่านชายเสิ่น ลมอะไรพัดท่านมาที่นี่”
เมื่อเข้ามาในห้องโถง ซูหว่านยังคงแสดงท่าทีเย็นชาที่ไม่เคยหายไป นางกระเถิบเท้าพร้อมกับยกมือขึ้นแล้วยื่นดอกเหมยสีเขียวในมือให้กับสาวใช้ในห้องโถง
เมื่อเห็นซูหว่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างตัวอย่างสบาย เสิ่นอวี้ซูมองไปที่นางด้วยสีหน้าที่สงบ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังจะแต่งงาน ข้าก็เลย…มาแสดงความยินดีกับเจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
ซูหว่านยิ้มเล็กน้อยให้กับเสิ่นอวี้ซู “วันนี้ท่านจะดื่มชาต้าหงเผารึไม่คะ เดี๋ยวข้าเรียกคนมาชงให้”
“ไม่ ไม่ต้องหรอก”
เสิ่นอวี้ซูโบกมือให้กับซูหว่าน สายตาของเขาค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้น “อันที่จริงข้ามาที่นี่ เพราะมีเรื่องอยากจะทำความเข้าใจกับเจ้า”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ท่าทีของเสิ่นอวี้ซูก็มีความลังเลใจ จู่ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดออกมาอย่างไร
ถ้าหากข่าวลือนั่นเป็นเรื่องจริงล่ะ ต่อไปข้าจะมองหน้าน้องสาวตัวเองได้อย่างไร
แล้วถ้าหากข่าวลือนั่นซูหว่านเป็นคนแต่งขึ้นมาเองล่ะ เขาจะเผชิญหน้ากับซูหว่านได้อย่างไร
เมื่อเห็นเสิ่นอวี้ซูที่ทำท่าเหมือนจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นั้น ซูหว่านจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายพูดก่อน “เป็นเรื่องของเสิ่นชิงจิ่นใช่ไหมเจ้าคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน เสิ่นอวี้ซูก็ถึงกับผงะ เงยหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาสีเข้มคู่นั้นจ้องมองไปที่ใบหน้าของซูหว่าน
แต่ภายใต้การจ้องมองของเสิ่นอวี้ซูนั้น ซูหว่านยังคงมีสีที่หน้าเรียบเฉย “ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม คำทุกคำที่ข้าพูดทีวังหลังในวันนั้นเป็นเรื่องจริง หากท่านไม่เชื่อ ท่านสามารถตรวจสอบเองได้ แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรา ไม่สิ ต้องบอกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าไม่เคยมีความสำคัญสำหรับท่าน เพราะฉะนั้น หากท่านเลือกที่จะไม่เชื่อในตัวข้าก็ได้ ข้าไม่โทษท่านหรอก ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นของอดีต เรื่องบางเรื่องผ่านไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปให้ความสำคัญ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน เสิ่นอวี้ซูก็ไม่ได้พูดอะไร เขายังคงเพียงแค่มองไปที่ดวงตาของซูหว่านอย่างเงียบๆ ราวกับว่าเขาต้องการที่จะมองนางให้ทะลุ “ตอนนั้นที่เจ้าถอนหมั้นกับข้าเป็นเพราะชิงจิ่น หรือเป็นเพราะท่านจิ้นชิน”
ไม่มีผู้ชายดีๆ คนไหนอยากยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกทิ้งหรอก เสิ่นอวี้ซูก็ไม่มีข้อยกเว้น
“พูดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร”
ซูหว่านหรี่ตาลง กระชับเสื้อคลุมบนร่างกายนางอย่างหงุดหงิด และปฏิเสธที่จะสบสายตาเสิ่นอวี้ซู
นางไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ
สิ่งนี้รบกวนอารมณ์ของเสิ่นอวี้ซู
แต่ทว่า…
จะอารมณ์เสียทำไม เขาและนางไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว เราเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
เมื่อเดินออกมาจากจวนจิ้งนิ่งโหว เสิ่นอวี้ซูก็เหลือบมองกลับไปที่แผ่นป้ายสีทองที่ประตูหน้าจวน
ในชีวิตนี้เขาคงไม่ได้มาเหยียบที่นี่อีกแล้ว!
เขายิ้มอย่างดูถูกตัวเอง ขณะที่เสิ่นอวี้ซูกำลังจะหันกลับมาและเดินจากไป ทันใดนั้นเขาเหลือบมองไปเห็นร่างที่คุ้นเคยนั่นก็คือ
“คุณชาย”
เหวินอวี้ยืนอยู่ในตรอกเล็กๆ นอกกำแพงจิ้งหนิง นางมองไปยังเสิ่นอวี้ซูที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อได้ยินเสียงเรียกท่านชาย เสิ่นอวี้ซูก็มองตามไปที่ต้นเสียง เขาเดินเข้าไปที่หน้าตรอกนั้น สายตาจ้องมองไปยังผู้หญิงตรงหน้า “อวี้หรู?”
เท่าที่เสิ่นอวี้ซูจำได้ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ดูผอม และซีดเซียวกว่าอวี้หรูเป็นอย่างมาก
“คุณชาย ตอนนี้บ่าวชื่อเหวินอวี้ เป็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูซู”
เหวินอวี้โค้งคำนับให้กับเสิ่นอวี้ซูเบาๆ และเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของนาง
“เจ้าบอกว่าเจ้าคือสาวใช้ของ…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน”
คำพูดของเหวินอวี้ทำให้ความคิดภายในหัวของเสิ่นอวี้ซูสับสน “ชิงจิ่นบอกว่าเจ้าถูกเฉินเหมี่ยนทำร้ายจนตาย แล้วทำไมเจ้าถึง…”
“บ่าวเกือบตายแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ ดีที่ได้คุณหนูซูช่วยไว้และนางก็ได้ให้ชีวิตใหม่แก่บ่าว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เหวินอวี้ก็กัดริมฝีปากของตัวเอง นางหายใจเข้าลึกๆ และตัดสินใจคุกเข่าลงต่อหน้าเสิ่นอวี้ซูอย่างรวดเร็ว “ท่านชาย บ่าวสมควรตาย! บ่าวยอมรับผิด! บ่าวขอโทษคุณหนูซู ขอโทษท่านชายด้วย”
“อวี้หรู เจ้า…”
เสิ่นอวี้ซูตกตะลึงเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะคิดหาเหตุผลมากมายเพียงใด แต่เขาก็ไม่อยากยอมรับ “หรือว่า…ที่ซูหว่านพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เป็นชิงจิ่น เป็นชิงจิ่นจริงๆ ใช่รึไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ”
เหวินอวี้กัดฟันและสารภาพในที่สุด “คุณหนูชิงจิ่นบังคับให้บ่าวใส่ร้ายคุณหนูซู! เรื่องวันนั้นคุณหนูชิงจิ่นเป็นคนวางแผนทั้งหมด และบ่าวก็ช่วยนาง”
เหตุการณ์นี้ติดอยู่ในใจของเหวินอวี้มานานเกินไปจนกลายเป็นแผลในใจที่ลบออกไม่ได้ แต่ในที่สุดตอนนี้นางก็กล้าที่จะพูดทุกอย่างออกมา
ขณะที่เหวินอวี้เล่าเกี่ยวกับแผนการทุกอย่างในวันนั้น ใบหน้าของเสิ่นอวี้ซูก็แทบดูไม่ได้เลย
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าน้องสาวที่เขารักและทะนุถนอมจะมีจิตใจโหดเ**้ยมถึงเพียงนี้
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ชิงจิ่นดูเหมือนว่าจะไม่ชอบซูหว่านมาโดยตลอด แต่นี่ไม่สามารถเป็นเหตุผลให้นางทำร้ายคนอื่นได้
ในราชวงศ์ต้าฉิง ชื่อเสียงของผู้หญิงนั้นสำคัญกว่าชีวิต ชิงจิ่นไม่เพียงแต่ต้องการทำลายชื่อเสียงของซูหว่าน อีกทั้งยังพานางไปหาเฉินเหมียนด้วย
แล้วเรื่องของเฉินเหมียนจอมเจ้าเล่ห์นั่นเล่า
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ซูหว่านเกือบจะถูกเฉินเหมียนรังแกนั้น เสิ่นอวี้ซูก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
พอเหลือบไปเห็นเห็นหมัดที่กำแน่นและสีแดงเลือดในดวงตาของเสิ่นอวี้ซู แต่เหวินอวี้ก็ยังคงเล่าเรื่องราวเลวร้ายต่อไป นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เสิ่นอวี้ซูด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณชาย คุณชายทราบไหมว่าทำไมคุณหนูซูถึงเสียใจกับการแต่งงาน ทำไมนางถึงยอมแต่งงานกับท่านจิ้นชิน”
“เจ้ารู้อะไรอีก บอกข้ามาให้หมด!”
คำพูดของเหวินอวี้ทำให้เสิ่นอวี้ซูหายจากความโกรธ เขารู้ว่าสิ่งที่เหวินอวี้กำลังจะพูดต่อไปนี้อาจเป็นเรื่องที่นางอยากจะบอกเขามากที่สุด แต่บางทีคำตอบนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากรู้…
สวนหลังจวนจิ้งนิ่งโหว
ภายหลังจากส่งเสิ่นอวี้ซู ซูหว่านก็พาเหวินเย่ว์กลับไปที่ห้องนอนของนาง วันนี้ช่างได้นำชุดแต่งงานมาส่งแล้ว นี่เป็นชุดที่ไทเฮาลงบัญชาให้พระชายาสวมใส่ ชุดแต่งงานสีแดงสดนี้ทำมาจากผ้าแพร่ต่วนคุณภาพดีและราคาแพงที่สุด ขอบเป็นด้ายสีทองปักลายเมฆมงคล ส่วนอกปักเป็นเป็ดจีนคู่คอยาวที่ดูมีชีวิตชีวา ชายกระโปรงฝังไปด้วยไข่มุกโค้งมนจากทะเลตงไห่ โดยรวมแล้วชุดแต่งงานนี้ล้ำค่าเทียบเคียงได้กับเสื้อคลุมหงส์ของฮองเฮาเลยด้วยซ้ำไป!
“คุณหนู ชุดแต่งงานนี้สวยมาก! ไทเฮากับท่านอ๋องใจดีกับคุณหนูจริงๆ!”
เมื่อเหวินเยว่เห็นชุดแต่งงานล้ำค่าที่จัดวางอย่างเรียบร้อยบนเตียง ดวงตาของนางก็เปล่งประกาย
ซูหว่านเดินอย่างเชื่องช้าไปที่เตียง ยกมือขึ้นสัมผัสชุดแต่งงานที่ค่อนข้างคุ้นเคยอย่างเบามือ
ชุดแต่งงานนี้สั่งทำตามข้อกำหนดของฮองเฮา
ไม่ใช่ฮองเฮาแห่งต้าฉิง แต่เป็น…ฮองเฮาแห่งต้าซย่า
ซูหว่านรู้สึกงุนงงเล็กน้อย นางจำได้ว่าในโลกนั้นเป็นครั้งแรกที่นางกับซูรุ่ยพบกัน และครั้งแรกที่แยกทางกัน
ในตอนนั้นนางสวมชุดแต่งงานแบบเดียวกัน และก็หายไปในอ้อมแขนของซูรุ่ยในที่สุด
ที่แท้ เขาจำได้มาตลอด
ที่แท้ นางเองก็ไม่เคยลืม
วันที่แปดเดือนกุมภาพันธ์ วันมงคลสำหรับการแต่งงาน
ใจกลางเมืองหลวง จากจวนจิ้งนิ่งโหวถึงจวนจิ้นชินอ๋อง ถนนที่ไม่ยาวมากแต่เต็มไปด้วยขบวนทักทายที่ทอดยาว ความสุขอันน่ารื่นรมย์แผ่กระจายพร้อมกับสายลมพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง สองข้างทางของถนนรายล้อมไปด้วยผู้คนในเมืองหลวงที่มาชมความคึกคักครั้งนี้
องครักษ์ของจวนจิ้นชินอ๋องทุกคนสวมเครื่องแบบสำหรับวันแต่งงาน และวันนี้ซูรุ่ยผู้ที่แทบไม่ได้ออกจากจวน เขาใส่เสื้อคลุมสีแดงเข้มลายมังกร ที่ศีรษะของเขามีมงกุฎทองคำอยู่
ผู้คนในเมืองหลวงต่างทราบแต่ว่าท่านจิ้นชินนั้นฉลาดแต่อ่อนแอ แทบไม่กี่คนที่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาที่เหมือนมีชีวิตอยู่แต่ในตำนาน ตอนนี้ซูรุ่ยขี่ม้าเหงื่อโลหิตอย่างเงียบสงบในชุดเป็นทางการปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนแล้ว ส่งผลให้เกิดเสียงอุทานขึ้นมาในทันที
แท้จริงแล้วเฒ่าแก่หวังของเราสง่างามมาก!
สาวๆ ในเมืองแสดงท่าทีว่าหัวใจของพวกนางจะแตกสลาย ถ้ารู้ว่าเฒ่าแก่หวังจะหล่อขนาดนี้ ต่อให้ออกลูกเป็นลิงข้าก็ยอม
แท้จริงแล้วตามธรรมเนียมบรรพบุรุษของต้าฉิง เมื่อมีงานแต่ง เจ้าบ่าวไม่จำเป็นต้องไปรับด้วยตนเอง เพียงแค่ส่งทีมไปรับดอกไม้ของเจ้าสาวมาไว้ที่หน้าจวนก่อนเวลามงคลก็พอแล้ว
แต่ทว่าครั้งนี้ซูรุ่ยยืนกรานที่จะไปรับที่จวนจิ้งนิ่งโหวด้วยตัวของตัวเอง
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสแบบนี้ แต่การได้รักกับใครคนหนึ่ง ในโลกที่แตกต่างกันจนกลายเป็นงานแต่งงานที่แตกต่าง
ซูหว่าน ข้ามาที่นี่เพื่อแต่งงานกับเจ้า