ตอนที่ 150

เสน่ห์คมดาบ

ในเวลานี้แคลร์และพระสันตปาปาแห่งความมืดกำลังคุยกันอยู่ในห้องที่เงียบสงบ 

 

 

“เจ้าเป็นผู้ส่งสารที่เทพเจ้าแห่งความมืดส่งมา เจ้าคือความหวังของวิหารแห่งความมืดของเรา คุณหนูแคลร์ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถรับตำแหน่งสำคัญอย่างเทพธิดาแห่งความมืดและนำทางเราไปสู่อนาคตได้นะ” ในเวลานี้ พระสันตปาปาแห่งความมืดมีท่าทางตื่นเต้น      เขาจะแสดงท่าทางนี้ต่อหน้าคนจำนวนมากในเมื่อครู่ได้ 

 

 

“ไม่ทำ” แคลร์ปฏิเสธ 

 

 

“ทะ ทำไมล่ะ?” เห็นได้ชัดว่าพระสันตปาปาไม่ได้คิดว่าแคลร์จะปฏิเสธอย่างง่ายดาย  ในจินตนาการของเขานั้น    หญิงสาวตรงหน้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเทพเจ้าแห่งความมืดการที่มนุษย์ได้รับการคุ้มครองจากเทพเจ้าแห่งความมืดเป็นเรื่องน่าตกใจมาก มนุษย์ได้รับการดูแลจากเทพเจ้า! 

 

 

“ไม่มีประโยชน์สำหรับข้า” แคลร์พูดออกมา คำตอบนั้นเกือบจะทำให้พระสันตปาปาเป็นลม 

 

 

ไม่มีประโยชน์? ไม่มีประโยชน์? คำพูดเหล่านี้ยังคงสะท้อนอยู่ในใจของพระสันตปาปา 

 

 

“คุณหนูแคลร์ เจ้าเป็นที่โปรดปรานของเทพเจ้าแห่งความมืดผู้ยิ่งใหญ่ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่    สามารถทำภารกิจสำคัญอย่างเช่น การส่งสารหาเทพเจ้าแห่งความมืดให้เรา และขอการคุ้มครองจากเทพเจ้าแห่งความมืดได้” พระสันตปาปาพูด 

 

 

“ทำไมข้าต้องเป็นเทพธิดาของพวกเจ้าล่ะ? หากเป็นแล้วข้าจะได้ประโยชน์อะไร? ตอนที่ข้าเป็นนักบวชของวิหารแห่งแสง ข้าได้ของขวัญจากเทพีแห่งแสงด้วยนะ” แคลร์นั่งบนเก้าอี้และพูดประโยคนี้ออกมา ไม่มีเหตุผลที่นางจะช่วยคนของเทพเจ้าแห่งความมืดที่ไร้ยางอาย ชายผู้นั้นจ้องแต่วิญญาณของนางและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะมาฆ่านางและเอามันไป 

 

 

“ห้ะ?” พระสันตปาปารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาอ้าปากค้าง และมองแคลร์อย่างประหลาดใจ 

 

 

“ท่านต้องทราบให้ชัดเจนนะว่าข้าไม่ได้เป็นทั้งผู้ศรัทธาในเทพีแห่งแสงหรือเทพเจ้าแห่งความมืดเลย ข้าสามารถเรียกเทพเจ้าแห่งความมืดออกมาได้ด้วยเหตุผลอื่น ท่านจะเข้าใจได้ว่าเป็นสัญญาหรือพันธะระหว่างข้ากับเทพเจ้าแห่งความมืดก็ได้ แต่ข้าไม่ได้เป็น    ที่โปรดปรานของเทพเจ้าแห่งความมืดอย่างที่ท่านพูดหรอก” แคลร์พูดอย่างไม่เกรงใจ เทพแห่งความมืดผู้น่าสมเพชต้องการชีวิตของนาง! 

 

 

พระสันตปาปามองสีหน้าจริงจังของแคลร์แล้วก็ตกใจ นางมีพันธะสัญญากับเทพเจ้าแห่งความมืด! 

 

 

“แต่ว่ามันก็น่าสนใจทีเดียวที่จะได้เห็นเทพีแห่งแสงซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของทุกคนถูกโลกละทิ้ง และเทพเจ้าแห่งความมืดได้รับการเคารพบูชาแทนถ้าท่านจะให้ข้าเป็นเทพธิดาแห่งความมืดก็ให้ผลประโยชน์กับข้าหน่อยนะ” คำพูดนี้ของแคลร์ทำให้พระสันตปาปาแทบจะเป็นลมไปเลย 

 

 

หญิงผู้นี้ ทำไมนางต่อรองเหมือนกับซื้อผักในตลาดเลยล่ะ 

 

 

ตำแหน่งสำคัญของวิหารแห่งความมืดสามารถต่อรองได้งั้นหรือ? อีกทั้งเหตุผลที่นางอยากเป็นเทพธิดาแห่งความมืดนั้นไร้เหตุผลเกินไปหรือไม่? นางคิดว่าการสลับตำแหน่งของเทพีแห่งแสงและเทพเจ้าแห่งความมืดเป็นเรื่องน่าสนใจงั้นหรือ?! 

 

 

“เฮ้ ชายชรา!” แคลร์ขมวดคิ้วและดึงความคิดของพระสันตปาปากลับมา 

 

 

พระสันตปาปามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างว่างเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกพ่ายแพ้     เขาเป็นผู้ทรงพลังและได้วางแผนการสำหรับวิหารแห่งความมืดด้วยความมั่นใจ แต่วันนี้เขากลับรู้สึกพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก 

 

 

“คุณหนูแคลร์ เจ้าต้องการผลประโยชน์อะไร?” พระสันตปาปาพูด 

 

 

“ท่านจะทำอะไรให้ข้าได้ล่ะ?” แคลร์พูด 

 

 

“เมื่อเป็นเทพธิดาแห่งความมืดแล้ว เจ้าสามารถควบคุมบุคลากรในวิหารทรัพยากรและเงินได้ระดับหนึ่ง” พระสันตปาปาพูด 

 

 

“โอ้ ทรัพยากรและเงินหรือ” แคลร์เหล่มองพระสันตปาปา “พวกเจ้าไม่สามารถปรากฏตัวในสายตาของโลกได้ แล้วเอาเงินมาจากที่ไหนล่ะ?” 

 

 

“เรามีหอการค้าของเรา ไม่ใช่ว่าผู้ที่ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งความมืดทุกคนจะมีเวทมนตร์ศาสตร์มืด มีพลังยุทธ์ หรือมีลมหายใจแห่งความมืด” พระสันตปาปาอธิบาย“ ยิ่งไปกว่านั้นเราได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ที่ถูกข่มเหงจากวิหารแห่งแสงด้วยอย่างเช่น    เด็กผู้หญิงที่มีผมสีดำและตาสีดำหลายคน” 

 

 

“ท่านเชื่อคำทำนายพันปีนั้นหรือไม่?” แคลร์ถามพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย 

 

 

คำทำนายที่ว่าหญิงสาวที่มีผมสีดำและตาสีดำจะนำความมืดมาโค่นล้มแสงสว่าง! 

 

 

“ข้าไม่พบอะไรพิเศษใน    สาวผมดำและสาวตาดำเหล่านี้เลย” พระสันตปาปาพูดอย่างแผ่วเบา 

 

 

แคลร์ถอนหายใจเล็กน้อย “แต่อีกฝ่ายกลับทำสิ่งเหล่านี้เพราะเชื่อในคำทำนายบ้าๆ นั่น” 

 

 

“เรื่องไร้สาระ มีเพียงแค่พวกคนในวิหารแห่งแสงเท่านั้นที่จะเชื่อ” พระสันตปาปายิ้มเยาะ จากนั้นเขาก็แตะคางและพึมพำ “ถ้าเจ้าเป็นคนผมดำและตาดำข้ายังจะเชื่อคำทำนายนี้อยู่เล็กน้อย แต่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นตามนั้น” 

 

 

หลังจากฟังคำพูดของพระสันตปาปา แคลร์ก็รู้สึกสั่นสะท้านในใจ ผมสีดำและดวงตาสีดำ… 

 

 

“เป็นอะไรไป? เทพธิดา?” พระสันตปาปาเห็นสีหน้าของแคลร์เปลี่ยนไปจึงถามเสียงดังพร้อมกับความสงสัยที่แคลร์ไม่ได้สังเกตเห็นประกายในดวงตาของเขา 

 

 

“ไม่ ไม่มีอะไร” แคลร์ส่ายหัวแล้วพูด “ใครคือเทพธิดา    ? ข้ายังไม่ได้ตกลงเลย” 

 

 

“เอ่อ ฮ่าๆ หากเจ้ามาเป็นเทพธิดาของวิหารแห่งความมืด เราจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี เราไม่เหมือนวิหารแห่งแสงที่เอาแต่ชมเชยด้วยวาจาหรอก” พระสันตปาปายิ้มและเริ่มให้คำมั่นสัญญา สิ่งที่พระสันตปาปาพูดเป็นความจริง นี่คือความแตกต่างระหว่างคนหน้าซื่อใจคดและพวกเขา     

 

 

แคลร์คิด การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจระหว่างองค์ชายใหญ่และองค์ชายสองจะดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ วิหารแห่งแสงก็กำลังเฝ้าดูอยู่ การตัดสินใจของตระกูลฮิลล์ยังไม่ชัดเจน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่ว่านางจะเป็นสมาชิกของตระกูลฮิลล์หรือนักบวชของวิหารแห่งแสง นางจะต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้แน่นอน นางต้องการพลังที่เป็นของตนเองจริงๆ เพื่อคอยหนุนหลัง และวิหารแห่งความมืดตรงหน้าก็เป็นทางเลือกที่ดีในตอนนี้! 

 

 

“ตกลง ชายชรา ข้ารับปากว่าจะเป็นเทพธิดาให้ แต่ว่าเงื่อนไขเดียวของข้าคือการโยกย้ายบุคลากรเมื่อข้าต้องการ ข้าหวังว่าข้าจะสามารถโอนคนบางคนไปช่วยทำในสิ่งที่ข้าต้องการทำให้สำเร็จได้” แคลร์บอกความต้องการของนาง 

 

 

“ไม่มีปัญหา!” พระสันตปาปาหัวเราะในใจ แม้ว่าแคลร์จะไม่พูดอะไร เขาก็จะส่งคนมาปกป้องนางอย่างลับๆ เพราะเป็นคำสั่ง    ของเทพเจ้าแห่งความมืดผู้ยิ่งใหญ่ 

 

 

มีความสุขขนาดนี้เลย? แคลร์เหล่มองพระสันตปาปาแห่งความมืด 

 

 

“พระสันตปาปาที่เคารพ…” ทันใดนั้นแคลร์ก็ยิ้มและดวงตาของนางก็เคลื่อนไปที่แหวนที่นิ้วของพระสันตปาปา พระสันตปาปามองลง    ตามดวงตาของแคลร์ที่หยุดลงที่แหวนในมือ  เขาขมวดคิ้วและพูด “ไม่นะ นี่คือแหวนมิติวงเดียวของข้า”          

 

 

“ข้าไม่ได้บอกว่าข้าต้องการแหวนมิติของท่าน” เมื่อมองความกังวลใจของพระสันตะปาปา แคลร์ก็พูดอย่างหงุดหงิด 

 

 

“แล้วเจ้าต้องการอะไร?” พระสันตปาปายังคงถามอย่างตั้งรับ 

 

 

“มีของอะไรดีๆ หรือไม่? อย่าบอกนะว่าไม่มี ท่านเป็นพระสันตปาปาก็ต้องมีของมากมายอยู่ตลอดใช่หรือไม่? เหมือนอย่างเช่นของขวัญของเทพีที่วิหารแห่งแสง” แคลร์มองด้วยเจตนาร้าย 

 

 

พระสันตปาปาจ้องไปที่แคลร์ที่หยุดพูด ทั้งสองมองหน้ากันแบบนั้น     

 

 

“ข้ากลัวเจ้าแล้ว” ในที่สุดพระสันตปาปาก็ขยับ      ทันใดนั้นก็มีกริชเล่มเล็กโผล่ขึ้นมาจากอากาศในมือของเขา กริชนั้นดูเรียบง่ายแต่ลึกลับ     พระสันตปาปายื่นกริช    ให้แคลร์ด้วยความเจ็บปวดและพยายามที่จะไม่มองไปที่กริชเล่มเล็กนั้น  เขาพูดอย่างเจ็บปวด “กริชโคลอี้สามารถทำลายเกราะป้องกันเวทย์มนตร์ทั้งหมดได้” 

 

 

นี่เป็นสิ่งที่ดีขนาดนี้เลยหรือ?! แคลร์ตกใจ! ชายชราผู้นี้มีของดีอย่างนี้ สิ่งนี้เรียกง่ายๆ ว่าสิ่งประดิษฐ์สำหรับมือสังหาร ความโชคร้ายของนักเวทย์ก็คือ เมื่อมือสังหารเข้าใกล้นักเวทย์ที่ไม่มีการป้องกัน การฆ่าก็จะเป็นเรื่องง่ายดาย แต่ถ้านักเวทย์ระวังตัวและมีโล่เวทย์ก็ไม่มีทางฆ่าได้เลย หากมีกริชเล่มนี้ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป ถึงแม้นักเวทย์จะระวังตัวและมีโล่เวทย์ พวกเขาก็ไม่สามารถป้องกันตัวจากกริชนี้ได้      “ขอบคุณ” แคลร์ไม่เกรงใจ กริชเล่มนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับนาง! แคลร์ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในวิถีแห่งมือสังหารยังไม่มีกริชที่ดีเลยจนถึงตอนนี้ 

 

 

สีหน้าของพระสันตปาปามีความเจ็บปวด แคลร์เอื้อมมือเพื่อไปหยิบกริช ส่วนพระสันตปาปาก็จับกริชแน่น คิ้วของเขาขมวด     

 

 

แคลร์ดึงแรงขึ้นและพระสันตปาปาก็กำแน่นขึ้นเช่นกัน 

 

 

   “ชายชรา ท่านทำอะไร?” แคลร์ตะคอกอย่างเย็นชา 

 

 

จากนั้นพระสันตปาปาก็ยอมปล่อยมือ 

 

 

“เจ้า เจ้าต้องการอะไรอีก?” หัวใจของพระสันตปาปามีแต่ความเจ็บปวดและเสียงของเขาก็สั่น แต่เขารู้ดีว่า เขาไม่เอาของที่ดีออกมาก็คงจะไม่ได้ 

 

 

“ก็ไม่มีอะไรแล้ว” แคลร์คิดอยู่พักหนึ่งและตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจำเป็นจริงๆ ในสายตาที่เจ็บปวดของพระสันตปาปา แคลร์เอา    กริชเดิมบนร่างกายของนางออกและโยนมัน    ลงในแหวนมิติ เมื่อเห็นดังนั้น พระสันตปาปาก็ตะลึง แคลร์มีแหวนมิติจริงๆ! 

 

 

แคลร์ไม่ได้ถามอะไรอีก  เพราะสิ่งที่นางต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือการฝึกและแข็งแกร่งขึ้น ปัญหาตอนนี้คือนางจะบรรลุได้อย่างไร? ครั้งล่าสุดในขั้นแปดนั้นก็ทำให้นางเข้าใจถึงเส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตายแล้ว ขั้นที่เก้านั้นคงจะยากยิ่งกว่า 

 

 

“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะเตรียมพิธีแต่งตั้งเร็วๆ นี้” พระสันตปาปาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบเอ่ยประโยคดังกล่าวออกมา เพราะกลัวว่าแคลร์จะเปลี่ยนใจ ในสายตาของเขา แคลร์ที่สามารถเรียกเทพเจ้าแห่งความมืดได้ก็คือต้นไม้ใหญ่! เขาต้องกอดต้นไม้ใหญ่นี้ไว้แน่น ๆ 

 

 

“ไม่จำเป็น แค่ทำให้เรียบง่ายและบอกแค่คนของท่านรู้ก็พอ ตอนนี้ส่งข้าออกไปเถอะ เพื่อนที่ข้าบอกแล้วก็สัตว์เลี้ยงของข้าก็ส่งออกไปด้วยนะ เจ้าลูกกลมๆ ขนปุยสองตัว สีดำกับสีขาวอย่างละตัว” แคลร์ยืนขึ้นและพูด 

 

 

………………………………………………………………………..