ตอนที่ 584 พี่น้องกับไขคดี

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

หลินเจ๋อกว่างรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ตอนที่เขาอวดเรื่องแข่งฉี่ถูกสาวสวยได้ยินเข้าแล้ว นี่มันน่าอายที่สุด 

 

 

ครั้นแล้วเสี่ยวเชี่ยนก็ได้เห็นใบหน้าแดงกล่ำด้วยความเขินอายของผู้ชายร่างกำยำสูง190เซนติเมตร 

 

 

“ขอแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ เสียวเหม่ย นี่คือเพื่อนเกรดต่ำสมัยเรียนทหารด้วยกันที่ผมไม่ทันระวังไปรู้จักเข้า เขาชื่อหลินเจ๋อกว่าง เพศชาย อายุไม่ถึง40—” 

 

 

“อวี๋หมิงหลางแกอย่าพูดมั่วๆ เถิบไปเลย” หลินเจ๋อกว่างผลักอวี๋หมิงหลางออก แล้วยื่นมือไปหาเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

“ผมเพิ่งจะ30 อย่าไปฟังเขานะครับ” 

 

 

หลินเจ๋อกว่างเรียนทหารรุ่นเดียวกับอวี๋หมิงหลาง ทั้งสองคนต่างเป็นคนที่เรียนเก่ง แข่งขันเรื่องเรียนกันมาตลอด 

 

 

หลินเจ๋อกว่างจะถนัดเรื่องวิ่งระยะสั้นกับรายการที่ต้องใช้กำลังหนักๆอย่างพวกชกมวยมากกว่าอวี๋หมิงหลาง แต่อวี๋หมิงหลางจะเหนือกว่าเขาเรื่องยิงปืนกับบัญชาการ เอาเป็นว่าทั้งสองคนต่างเขม่นใส่กัน แต่คนภายนอกกลับรู้สึกว่าการที่พวกเขาสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นมันแฝงไปด้วยความรู้สึกเหมือนพี่น้องที่ยากจะบรรยายออกมา เพียงแต่ทั้งสองคนต่างไม่ยอมรับก็เท่านั้น 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเห็นท่าทางที่พวกเขาต่อล้อต่อเถียงก็วิเคราะห์ได้ทันทีว่า ผู้ชายร่างสูงคนนี้จะต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับอวี๋หมิงหลางอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงเออออตามอวี๋หมิงหลางไป รักษาคำพูดระดับเดียวกับอวี๋หมิงหลาง 

 

 

เธอยื่นมือออกไปจับมือของหลินเจ๋อกว่างอย่างเป็นกันเอง ใบหน้ามีรอยยิ้ม 

 

 

“คุณจะต้องเป็นเพื่อนที่สนิทมากของคู่หมั้นฉันแน่ๆ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฉินเสี่ยวเชี่ยน เป็นคู่หมั้นของอวี๋หมิงหลางค่ะ” 

 

 

ความเป็นกันเองของสาวสวยตรงหน้าทำให้หลินเจ๋อกว่างเขินมาก เสี่ยวเชี่ยนสังเกตผู้ชายคนนี้ดูก็รู้สึกว่าน่าสนใจ ลักษณะภายนอกออกจะดูน่าเกรงขาม แต่เขากลับหน้าแดงกล่ำ 

 

 

เป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่เก่งสินะ 

 

 

“เสียวเหม่ย คุณต้องฟังดีๆนะ ได้ยินไหมเขาบอกว่าตัวเองสามสิบแล้ว? โตกว่าผมแต่กลับเรียนรุ่นเดียวกัน จิ๊ๆ ไม่รู้ว่าเรียนซ้ำชั้นมากี่ปี?” 

 

 

อวี๋หมิงหลางพูดอย่างเจ็บแสบ 

 

 

หลินเจ๋อกว่างหน้าบึ้งหันไปโวยวาย “แกคิดว่าคนอื่นเขาจะเข้าเรียนเร็วเหมือนพวกผิดมนุษย์แบบแกเหรอ? คนสวย คุณอยู่กับผู้ชายใจแคบแบบนี้คงเหนื่อยมากใช่ไหมครับ? ไอ้หมอนี่แค่กลอกตาก็แผนเต็มสมอง อันที่จริงตำรวจสืบสวนพิเศษมีที่โสดๆเก่งๆเยอะเลยนะครับ ตัวผมก็ด้วย สนใจจะเปลี่ยนคู่หมั้นไหมครับ?” 

 

 

“หลบไป เอาอุ้งเท้าของแกออกจากมือสวยๆของผู้หญิงของฉันไป อย่ามาคิดยุให้พวกเราแยกจากกัน ผลการเรียนของเสียวเหม่ยก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉัน เรียนป.ตรีจบภายในสองปี คนสมองฉลาดระดับนี้แกคุยกับเขาไม่รู้เรื่องหรอก” 

 

 

พอได้ยินว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นคนหัวดี หลินเจ๋อกว่างก็ยิ่งรู้สึกเลื่อมใส หันไปพูดกับเสี่ยวเชี่ยนอย่างจริงจัง 

 

 

“ผมรู้สึกชื่นชมคนเรียนเก่งเป็นพิเศษครับ คุณจะต้องฉลาดมากแน่ๆ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยิ้มให้ “ตรงนี้ไม่ใช่ที่สำหรับคุย พวกเราเปลี่ยนไปคุยที่อื่นไหมคะ? ฉันคิดว่าพวกคุณคงมีอะไรอยากจะถามฉัน” 

 

 

“คุณรู้จุดประสงค์ที่พวกเรามาด้วยเหรอครับ?” หลินเจ๋อกว่างจำได้ว่าตอนที่เขาคุยธุระกับอวี๋หมิงหลางเธอยังไม่ออกมา 

 

 

“คู่หมั้นของฉันไม่ใช่คนที่จะใช้อำนาจกับเรื่องส่วนตัว นิสัยแบบเขาก็คงคบเพื่อนแบบเดียวกัน ดังนั้นการที่พวกคุณมาคงไม่ได้แค่เพื่อช่วยเขา จะต้องมีเรื่องขอความร่วมมือจากพวกเราอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเราย้ายไปนั่งคุยกันดีๆเถอะค่ะ” 

 

 

ปากของหลินเจ๋อกว่างเป็นรูปตัวO เขาคิดว่าอวี๋หมิงหลางเป็นคนช่างสังเกตเก่งแล้ว นี่ผู้หญิงของเขายังเก่งกว่าอีกเหรอ? 

 

 

อวี๋หมิงหลางโอบเสี่ยวเชี่ยนอย่างภูมิใจ “ผู้หญิงของฉันเจ๋งปะล่ะ?” 

 

 

“สุดยอดเลย…น่าเสียดายที่เป็นแฟนแก…” 

 

 

หลินเจ๋อกว่างหลบขาอวี๋หมิงหลางที่ฟาดมา แล้วส่ายหน้าเยาะเย้ย 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเห็นท่าทางของพวกเขาก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าไม่ผิด คนๆนี้จะต้องเป็นเพื่อนที่สำคัญมากของอวี๋หมิงหลางแน่ ถึงปากของพวกเขาจะไม่ยอมรับก็เถอะ 

 

 

บนรถลาดตระเวนของตำรวจสืบสวนพิเศษ หลินเจ๋อกว่างได้บอกถึงจุดประสงค์ในการมาของตัวเอง 

 

 

“ช่วงนี้ที่นี่เกิดคดีอุกฉกรรจ์คดีหนึ่ง คนร้ายใช้มีดทำร้ายใบหน้าของเหยื่ออย่างร้ายกาจ” 

 

 

เพื่อป้องกันการสร้างความตื่นตระหนก คดีนี้จึงถูกปิดข่าวไม่ให้คนนอกล่วงรู้ แต่เบื้องบนได้ให้ความสำคัญจัดตั้งทีมสืบสวนขึ้นมา ใช้ตำรวจเป็นจำนวนมากในการสืบเรื่องนี้ หลินเจ๋อกว่างได้รับคำสั่งให้ออกลาดตระเวน 

 

 

“นายสงสัยว่าคนที่โทรหาคู่หมั้นฉันเกี่ยวข้องกับคดีนี้เหรอ?” อวี๋หมิงหลางคิ้วขมวด 

 

 

“ฉันได้ยินแกบอกว่าคนๆนั้นเคยพูดในโทรศัพท์ว่าจะใช้มีดแทง ก็เลยลองคิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า ช่วยเล่าทุกอย่างที่รู้ให้ฟังหน่อย” 

 

 

เวลาหลินเจ๋อกว่างทำคดีจะจิตใจจดจ่อมาก 

 

 

“คนๆนี้เมื่อก่อนเคยโทรหาฉัน คราวก่อนที่โทรมาพอพูดว่าจะใช้มีดฉันก็กดตัดสายทันที ครั้งนี้ยังโทรเข้ามาอีก แล้วก็พูดว่าจะเอามีดกรีดหน้าฉัน ตอนเขาพูดฉันเปิดเพลง ผู้ฟังไม่ได้ยินแต่ฉันได้ยิน ตอนเขาพูดมีเสียงลมหายใจถี่ๆ ฉันสงสัยว่าเขาคงกำลังทำเรื่องไม่ดีระหว่างที่คุยกับฉันไปด้วย” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเล่าในสิ่งที่เธอรู้ออกมาทั้งหมด อวี๋หมิงหลางมีพูดเสริมบ้าง ซึ่งก็คือการคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้ อย่างเช่นเรื่องอายุ ทำงานเข้าเวรกะดึกเป็นต้น 

 

 

หลินเจ๋อกว่างลำบากใจ “ระหว่างทางที่พวกเรามาได้มีการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของอีกฝ่าย แต่เขาใช้บัตรโทรศัพท์แบบไม่ลงทะเบียนโทร พวกเราเลยไม่ได้ข้อมูลอะไร ตอนนี้ส่งคนไปเก็บรอยนิ้วมือมาแล้ว แต่โทรศัพท์สาธารณะแบบนี้คนใช้เยอะ ถ้าอยากได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็อาจจะยากหน่อย” 

 

 

“ดูกล้องวงจรปิดแถวนั้นหรือยัง?” 

 

 

หลินเจ๋อกว่างส่ายหน้า “เขาเลือกโทรศัพท์ที่อยู่ในมุมอับ กล้องถ่ายไม่ถึง” 

 

 

“กล้องแถวนี้ถ่ายไม่ถึงก็ไปดูแถวอื่น ถนนเส้นนี้ทะลุไปได้ไม่กี่ที่ กล้องวงจรปิดแต่ละที่ไปเอาภาพมาให้หมด แล้วก็เปรียบเทียบจุดที่เหมือนกัน มันต้องมีคนที่น่าสงสัยบ้างแหละน่า ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันจะกลายร่างเป็นแมลงวันหนีออกไปได้” 

 

 

อวี๋หมิงหลางรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกๆพิกล เซ้นส์ของเขาบอกว่าปัญหาไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แต่ส่วนปัญหามันอยู่ตรงไหนเขาเองก็พูดไม่ถูก 

 

 

หลินเจ๋อกว่างพยักหน้า “ก่อนที่เราจะเจอตัวคนร้ายตัวจริง แกต้องระวังเรื่องความปลอดภัยของคู่หมั้น—จะให้ฉันส่งคนมาคุ้มกันไหม?” 

 

 

ถึงจะยังไม่แน่ใจว่าคนที่โทรมาก่อกวนเสี่ยวเชี่ยนเป็นคนเดียวกับคนร้ายหรือเปล่า หากว่ากันตามขั้นตอนยังไม่ถึงกับต้องส่งคนมาคุ้มกันเสี่ยวเชี่ยน แต่หลินเจ๋อกว่างไม่แคร์ที่จะช่วยเสี่ยวเชี่ยนในนามส่วนตัว ลูกน้องในทีมเขาสลับเวรกันหยุดอยู่แล้ว ให้คนที่หยุดคอยมาตามติดเสี่ยวเชี่ยนย่อมทำได้ 

 

 

ถึงเขาจะชอบแข่งขันกับอวี๋หมิงหลาง แต่ความสัมพันธ์ดั่งพี่น้องระหว่างพวกเขาสองคนกลับแน่นแฟ้น คู่หมั้นของพี่น้องมีอันตรายก็ย่อมต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่ 

 

 

“ฉันจะอยู่ที่นี่ประมาณครึ่งเดือน ระหว่างนี้คงตัวติดกับเขา หวังว่าพวกแกจะไขคดีได้ก่อนฉันกลับนะ”