ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 78 อย่าดูถูกผู้ดูแลหอสมุด

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ลมปราณของยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ปกคลุมกดดันไปทั่วทั้งสี่ทิศ ปลุกปั่นดินฟ้าอากาศ

หัวใจของจอมยุทธ์ฝั่งถังตะวันออกตกไปอยู่ที่ตาตุ่มโดยพลัน คู่ต่อสู้เช่นนี้ แม้พวกเขาทั้งหมดรวมกันก็ไม่อาจต้านทานได้

ครั้นผู้อาวุโสเฮ่อแห่งเขาไร้พรมแดนปรากฏกาย เขาก็จ้องมองไปยังร่างของเยี่ยนจ้าวเกอและจ้าวซื่อเฉิง

ยังไม่ทันที่เขาจะเปิดปากพูด สีหน้าก็พลันเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

ราชาอาณาจักรถังตะวันออกจ้าวซื่อเฉิงที่แต่เดิมหมดสติไม่รู้สึกตัวนั้น บัดนี้จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

สายตาของคนทั้งสองสบกัน

จ้าวซื่อเฉิงกล่าวอย่างนิ่งเฉยว่า “ท่านผู้อาวุโสเฮ่อ รบกวนท่านแล้วที่มาเยือนด้วยตัวเอง”

ขณะที่พูด เขานั่งอยู่บนพื้น มือหนึ่งกำหมัดเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งตบลงไปที่พื้น

ราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออก จ้าวซื่อเฉิงใช้พื้นดินใต้ร่างเป็นศูนย์กลาง แถบอักขระวิญญาณที่เดิมทีเลือนรางพลันส่องสว่างเจิดจ้าขึ้นมา จากนั้นสาดส่องกระจายออกไปทั่วสารทิศ

พลังของค่ายกลในตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่อ่อนแรง ก็กลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง

พลังที่แข็งแกร่งรุนแรงสั่นสะเทือน จนกลุ่มคนของเขาไร้พรมแดนที่มีผู้อาวุโสเฮ่อเป็นผู้นำต่างพากันถอยหลังออกไป ถูกบังคับให้ออกไปอยู่นอกค่ายกล

“ฟื้นฟูรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” ผู้อาวุโสเฮ่อหันศีรษะกลับไปมองจอมยุทธ์จากเขาไร้พรมแดนคนอื่นๆ

ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาที่เป็นผู้หัวหน้าทั้งสองคน ต่างก็พากันหน้าเจื่อนแล้วส่ายศีรษะ สีหน้าเต็มไปด้วยความยากที่จะเชื่อ

พวกเขากล่าวเสียงเบาว่า “ตอนที่พวกเราไล่ตามมาถึง อาการบาดเจ็บของเขาหนักหนาสาหัสนัก ลมหายใจมากกว่าคนตายเพียงแค่หนึ่งลมหายใจก็เท่านั้น”

“ไม่น่าจะสามารถฟื้นฟูได้ในระยะเวลาอันสั้นเพียงเท่านี้ได้”

“นี่มันเหมือนผีหลอกกลางวันชัดๆ!”

จ้าวฮ่าวเช็ดคราบเลือดที่มุมปากออก สายตาจ้องเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ข้างกายจ้าวซื่อเฉิง โดยที่มือทั้งสองของชายหนุ่มยังคงวางอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังหน้าอกของเสด็จพ่ออย่างไม่ลดละ

“รวดเร็วเช่นนี้ ทำได้อย่างไรกัน!”

องค์ชายสิบหก จ้าวฮ่าวกัดฟันกรอด มุมปากพลันมีรอยเลือดไหลซึมออกมา

เขามั่นใจว่าเรื่องโอสถและการรักษา นอกจากคนจำนวนน้อยที่แทบจะหาไม่เจอแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีใครจะสามารถเปรียบกับเขาได้อีก

ทว่าหากจะใช้เวลาสั้นเพียงเท่านี้ ทำให้จ้าวซื่อเฉิงฟื้นตัวกลับมา เขาก็ทำไม่ได้เช่นกัน!

สภาพในตอนแรกของจ้าวซื่อเฉิง จ้าวฮ่าวก็จับตามองอยู่เช่นกัน และรู้ดีว่าอาการบาดเจ็บนั้นหนักหนามากเพียงใด

ทว่าบัดนี้กลับสามารถฟื้นตัวกลับมามีสติ ซ้ำยังสามารถขับเคลื่อนค่ายกลขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของจ้าวฮ่าวโดยสิ้นเชิง

จ้าวฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง “ไม่เพียงแค่เคล็ดวิชาเข็มทองผ่านโอสถเท่านั้น ทว่าในทุกๆ ด้านของศาสตร์โอสถและการรักษา ล้วนมีความรู้ที่มากมายยิ่ง”

สายตาของผู้อาวุโสเฮ่อมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน “คุณชายแห่งเขากว่างไม่ใช่ยอดฝีมือท่ามกลางหมู่คน แต่เป็นยอดฝีมือท่ามกลางยอดฝีมือต่างหาก ไม่นึกเลยว่าข่าวลือนี้จะเป็นจริง!”

อย่าว่าแต่จะอยู่เหนือความคาดหมายของบรรดาคนจากเขาไร้พรมแดนเลย แม้แต่จอมยุทธ์อาณาจักรถังตะวันออกเองก็ตกใจไม่น้อย

บางคนเกิดอาการใจเต้นรัวขึ้น “หรือจะเป็นวิชาที่กระตุ้นเรียกสติ ฝืนให้ฝ่าบาทตื่นขึ้นมาชั่วคราว หลังจากนั้นจะทำให้อาการบาดเจ็บก็จะยิ่งหนักขึ้น จนถึงขั้นทำให้ฝ่าบาทสวรรคตได้ใช่หรือไม่”

“หรืออาจเป็นการฟื้นตัวของวิญญาณก่อนจะหมดลมหายใจ ดั่งแสงยามพลบค่ำ”

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงสายตาวิตกกังวลของคนรอบข้าง จึงอดกลอกตาขาวไม่ได้

“ข้าว่าพวกเจ้าน่ะ เลิกดูถูกได้แล้ว”

จ้าวซื่อเฉิงผงกศีรษะให้กับเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน “ข้าเพียงแต่รู้สึกไม่สบายขึ้นมาชั่ววูบหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”

“รบกวนท่านผู้อาวุโสเฮ่อที่อุตส่าห์เร่งรีบมาเยือนด้วยตนเองแล้ว พวกเรายังอยู่ในหุบเหวปราการมังกร ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การพูดคุยนัก”

“หลังจากที่ทุกท่านออกจากที่นี่แล้ว ข้าจะจัดงานเลี้ยงขึ้นในพระราชวังที่เมืองชมตะวัน เพื่อเลี้ยงขอบคุณท่านผู้อาวุโสเฮ่อและเขาไร้พรมแดนทุกท่านแล้วกัน”

ผู้อาวุโสเฮ่อมองดูจ้าวซื่อเฉิงพลางขมวดคิ้วแน่น

เขาไม่ปักใจเชื่อว่าจ้าวซื่อเฉิงที่มีอาการบาดเจ็ดสาหัสถึงเพียงนั้น จะหายเป็นปกติแล้ว

ทว่าขณะนี้จ้าวซื่อเฉิงจะยังเหลือพลังความสามารถเท่าใดนั้น เขาเองก็ยังไม่แน่ใจนัก

จ้าวซื่อเฉิงจะยังสามารถควบคุมพลังของค่ายกลเมืองชมตะวันได้อีกสักเท่าใด ก็ยังไม่อาจรู้ได้เช่นกัน

หากจ้าวซื่อเฉิงอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดแล้วยังมีพลังของค่ายกลเมืองชมตะวันสนับสนุน ผู้อาวุโสเฮ่อก็ยอมรับว่าตนเองคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

สายตาของจ้าวฮ่าวมองสลับไปมาระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอและจ้าวซื่อเฉิง

ทว่าจ้าวซื่อเฉิงกลับไม่แม้แต่จะมองจ้าวฮ่าวเลยสักนิด

ในตอนที่เขาช่วยเขากว่างเฉิงขับไล่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ออกจากเมืองชมตะวัน จ้าวฮ่าวก็ได้ตัดความคาดหวังที่เขามีไปจนหมดสิ้น

และบัดนี้จ้าวฮ่าวปรากฏตัวพร้อมกับกลุ่มคนของเขาไร้พรมแดน ณ ที่นี้ เวลานี้ ทำให้จ้าวซื่อเฉิงตัดความคาดหวังที่มีต่อบุตรชายคนนี้ไปจนหมดสิ้นเช่นกัน

จ้าวซื่อเฉิงมองผู้อาวุโสเฮ่อพลางกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะพูดคุยกัน ข้าขอตัวก่อน เชิญท่านผู้อาวุโสเฮ่อตามสบาย”

สิ้นคำพูด เขาก็ยื่นฝ่ามือทั้งสองออกไปตรงๆ จากนั้นจึงกดลงไปด้านล่างครั้งหนึ่ง

ในขณะที่อักขระวิญญาณของค่ายกลกำลังสั่นไหว อากาศไหลเวียนโดยรอบซึ่งมีจ้าวซื่อเฉิงเป็นศูนย์กลาง ก็ยกเอาเยี่ยนจ้าวเกอ อาหู่ และกลุ่มคนของถังตะวันออก มุ่งหน้าไปยังด้านนอกของหุบเหวปราการมังกร

สีหน้าของท่านผู้อาวุโสเฮ่อเคร่งขรึมขึ้น จะให้เขาล้มเลิกเช่นนี้ ไม่ยินยอมเป็นแน่

ถึงแม้ว่าในใจจะไม่มั่นใจเต็มร้อยอีกแล้ว ทว่าเขาก็ไม่ได้ลังเลที่จะสิ้นเปลืองเวลา แต่กลับลงมือยับยั้งเยี่ยนจ้าวเกอ จ้าวซื่อเฉิง และคนอื่นๆ ในทันที

แต่ ณ ตอนนี้เอง ที่ไกลออกไปจู่ๆ ก็มีการสั่นสะเทือนที่รุนแรงส่งมาถึง

มีปราณดาบอันเย็นเยียบส่งมา ฟาดฟันไปในอากาศ จนหุบเหวปราการมังกรแทบจะพังทลาย

“เป็นท่านผู้อาวุโสเกาะตะวันออกแห่งเขากว่างเฉิง และทะยานบูรพาแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไล่ตามมาแล้ว!”

ปราณดาบขนาดใหญ่ฟาดฟันลงมา ตัดขาดหนทางไปของกลุ่มคนจากเขาไร้พรมแดน

ประกายดาบสีทองทอแสงขึ้น ก่อนจะปะทะกับปราณดาบที่ยิ่งใหญ่นั้นอีกครั้ง

กลุ่มคนของเขาไร้พรมแดนพลาดโอกาสที่จะไล่ตามกลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอไปแล้ว ไล่ตามไม่ทันอีกต่อไป

ผู้อาวุโสเฮ่อพลันมีสีหน้าเคร่งเครียด “พลาดโอกาสไปแล้ว พวกเราควบคุมสถานการณ์ต่อจากนี้ไม่อยู่แล้ว”

“ไป ติดต่อกับท่านผู้อาวุโสระดับหนึ่งของสำนัก แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อหรือถอย”

เขามองไปที่จ้าวฮ่าว “เจ้าอยู่ที่ถังตะวันออกต่อ ก็ยากที่จะกระทำการต่อไปในภายภาคหน้า”

จ้าวฮ่าวนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

เยี่ยนจ้าวเกอและกลุ่มคนของจ้าวซื่อเฉิง รู้สึกได้ถึงการเข้ามาใกล้ของผู้อาวุโสฉินและทะยานบูรพาเมื่อครู่เช่นกัน

ไม่เพียงเท่านี้ ผู้อาวุโสข่งและมหาปรมาจารย์ยอดฝีมือหญิงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนนั้น ก็สู้กันจากในหุบเหวปราการมังกรจนถึงด้านนอกมานานแล้ว สนามรบกวาดล้างออกไปไกลนับหมื่นลี้ สู้กันพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินกันตลอดทาง

“ท่านลุง ปราณพิษในร่างกายของท่านยังกำจัดออกไปไม่หมดสิ้น”

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังจ้าวซื่อเฉิง “ท่านมีความมั่นใจต่อสถานการณ์ที่เมืองชมตะวันมากเท่าใดหรือ”

สีหน้าของจ้าวซื่อเฉิงซีดเซียวลงเล็กน้อย เขารวบรวมสมาธิจับสัมผัสดูอย่างละเอียด หลังจากนั้นครู่ใหญ่ถึงกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “ซื่อเลี่ยโจมตีเข้าไปถึงในพระราชวังแล้ว”

“มีคนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ ข้าต้านเขาไม่อยู่ อำนาจควบคุมค่ายกลถูกเขายึดครองไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว”

“ตอนนี้ข้าไม่ได้อยู่ในวัง การจะยึดอำนาจการควบคุมคืนมา ท่าจะลำบากหน่อย”

จ้าวซื่อเฉิงผายมือออกไปด้านหน้าตรงๆ อาศัยการเคลื่อนตัวของอากาศ พาเยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ ลงไปบนพื้น สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องเก็บพลังเอาไว้รับมือกับศึกใหญ่ที่กำลังมาเยือน

โชคดีที่แต่ละที่ในอาณาเขตของอาณาจักรถังตะวันออกมีการเตรียมรถม้าโดยสารไว้ ทุกคนจึงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการเร่งเดินทาง

“รีบกลับไปที่เมืองชมตะวันตอนนี้ อาจจะไม่ทันการเสียแล้ว อย่างไรจ้าวซื่อเลี่ยก็จะยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ท่านลุง ข้ามีความคิดหนึ่ง อาจจะลองดูได้พะยะค่ะ”

จ้าวซื่อเฉิงหันไปมองเขา “โอ้ จ้าวเกอมีความคิดเช่นไรหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอจึงกล่าวว่า “หุบเขาวายุวิญญาณของสำนักข้าห่างจากเมืองใกล้ปราการไม่มากนัก อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับหุบเหวปราการมังกรยิ่ง”

“ที่นั่นมีทรัพยากรเพียบพร้อมอยู่ประมาณหนึ่ง พวกเราสามารถลองสร้างค่ายกลย้อนกลับได้”

แววตาของจ้าวซื่อเฉิงทอประกายขึ้น “การจะสร้างค่ายกลย้อนกลับนั้นไม่ง่าย จ้าวเกอกล่าวเช่นนี้ มีวิธีลัดหรือ”

ชายหนุ่มกล่าวต่อว่า “ในมือข้ามีผังค่ายกลหนึ่งอยู่ น่าจะลองดูได้พะยะค่ะ”

“แม้จะกล่าวว่าเป็นการทดลองดู แต่ก็มีหวังยิ่งกว่าการกลับเมืองชมตะวัน”

จ้าวซื่อเฉิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสนใจ ทว่าก็ส่งกระแสจิตกลับไปถามว่า ‘หากเป็นหุบเขาวายุวิญญาณแล้วล่ะก็ ศิลาลายเมฆ…’

เยี่ยนจ้าวเกอก็ส่งกระแสจิตตอบกลับไปเช่นกัน ‘บัดนี้ได้เปิดศึกขึ้นแล้ว ท่านผู้อาวุโสสวีชวนเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์ จึงน่าจะมีการเตรียมการไว้แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าความลับจะรั่วไหลขอรับ’

‘คนของเขาไร้พรมแดนก็ถูกท่านผู้อาวุโสฉินสกัดกั้นเอาไว้แล้ว แต่ที่ด้านนอกถังตะวันออก ในเขตของภูผาพิภพพวกเขาต้องมีกองทัพทหารคอยรอรับช่าวสาร รอที่จะแสดงพลังอยู่แน่นอน’

‘สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็กำลังเคลื่อนไหวอยู่’

‘จ้าวซื่อเลี่ยที่อยู่ที่เมืองชมตะวันคงจะบุกรุกประหนึ่งเพลิงเสียยิ่งกว่า’

‘ตอนนี้ต้องช่วงชิงแม้เพียงเสี้ยววินาที!’

…………..