ตอนที่ 124 ชอบท่าน (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“น้องเหยา เอ้อ”

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาคิดคลายผ้าพันทั้งหมดออก ตงฟางไป๋ตกใจจนสติแทบหลุด ร่างกายดุจบรรจุสปริง เด้งตัวขึ้นจากเก้าอีทันที

จากนั้นตงฟางไป๋เคลื่อนไหวเร็วดุจสายฟ้าฟาด พุ่งไปที่เล่อเหยาเหยา พลันยื่นมือหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของเธอไว้

อันที่จริงบนตัวเล่อเหยาเหยาเวลานี้ สิ่งเดียวที่ปิดบังร่างกายอยู่มีเพียงผ้ารัดหน้าอกสีขาวผืนนั้น หากดึงมันออก ทุกอย่างจะถูกเปิดเผยออกมาหมด

พอคิดถึงตรงนี้ ตงฟางไป๋ทั้งตะลึงและขวยเขินในใจ

แม้เขาจะเป็นหมอ แต่กลับไม่เคยเห็นร่างกายของสตรีมาก่อน ดังนั้นเวลานี้เมื่อเห็นเช่นนี้ ในใจย่อมเขินอาย

เดิมทีพักนี้เขาก็เริ่มสงสัยว่าคนตรงหน้านี้คือผู้หญิง

เพราะจากโครงสร้างของกระดูก กระดูกของผู้ชายจะค่อนข้างใหญ่ กระดูกผู้หญิงค่อนข้างเล็กบอบบาง แต่คนตัวเล็กนี้ร่างกายกลับเล็กกระทัดรัด และผิวขาวผ่องเนียนนุ่ม ไม่มีสิ่งใดคล้ายผู้ชายเลยสักนิด

รวมทั้งตอนอยู่บนรถม้า เห็นรอยเจาะที่หูของเธอเข้าโดยไม่ตั้งใจ เขาจึงยิ่งสงสัยในใจมากขึ้น

แม้สุดท้ายเธอจะหาเหตุผลมาบ่ายเบี่ยงผ่านไปได้ แต่คำพูดของเธอ เขาเชื่อเพียงห้าหกส่วนเท่านั้น

เพราะจากสัญชาตญาณของเขา เขามักรู้สึกว่าเธอคือหญิงสาวผู้หนึ่ง

แต่ขณะนั้นเขาเพียงสงสัย กระทั่งตอนนี้เขามั่นใจอย่างที่สุด!

หลังรู้เรื่องนี้ ทำให้ตงฟางไป๋ทั้งตะลึงและอดดีใจไม่ได้

ทว่าตงฟางไป๋ยังไม่ทันคิดอันใด เพราะเล่อเหยาเหยาที่เมามายอยู่ กระสับกระส่ายอย่างรุนแรง หลังถูกเขาจับสองมือไว้ ปากเล็กก็บ่นพึมพำด้วยสีหน้าไม่พอใจ และบิดตัวอย่างรุนแรงไม่หยุด หมายดิ้นให้หลุดจากการรัดของเขา

“รีบปล่อยมือ ข้าร้อน ร้อน ปล่อยมือ”

“ฮือๆ เจ้าน่าชังนัก ข้าเกลียดเจ้า เจ้าถอยไป”

สำหรับท่าทางเมามายของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ทำสีหน้าจนใจ และไม่พูดสิ่งใด ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องช่วยสวมเสื้อผ้าท่อนบนให้กับเธอ

เพราะเธอคือผู้หญิงคนหนึ่ง!

หากเรื่องในวันนี้ถูกคนพบเห็นเข้าคงจะไม่ดี

หลังคิดถึงตรงนี้ ตงฟางไป๋รีบใช้มือข้างหนึ่งรัดมือคู่นั้นของเล่อเหยาเหยาไว้ จากนั้นอีกมือก็สวมเสื้อผ้าให้เล่อเหยาเหยา

เพราะเล่อเหยาเหยาออกแรงดิ้นไม่หยุด ดังนั้นแม้ตงฟางไป๋จะมีพละกำลังมาก แต่ยังถือว่าเสียแรงไปไม่น้อย

โดยเฉพาะขณะที่สวมเสื้อผ้าให้เล่อเหยาเหยา มือใหญ่ของเขามักสัมผัสถูกผิวที่เผยออกมาของเธออย่างไม่ตั้งใจ

ผิวขาวเนียนนุ่มนั้น ราวกลับไข่ไก่ถูกปอกเปลือกออกมา ให้สัมผัสที่อ่อนนุ่มดุจผ้าไหมชั้นหนึ่ง

ทุกครั้งที่สัมผัสตัวของเธอ ร่างกายตงฟางไป๋คล้ายโดนไฟดูด รู้สึกชาวาบจากนิ้วแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย ทำให้ในใจเขาเกิดสั่นไหว คิดฟุ้งซ่านไม่หยุด

หัวใจเต้น ‘ตึกตัก’อย่างรุนแรง เป็นครั้งแรกที่เต้นเร็วเช่นนี้

หลังตงฟางไป๋สวมเสื้อผ้าให้กับคนตัวเล็กที่ไม่สบายตัวนั้นอย่างยากลำบากเสร็จแล้ว แผ่นหลังก็ชุ่มด้วยเหงื่อเพราะตื่นเต้นกังวล บนหน้าผากมีเม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ผุดขึ้นมา

และใบหน้างดงามดุจหยกนั้น ก็แดงดุจเลือดไหล ร้อนผ่าว

ใจเต้นระรัวไม่หยุด กระทั่งลมหายใจยังยุ่งเหยิงจนต้องข่มกลั้น

เวลานี้ หากเอ่ยว่าเขาไม่เคยหวั่นไหวกับคนในอ้อมแขนนี้ นั่นต้องเป็นคำโกหกแน่นอน

แต่ตอนนี้ เห็นเพียงคนในอ้อมแขนสองแก้มแดงก่ำ ราวแต่งแต้มสีลงไป

ดวงตางดงามใสเป็นประกายคู่นั้น เวลานี้ปกคลุมเต็มไปด้วยความเมามาย ขนตาดุจแพรไหม งดงามชวนตะลึง!

ยังมีริมฝีปากแดงอมชมพูที่ชุ่มฉ่ำเป็นประกาย คล้ายกับดอกเหมยแดงที่กำลังเบ่งบานในเดือนสิบสอง เนียนชุ่มฉ่ำ เลือนลางดุจกลิ่นสุราที่น่าหลงใหล

จากนั้นสายตาของตงฟางไป๋ อดจ้องเขม็งไปที่ริมฝีปากชุ่มฉ่ำของคนในอ้อมแขนไม่ได้ ดวงตาดำขลับแคบยาวคู่นั้น ก็ค่อยๆ ดูขบขันหลายส่วน

เพราะเขาตอนนี้อยาก อยากลิ้มลองริมฝีปากชุ่มฉ่ำคู่นี้ดูเสียจริง จะหอมหวานดุจที่คิดหรือไม่

เมื่อเกิดความคิดในใจ ตงฟางไป๋ก็ทำตามใจของตน ดวงตาร้อนแรง ใจคล้ายถูกมอมเมา ก่อนค่อยๆ ตรงเข้าไปประชิดริมฝีปากชุ่มฉ่ำตรงหน้าคู่นั้น

แต่เล่อเหยาเหยาที่ดื่มจนเมามาย ไม่รู้ถึงสถานการณ์ตอนนี้ของตน และไม่รู้ว่ามีชายบางคนกำลังหวั่นไหวเพราะเธอ

เธอเวลานี้ แม้สมองจะขุ่นมัว คิดเรื่องใดไม่ออก คิดเพียงอยากนอนพัก

เวลานี้ในใจของเธอ กลับปรากฎใบหน้าเย็นชาโอหังของบางคนขึ้นมาไม่หยุด

นึกถึงคิ้วงามเฉิดฉัน ดวงตาเย็นชาล้ำลึก จมูกโด่ง ริมฝีปากบางเฉียบของเขา

เห็นชัดว่าในใจหวาดกลัวเขา ปฏิบัติต่อเขาด้วยความหวาดกลัวที่มีในใจ แต่ขณะที่หวาดกลัวกลับมีความรู้สึกที่เธอเองไม่ควรมีเกิดขึ้น

โดยเฉพาะเมื่อเห็นเขาโอบกอดหญิงสาวผู้อื่นจากไป ใจเธอคล้ายถูกคนใช้มือบีบคั้นเอาไว้

ยิ่งคิด ในใจเล่อเหยาเหยายิ่งเสียใจ

ผู้ใดเอ่ยว่าดื่มสุราคลายทุกข์ได้กัน!

ความจริงคือดื่มสุรายามทุกข์ยิ่งทุกข์หนักต่างหาก!

คนเลวน่าตาย ไม่ควรคิดถึงเขา ห้ามคิดถึงเขาอีก เธอควรเกลียดเขา เกลียด…

แต่…

“ข้า คล้าย อืม …ชอบท่าน”

เป็นความจริงหรือ…

ชอบเขา

เล่อเหยาเหยาที่ดื่มจนเมามาย ในใจมีเพียงความคิดนี้พรั่งพรูออกมา

ขณะคิดในใจ ทันใดนั้นตรงหน้าเธอพลันปรากฎใบหน้าพญายมขึ้นมา

เห็นเพียงไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดพญายมพลันปรากฏตัวต่อหน้าเธอ และเขายังโอบกอดเธอเอาไว้

ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาโอหังของเขานั้น เวลานี้ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ตนทีละนิด

และหลังได้ยินประโยคนั้นเมื่อครู่ของเธอ พญายมยิ้มออกมา

เขายิ้มแล้ว

ริมฝีปากแดงยกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มของพญายมช่างอ่อนโยนประทับใจเช่นนี้ คล้ายสายลมอบอุ่นในเดือนสาม ทำให้ใจคนอบอุ่น

เธอไม่เคยเห็นพญายมยิ้มเช่นนี้มาก่อน!

เมื่อเห็นเช่นนั้น ในใจเล่อเหยาเหยาอดดีใจขึ้นไม่ได้ ทันใดนั้นจึงแกะสิ่งรัดในมือออก ยื่นมือไปจับที่ใบหน้าหล่อเหลาของพญายม ก่อนยิ้มอย่างโง่งมให้กับเขา

“ ฮ่าๆ ท่านมาแล้ว ฮ่าๆ ข้าชอบท่าน อืม”

“จริงหรือ เจ้าชอบข้าหรือ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอพญายมที่มั่นใจในตนเอง คล้ายรู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมา แต่ความสุขบนหางคิ้วกลับปิดบังไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น พลันยิ้มพลางพยักหน้าราวโขลกกระเทียม จุ๊ริมฝีปากแดงชุ่มฉ่ำ ก่อนเอ่ยขึ้น

“อืม คล้า…คล้ายจะชอบท่านแล้วจริงๆ”

เล่อเหยาเหยาบ่นพึมพำ ทันใดนั้น สายตามองไปยังริมฝีปากน่ามองคู่นั้นของพญายม

พญายมยิ้มได้น่ามองยิ่งนัก น่ามองจนทำให้เธออยากจุมพิตเขา

คิดแล้วลงมือทันที นี่คือนิสัยอีกด้านของเล่อเหยาเหยา

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงพลางใช้มือประคองใบหน้าของพญายม พลันทำริมฝีปากแดงจู๋ขึ้นสูง จากนั้นเคลื่อนชิดริมฝีปากแดงน่ามองตรงหน้า

“ข้าชอบท่าน พญายม”

เสียง ‘ตูม’ ดังขึ้น ประโยคสุดท้ายของเล่อเหยาเหยาดุจขีปนาวุธที่พุ่งเข้าชนใจของชายผู้หนึ่งจนระเบิด!

และคนผู้นี้ คือตงฟางไป๋!

จิตใจฟุ้งซ่านเมื่อครู่ ดำเนินมาจนถึงเมื่อได้ยินคำสารภาพรักของคนตัวเล็กในอ้อมแขน ทำให้เขาดีใจไม่หยุด

เธอเอ่ยว่าชื่นชอบเขาใช่หรือไม่!

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ใจของตงฟางไป๋ดุจดอกไม้ที่เบ่งบานพร้อมกัน ทำให้เขาจิตใจเบิกบานมีความสุข

รวมทั้งการที่คนในอ้อมแขนเริ่มใช้สองมือประคองใบหน้าของเขา และยังค่อยๆ เข้าใกล้ริมฝีปากแดงสดของเขา ช่างดึงดูดใจคนเช่นนี้ ทำให้ใจเขาทั้งกังวลและตื่นเต้น ทว่ามากที่สุดกลับเป็นรอคอย

ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าสุดท้าย เธอกลับเอ่ยว่า…

พญายมหรือ!

คืออวี๋!

คนที่เธอชอบกลับเป็นอวี๋!

หลังรับรู้เรื่องนี้ ตงฟางไป๋ทั่วร่างตะลึงงัน

ใจที่เดิมทีเบิกบานเป็นล้นพ้น ราวจากเมฆสูงลิบพลันตกลงมาสู่ถ้ำน้ำแข็งที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง!

จากนั้นเล่อเหยาเหยาในอ้อมแขนเขา ไม่รับรู้ถึงความในใจของตงฟางไป๋เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเธอตอนนี้มีความคิดเพียงอยากจุมพิตพญายมเท่านั้น

ดังนั้น ใบหน้าเล็กเคลื่อนเข้าไปด้านหน้าไม่หยุด ขณะที่เห็นปากเล็กที่จู๋ขึ้นสูงนั้นกำลังจุมพิตลงบนริมฝีปากแดงของตงฟางไป๋ ทันใดนั้นเล่อเหยาเหยารู้สึกวิงเวียนชั่วขณะ ร่างกายถูกดึงเข้าไปสู่อ้อมอกอันแข็งแกร่งอบอุ่น

เมื่อดมจะได้กลิ่นอำพันทะเลอันแสนคุ้นเคยและน่าดม

กลิ่นหอมอันคุ้นเคยนี้ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจจนเธอง่วงนอน

หลังยืดแขนอย่างสง่างามอ้าปากหาวนอน เล่อเหยาเหยาดุจแมวน้อยแสนเกียจคร้านเอาแต่นอน ขยับหามุมที่สบายบนอกแข็งแกร่งอบอุ่น ก่อนพลันเมาหลับไป จากนั้นยังไม่ลืมกรนออกมา ท่าทางนั้นน่ารักอย่างยิ่ง!

แต่เธอที่หลับไปโดยไม่สนใจสิ่งใด กลับไม่รู้ว่าเรื่องเมื่อครู่ที่คล้ายขีปนาวุธทำลายล้างหัวใจของสองคนตรงนั้น

ตงฟางไป๋รู้สึกเพียงอ้อมแขนว่างเปล่า คนตัวเล็กที่เดิมทีถูกเขาโอบกอดไว้ ตกไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่นแล้ว

เมื่อเงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มสูงใหญ่สวมชุดสีม่วงที่ไม่รู้ปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดอยู่ด้านข้าง ดวงตาดำขลับของตงฟางไป๋อดเป็นประกายชั่วขณะไม่ได้ ก่อนพลันเม้มริมฝีปากแน่น พร้อมเอ่ยขึ้น

“ท่านมาแล้วหรืออวี๋”

“อืม”

สำหรับคำพูดของตงฟางไป๋ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงพยักหน้ารับเบาๆ พลันไม่มองไปที่ตงฟางไป๋อีก และมองไปยังคนตัวเล็กในอ้อมอก

เห็นเพียงคนในอ้อมอกเวลานี้หลับสนิทไปแล้ว

‘เขา’ตัวเล็กเสียจริง ซบอยู่ในอ้อมกอดเขาเช่นนี้ ทำให้ใจของเขาอดพรั่งพรูความเห็นใจออกมาไม่ได้

แต่เมื่อเห็น‘เขา’หลับฝันหวานเช่นนี้ เขากลับโมโหไม่หยุด

เดิมทีเมื่อครู่ สำหรับการปรากฏตัวของเหนียนซูหลาน คือสิ่งที่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเขา ขณะเหนียนซูหลานข้อเท้าแพลง เรียกร้องให้เขาไปส่ง เขาสามารถไม่ไปส่งก็ได้

แต่สุดท้าย เมื่อเห็น ‘เขา’ เพราะเรื่องนี้กลับวิตกกังวลใจ ทำให้ในใจเขาดีใจขึ้นมา เพราะ‘เขา’สนใจตน

……………………………………..