บทที่ 139 มนุษย์ ข้าจะสูบกินเจ้าให้เหือดแห้ง

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 139 มนุษย์ ข้าจะสูบกินเจ้าให้เหือดแห้ง!
“บัดซบ จะให้พวกเจ้าได้เห็นความเก่งกาจของข้าหน่อย!”

ในดวงตาตี่ของฉินอวิ๋นตี๋เปล่งประกายหนาวเยือก ก่อนจะเรียกปืนหยินหยางพิฆาตอสูรสามสิบหกกระบอกออกมา

ปังๆๆๆๆๆ~

กระสุนเหล็กทมิฬแบบพิเศษยิงกระจายเป็นวงกว้างราวกับพายุฝน

เวลานี้ เถาจองจำเซียนถูกยิงจนของเหลวสาดกระจายขึ้นฟ้า

ขณะเดียวกันยังมีเสียงของจางอวิ๋นซีดังขึ้นด้วยความฉุนเฉียวกลางอากาศ “คนแซ่ฉิน เจ้าเล็งให้แม่นๆ หน่อย!”

โฮก~!

ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาส่งเสียงดังสนั่นฟ้า ก่อนที่กระสุนเหล็กทมิฬสองนัดจะถูกสะเทือนตกลงมา ทั้งยังทำให้พลังจิตเสียการควบคุม ทำให้ปืนของฉินอวิ๋นตี๋ลดกำลังลงอย่างมากเช่นกัน

การกราดยิงเมื่อครู่เกือบทำให้จางอวิ๋นซีโดนลูกหลงเข้าแล้ว

เสิ่นเทียนมองหมอกวิญญาณที่ซึมเข้ามาในเมืองหมอกลับแลมากขึ้นเรื่อยๆ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ ไม่ต้องใช้พลังจิตควบคุมปืนหยินหยางพิฆาตอสูรแล้ว ให้เปลี่ยนมาถือในมือเลย ไม่อย่างนั้นหากควบคุมพลังจิตได้ไม่แม่นยำอาจจะทำให้พวกเดียวกันหรือตัวเองบาดเจ็บได้ มันอันตรายเกินไป”

ฉินอวิ๋นตี๋ครุ่นคิด ก่อนจะส่งปืนพิฆาตอสูรสามสิบหกกระบอกให้พวกสยงเหมิ่ง

“แบ่งกันคนละสามกระบอก เอาไว้ป้องกันตัวเอง กลับไปแล้วอย่าลืมเอามาคืนข้าล่ะ”

จากนั้นฉินอวิ๋นตี๋ก็ส่งปืนพิฆาตอสูรให้เสิ่นเทียนอีกแปดกระบอก “ศิษย์พี่ ข้าเก็บไว้สิบกระบอกก็น่าจะพอใช้แล้ว”

เสิ่นเทียนเองก็ไม่งอแงไร้เหตุผล เขาเก็บปืนพิฆาตอสูรแปดกระบอกเข้าแหวนเวหาไป “ทุกคนพยายามชิดกันไว้อย่าแยกกัน”

ตอนนี้ระดับความหนาของหมอกวิญญาณในเมืองหมอกลับแลสูงไม่น้อยเลย วิสัยทัศน์ลดลงอย่างมาก ถ้าแยกกันไปเกินหลายสิบเมตร เช่นนั้นการจะหาพวกสหายเจอก็เป็นเรื่องยากมาก

ความจริงหลังจากที่จางอวิ๋นซีต่อสู้กับเถาจองจำเซียนสามต้นก็ฝ่าเข้าไปกลางหมอกวิญญาณ หายตัวไปแล้ว เมื่อไม่มีจางอวิ๋นซีปกป้องอยู่ข้างกาย สารภาพตามตรงว่าตอนนี้ในใจเสิ่นเทียนตึงเครียดอยู่บ้าง

เขาไม่ได้ห่วงศิษย์พี่หญิงอะไรมาก ถึงอย่างไรนางก็มีวงรัศมีสีทอง จะตายก็คงยาก

เสิ่นเทียนเป็นห่วงตัวเองต่างหาก วงรัศมีสีเขียวเข้มอาจจะต้านเรื่องวุ่นๆ ไม่ไหวก็เป็นได้!

แผนการในตอนนี้คือต้องรีบล้อมกันเป็นวงกลมแล้วฝ่าออกไปทางประตูตะวันตกให้เร็วที่สุด

ทุกคนถือปืนปทุมฆาตเทพพลางมุ่งหน้าไปทางประตูเมืองตะวันตกด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อเจอเถาจองจำเซียนก็จะรัวยิงไปเป็นระลอก

ยามนี้ไม่มีเถาจองจำเซียนใดต้านการโจมตีหมู่ของคนเยอะเช่นนี้ไหว เลยถือว่าปลอดภัยไปชั่วคราว ช่วงที่เห็นประตูตะวันตกอยู่ไกลๆ พลันมีเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็กดังมาจากทางนั้น

ก่อนจะเห็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองคนหนึ่ง เห็นเขาก้าวออกจากประตูตะวันตกไปครึ่งก้าวแล้ว ทว่าทันใดนั้นเองกลับมีเถายักษ์สีเขียวอมดำต้นหนึ่งทะลวงผ่านหน้าอกเขา

โลหิตกระเซ็นออกมาจากช่องอก ก่อนศพจะแห้งเหี่ยวลงด้วยความเร็วระดับสายตามองเห็น

เห็นได้ชัดแม้หมอกลับแลจะขยายมาจากทางตะวันออก ยังไม่ได้ปิดล้อมช่วงประตูตะวันตก แต่บางสิ่งที่วางหมากในเงามืดก็ไม่เคยปล่อยผู้ใดในเมือง แต่ได้วางหมากเอาไว้ก่อนแล้ว

ปัง~ปัง~ปัง~

เถาจองจำเซียนสูงร้อยจั้งหลายต้นลอยขึ้นจากประตูตะวันตก เป็นเถาจองจำเซียนระดับดวงจิตดรุณสามต้น ขณะเดียวกันหมอกวิญญาณที่แผ่ขยายมาอย่างต่อเนื่องได้บีบเข้ามาทางประตูตะวันตกของเมืองหมอกลับแลแล้ว

หนทางรอดสุดท้ายถูดปิดตาย เมืองหมอกลับแลอันยิ่งใหญ่ตกอยู่ในสภาวะอับจนและไม่อาจแก้ไขได้แล้ว

ยามนี้ทุกแห่งหนในเมืองหมอกลับแลมีเสียงกรีดร้องดังระงม

นั่นคือเสียงตะโกนด้วยความสิ้นหวังอันไร้หนทางรอด

……

เสิ่นเทียนขมวดคิ้วมุ่น เขากลับไม่ได้สิ้นหวัง

เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เห็นภาพของเมืองหมอกลับแลในวงรัศมีของฟางฉาง แม้เมืองหมอกลับแลในภาพจะค่อนข้างวังเวง แต่ไม่ได้เป็นเมืองร้างไปเสียทั้งหมด

หรือก็คือนี่ไม่ใช่สถานการณ์อับจนหนทาง เรื่องราวยังมีโอกาสพลิกกลับ ขอแค่ต้องแบกไว้จนโอกาสนั้นมาถึง

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็พูดอย่างเฉยชา “อย่ากลัว หอจันทร์รุ้งมีค่ายกลป้องกันอยู่ ตามข้ากลับไป!”

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนที่ดูไม่ตระหนกแม้แต่น้อยแล้ว ยามนี้พวกฉินอวิ๋นตี๋ต่างเกิดความเลื่อมใสในใจ

สมกับเป็นท่านเซียน (ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์) ไม่ตื่นตระหนกเลย ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมหมด

ต้องบอกว่าติดตามท่านเซียน (ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์) แล้วรู้สึกปลอดภัยมาก!

เสิ่นเทียนไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้กำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีเวลามาคาดเดาด้วย

ความจริงตอนนี้หมอกวิญญาณปกคลุมทั้งเมืองหมอกลับแลแล้ว อีกทั้งหมอกวิญญาณยังเหมือนจะมีผลสร้างภาพมายาด้วย

เห็นๆ อยู่ว่าเจ้ารู้สึกเหมือนเดินหน้า แต่ความจริงอาจจะออกจากทิศทางเดินเป็นวงกลมตลอด

ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น การจะกลับไปหอจันทร์รุ้งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ทันใดนั้นเองมีหินยักษ์สีเขียวอมดำพุ่งมาทางทุกคน

เสิ่นเทียนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยก่อนรีบหลบไปข้างๆ

บึ้ม~!

หลุมยักษ์โผล่ตรงหน้าพวกเสิ่นเทียน ก่อนหินสีเขียวอมดำจะเริ่มปริแตกช้าๆ เห็นได้ชัดว่านี่คือเถาจองจำเซียนระดับดวงจิตดรุณ แข็งแกร่งจนน่ากลัวอย่างยิ่ง

หินสีเขียวอมดำแตกออกเร็วมาก ก่อนของเหลวจะไหลออกมาทีละหยด

ตอนนี้ เถายักษ์ต้นนี้กำลังจ้องพวกเขา

นี่คือเคราะห์ภัยที่เรียกได้ว่าภัยมรณะ!

………

“เปลี่ยนร่างช้าเช่นนี้ ข้าจะขัดการเปลี่ยนร่างของเจ้า!”

เสิ่นเทียนควักยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางร้อยใบออกมาจากอกเสื้อทันที จากนั้นปาเข้าไปในซอกหินนั้น ตามด้วยการหยิบหมวกเกราะเต่าดำกับโล่เต่าดำออกจากแหวนเวหามาสวมไว้

นักรบสวมชุดเกราะเต่าดำหนาทั้งตัวปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน

วินาทีต่อมา เสิ่นเทียนจุดชนวนยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยาง

บึ้ม~!

คลื่นระเบิดรุนแรงพลิกอาคารบ้านเรือนไปมากกว่าครึ่งถนน

เสียงระเบิดดังสนั่นหูเหมือนกับฟ้าผ่าในวันฟ้าใส ของเหลวสีเขียวอมดำสาดกระจายบนอากาศราวกับหยาดฝน กระเซ็นใส่ทุกคน

โชคดีที่ยันต์ระเบิดอัสนียัดเข้าไประเบิดในหินเถาจองจำเซียน เลยมีอานุภาพกระจายไม่มาก

เสิ่นเทียนสวมหมวกเกราะเต่าดำถือโล่เต่าดำ เลยได้รับความเสียหายเท่ากับศูนย์

และที่โชคไม่ดีคือแม้ยันต์ระเบิดอัสนีหลายร้อยใบจะมีแรงปะทะเหนือชั้น แต่เถาจองจำเซียนนี่ก็ยังไม่ตาย

หลังจากผ่านการระเบิดระดับสุดยอดระลอกนั้นมา เจ้าผีดวงซวยนี่ก็จ้องเสิ่นเทียนเขม็ง

ทางด้านพวกกุ้ยกงกงถูกคลื่นแรงระเบิดรุนแรงเมื่อครู่พัดปลิวไปแล้ว

ใช่ หรือก็คือตอนนี้เสิ่นเทียนกลายเป็นแม่ทัพไร้ขุนพลแล้ว

เขามองเถาจองจำเซียนที่เปลี่ยนร่างสำเร็จด้วยใบหน้าค่อยๆ แข็งค้าง

……

‘ข้าพลาดแล้ว ข้าไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรก ‘

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก ยังขายผ้าเอาหน้ารอดไม่พอจริงๆ

กฎแห่งสวรรค์กำดาบไม่อยู่หรือเจ้าลอยล่องเกินไปกันแน่

ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าแย่งโชคลิขิตของผู้มีดวงชะตายิ่งใหญ่

ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ เจอกับอันตรายระดับทำลายล้างเมือง แม้จะรู้อยู่แล้วว่าอันตรายครั้งนี้ไม่ได้ทำลายล้างทั้งเมือง ตามดวงชะตาของจางอวิ๋นซีกับฉินอวิ๋นตี๋แล้ว ปกติจะพอถูไถผ่านไปได้

แต่ตัวเขาที่วงรัศมียังไม่เขียวมากพออันตรายแล้ว

เฮ้อ ถ้ามีครั้งหน้าจะไม่เที่ยวเตร่อีกแล้ว!

เถาจองจำเซียนระดับดวงจิตดรุณไม่รู้ความคิดในใจของเสิ่นเทียน แต่มันรู้ว่าไอ้หนูนี่ตายแน่!

ร่างใหญ่เกือบร้อยจั้งพุ่งขึ้นฟ้าก่อนพุ่งกระโจนมาหาเสิ่นเทียน ตำแหน่งตรงกลางตัวมันมีรอยแผลน่าสยดสยอง แทบจะฉีกร่างมันไปครึ่งหนึ่ง

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เถาจองจำเซียนนี่ก็ยังมีความมั่นใจว่าจะรัดเจ้าหนูนี่ได้แน่ มันจะปักส่วนรากหนาของตนเข้าไปในปากเจ้าหนูนี่ ให้มันจะขอชีวิตก็ไม่ได้จะขอความตายก็ไม่ได้!

จากนั้นสูบกินแก่นพลังเดิมทุกหยดในกายเขาเข้าไปในร่างตน ใช้เลือดเนื้อของเขามาบำรุงบาดแผลที่เกิดจากเขา

มัน…จะสูบกินเจ้ามนุษย์นี่ให้เหือดแห้ง!

……………………..