ตอนที่168 ฟาดเคราะห์

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่168 ฟาดเคราะห์

“ตกลงจะไปไหม?”

“ไม่ไปครับ”

“จะไม่ไปจริงเหรอ?”

“ผมอยู่ห้องเดียวกับคุณรึเปล่า?”

“ฉันจะถามครั้งสุดท้ายนะ ตกลงนายจะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ก็เตรียมนอนแข็งตายกลางถนนได้เลย!”

หลินชูวโม่พูดจบพลางตบโต๊ะส่งสัญญาณให้ฉีเล่ยเร่งตัดสินใจ

ฉีเล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมนึกสภาพตัวเองนอนแข็งตายคาถนน ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ไปเฮือกใหญ่และจำใจตอบไปว่า

“ไปก็ไป”

หลินชูวโม่พยักหน้าพอใจ ทิ้งท้ายประโยคเสียดสีไปทีว่า

“แหมม ไม่ต้องกังวลไปหรอกน้องสาว พี่คนนี้ไม่ทำมิดีมิร้ายน้องแน่นอนจ๊ะ”

“….”

ทั้งคู่เดินออกจากร้ายกาแฟได้ไม่ทันไร จู่ๆก็ทมีรถอีกคันแล่นเข้ามาเทียบข้างพร้อมบีบแตรเสียงดังสนั่น ทำเอาฉีเล่ยขมวดคิ้วแน่น

นี่มันวันบ้าอะไรวะเนี่ย!

โดนบีบแตรใส่สองรอบแล้วนะเห้ย!

พอหันนศีรษะเหลือบมองก็เห็นหม่ารุยฌโผล่หัวออกมาจากหน้าต่างรถและคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวว่า

“ไอ้เวร! ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอแกที่นี่! คราวที่แล้วฉันฆ่าแกไม่ได้ คราวหน้าคอยดูได้เลย! ศึกครั้งนี้มันเพิ่งเริ่ม!”

ถ้าฉีเล่ยมากับเหอจื่อ คนขี้ขลาดอย่างหม่ารุยไม่กล้าเห่าแบบนี้แน่นอน ที่เป็นแบบนี้อาจเป็นเพราะเขาอยู่กับหลินชูวโม่สองต่อสอง

แต่หม่ารุยลืมอะไรไปรึเปล่า? หลิยนชูวโม่นี่แหละอันตราบยิ่งกว่าเหอจื่อ!

หลังจากได้ยินหม่ารุยพล่ามใส่ ดวงตาคู่สวยของหลินชูวโม่ก็กวาดออกไปข้างตัวทีสองทีราวกับกำลังหาอะไรสักอย่าง ฉีเล่ยที่สังเกตเดห็นดังนั้นก็เอ่ยถามขึค้นทันทีอย่างอดไม่ได้ว่า

“กำลังมองอะไรอยู่?”

หลินชูวโม่ก็ยังกวาดสายตาไม่หยุดพลางเอ่ยตอบส่งๆไปว่า

“อิฐสักก้อน”

กลางเมืองหลวงหน้าร้านกาแฟแบบนี้มันจะไปมีของแบบนั้นได้ยังไง ฉีเล่ยอดยิ้มไม่ได้พร้อมถามสวนไปว่า

“ที่แบบนี้จะมีอิฐได้ยังไง?”

หลินชูวโม่ที่ได้ยินฉีเล่ยทักดังนั้นก็เลยละสายตาออกมา และก้มไปหยิบรองเท้าส้นสูงสีดำออกมาจาทกกล่องรองเท้าชาแนลที่เพิ่งซื้อมา จากนั้นเธอก็วิ่งไปขวางหน้าBMWคันหรูของหม่ารุยพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม

หม่ารุยที่เห็นหลิวชูวโม่ยืนตะหง่านำพร้อมรองเท้าส้นสูงในมือก็ตกใจอย่างมาก ตามสัญชาตญาณ เขารีบกดล็อคประตูรถในทันใด

“จะทำบ้าอะไรวะ!”

หลินชูวโม่แสยะยิ้มฉีกกว้างราวกับปีศาจ จากนั้นก็ยกรองเท้าส้นสูงทรงยาวแหลมขึ้น และหวดใส่ไฟหน้าBMWสุดแรงจนกระจกแตกเป็นรูพรุน

เปรี๊ยงง!!

เสียงกระจกไฟหน้าแตกดังสนั่นฟังชัดเจนยิ่ง ไฟหน้ารถBMWคันหรูของหม่ารุยถูกส้นสูงยาวเจาะทะลุพรุยับไม่เหลือ

เปรี๊ยงง!!

หลินชูวโม่เดินไปอีกด้านหนึ่งของรถและหวดส้นสูงใส่กระจกไฟอีกข้างอย่างแรงอีกครั้ง

หม่ารุยที่เห็นว่ารถตัวเองโดนทุบสภาพยับเยินแบบนั้น เขาก็รีบเปิดกระจกแง้มตะโกนใส่หลินชูวโม่ทันทีว่า

“นี่เธอทำบ้าอะไร!!?”

หลินชูวโม่เหลือบสายตาคมสาดใส่หม่ารุยจนอีกฝ่ายต้องหลบหน้าหนี จากนั้นเธอก็ยื่นรองเท้าส้นสูงข้างนั้นให้กับฉีเล่ย เธอยิ้มกล่าวว่า

“ด้านหลังยังเหลือไฟอยู่สองข้าง อยากระบายอารมณ์หน่อยไหม? วันนี้เจอแต่เรื่อง สงสัยต้องฟาดเคราะห์กันหน่อย”

เอื้อมมือไปหยิบรองเท้าส้นสูงที่หลินชูวโม่ส่งมาให้ ฉีเล่ยก้มมองมันอย่างว่างเปล่า

หลินชูวโม่…เธอคนนี้เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

ไปพักบ้านของเธอสักคืนหนึ่ง ต่อให้เกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างขึ้นระหว่างคืนนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ขนาดนั้นพอถือรองเท้าส้นสูงคู่แหลมในมือ ฉีเล่ยก็ดูอารมณ์ดีขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้

“ก็น่าสนใจ เดี๋ยวผมจะลองดู”

ตอนที่เขาโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ก็มีไอ้หนุ่มขี้ขลาดคนนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และที่ผ่านมาฉีเล่ยก็ยังไม่พบสบโอกาสเอาคืน เวลานี้อีกฝ่ายอยู่เบื้องหน้าแล้ว แถมยังกล้าบีบแตรใส่ทั้งๆที่ยังหงุดหงิดไม่หาย โดยไม่มีลังเลอันใดอีกต่อไป ฉีเล่ยวิ่งไปหวดส้นสูงตีไฟท้ายBMWทั้งสองข้างจนแตกกระจาย

เปรี๊ยง!! เปรี๊ยงงง!!

เสียงดังคมชัดแสบแก้วหูดังกึกก้อง ไฟท้ายทั้งสองข้างถูกทำลายยับเยินไม่เหลือชิ้นดี ในขณะเดียวกันฉีเล่ยก็รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ถ้าให้พูดตามตรงนี่เปรียบเสมือนการรักษาแขนงหนึ่ง การระบายความโกรธจากภายในออกสู่ภายนอก

หลินชูวโม่พูดถูกต้อง ได้ระบายอารมณ์แบบนี้…โคตรสะใจ!!

ในเมื่อไฟหลังทั้งสองข้างแตกยับไม่เหลือแล้ว ฉีเล่ยก็ไม่ไว้หน้าใดๆอีกต่อไป เขายังคงยกส้นสูงฟาดใส่กระจกหลังกระหน่ำไม่หยุดยั้ง คิดว่ารถเท่ราคาแพงแล้วยังไง? เดี๋ยวกูจะหวดให้หมด!

ฉีเล่ยไล่ฟาดไม่หยุดตั้งแต่หลังรถไล่ไปจนะถึงหน้ารถ แต่เดิมจากBMWคันใหม่เอี่ยม ตอนนี้กลายมาเป็นเศษซากรถเคลื่อนที่ได้ไปแล้ว

เมื่อเผชิญหน้ากับความจองหองของทั้งสองคนนี้ หม่ารุยทำได้เพียงร้องลั่นคำรามด่าอยู่ในรถ

“พวกมึงจำไว้นะ! คราวหน้าไม่ตายดีแน่!! ไอ้พวกเวร!!!”

ความวุ่นวายที่ฉีเล่ยกับหลินชูวโม่ก่อขึ้นได้ดึงดูดความสนใจของพวกตำรวจลาดตะเวนในที่สุด เห็นดังนั้นหม่ารุยจึงโทรแจ้งตำรวจเรียกกำลังเสริมมาทันที

“วิ่งเร็ว!”

หลินชูวโม่จับมือฉีเล่ยแน่นและวิ่งข้ามถรนนจากออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ

แต่เดิมฉีเล่ยคิดว่า เดิมทีหลินชูวโม่จะพาเขาไปค้างแรมที่คลีนิกชูวโม่บนชั้นสามซี่งเป็นห้องนอนส่วนตัว

แต่ใครจะไปคิดกัน เธอกลับขับรถไปที่หมู่บ้านระดับไฮเอนด์ ซือจูหยวยน ที่มีชื่อเสียงมากในเมืองปักกิ่ง

หลินชูวโม่ยิ้มและหันมาพูดกับฉีเล่ยที่นั่งข้างๆว่า

“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่พี่สาวคนนี้พาผู้ชายเข้าบ้าน”

ฉีเล่ยยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบ

มีข่าวลือหนาหูว่า หลินชูวโม่เปลี่ยนผู้ชายควงไม่เคยซ้ำหน้า แต่ไม่มีผู้ชายคนไหนที่มีคุณสมบัติเข้าบ้านของเธอได้เลยเหรอ?

หลังจากที่หลินชูวโม่เข้ามาในตัวบ้าน ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอื้อมมือไปเปิดไฟด้วยซ้ำ ทันใดนั้นก็มีวัตถุสีดำพุ่งเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว!

ฉีเล่ยรีบกระโจนตัวเข้าไปบังทันทีประดุจฮีโร่แห่งอเมริกาด้วยท่าทางห้าวหาญ แต่ก่อนที่จะไดทำอะไรแบบนั้น จู่ๆหลินชูวโม่ก็เอ่ยปากร้องเรียกเสียงสองดังว่า

“เสี่ยวเหว่ย มากอดแม่มา!”

“เมี๊ยววว~”

เจ้าก้อนขนปุกปุยสีดำร้องเรียกหลิวชูวโม่ด้วยความรักใคร่

ฉีเล่ยพลันเข้าใจได้ทันที ที่แท้ก็เป็นเจ้าแมวน้อยนี่เอง ทีแรกคิดว่าโจรที่ไหน

งุงงิ๋ง…

หลินชูวโม่อุ้มเจ้าเสี่ยวเหว่ยด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างเอื้อมไปเปิดไฟและกล่าวกับฉีเล่ยว่า

“เป็นไง? น่ารักไหม?”

ฉีเล่ยพยักหน้า พลางเห็นใบหน้าอันนุ่มนิ่มของเจ้าเสี่ยวเหว่ยนอนซบกลางหน้าอกทรงโตของหลินชูวโม่…ฉีเล่ยอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้เล็กน้อย

“ฉันมักจะอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้แหละ ซึ่งบางทีมันก็น่าเบื่อนะ ก็เลยตัดสินใจซื้อลูกแมวมาเลี้ยง นั่งพักบนโซฟารับแขกก่อนก็ได้ หรือจะอยู่ที่นี่ชั่วคราวไปก่อน ซื้อบ้านแล้วค่อยย้ายออก”

ฉีเล่ยถอดรองเท้าเก็บไว้ตรงหน้าประตู เดินเหยียบพื้นไม้ในบ้านด้วยเท้าเปล่า ในเวลาเดียวกันเขาก็กวาดสายตาสำรวจห้องอย่างระมัดระวัง

เป็นบ้านเดี่ยวแบบทั่วไป 3ห้องนอน 2ห้องโถงใหญ่ สไตล์การตกแต่งเป็นแบบมินิมอล ดูสบายตาไม่รกดูจะสอดคล้องกับผู้หญิงสายบ้างานแบบหลินชูวโม่เหมือนกัน

ก็เป็นทั้งอาจารย์ เปิดทั้งคลินิก แถมนี่ยังเพิ่งเริ่มทำธุรกิจบำรุงผิวพรรณอีก จะไม่ให้เรียกว่าผู้หญิงบ้างานได้ยังไง?

หลินชูวโม่อุ้มเจ้าเสี่ยวเหว่ยออกจากอ้อมอก ปล่อยให้มันไปวิ่งเล่นตามใจอยาก เธอยกแขนขึ้นเท้าสะเอวและกล่าวว่า

“ก็อย่างที่บอกไป ฉันอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด แถมไม่เคยนึกเคยฝันด้วยว่าจะมีคนอื่นมาเยี่ยมบ้าน ถึงจะมีสามห้องนอน แต่ใบบ้านมีเตียงแค่อันเดียว ถ้าไม่รังเกียจก็มานอนบนเตียงด้วยกันได้นะ”

ฉีเล่ยปั้นหน้าเมินเฉยตอบกลับไปทันที

“ขอผ่านครับ”

เหอะ! นังจิ้งจอกตัวนี้จ้องจะเขมือบกันท่าเดียวเลยรึไง? นอนเตียงเดียวกันงั้นเหรอ? ฉันไม่รอดถึงพรุ่งนี้เช้าแน่นอน!

หลังจากหลินชูวโม่ได้ยินแบบนั้น เธอก็หัวเราะคิกคกและกล่าวตอบไปว่า

“นายนี่มันเย็นชาไม่เปลี่ยนเลยแหะ แต่เพราะแบบนี้แหละฉันถึงชอบนายมากขึ้นเรื่อยๆ เอาเถอะ ถือซะว่าเห็นแก่หน้าภรรยานายแล้วกัน ไปนอนตรงโซฟาก็ได้”

“แล้วยังจะถามเพื่อ?”

“ฉันช่วยทดสอบจิตใจแทนภรรยาของนายไง เป็นไง? ดูสิว่าฉันเป็นคนดีขนาดไหน? เพราะฉะนั้นจะเริ่มเปิดใจให้กันได้รึยัง?”

“…”