ตอนที่ 231 คราบเครื่องสำอาง
โชคดีที่ข้างนอกแสงไฟไม่ค่อยสว่าง ต่อให้เห็นเครื่องสำอางบนใบหน้าของเธอก็มองไม่ออกว่าใบหน้าของเธอนั้นเป็นยังไง
“ดูเหมือนว่าคุณนายโอวหยางคิดจะให้ผู้หญิงของผมตกน้ำตายไปพร้อมกับคุณด้วยสินะ?” จิ่งเป่ยเฉินหลับตานิ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมองเธออย่างเฉยเมย ไม่รู้เลยว่าตอนนี้บนตัวของเขามีหยดน้ำเย็น ๆ อยู่เต็มไปหมด ยิ่งมีหยดน้ำประปรายไปทั่วทั้งตัว รวมกับกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากร่างของเขา ดูแล้วยิ่งน่าหวาดหวั่นมากขึ้นไปอีก
เหลียวเว่ยที่ล้มลงกับพื้นพยายามลุกขึ้นยืน แม้ว่าแสงไฟที่สลัว ๆ จะเปิดเผยให้เห็นใบหน้าของเธอที่ชัดเจน แต่ก็ยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเครื่องสำอาง
“เรื่องนี้เป็นฉันที่ผิดเอง ฉันขอยอมรับความผิด ให้คุณหนูอันมาตรงนี้เถอะค่ะ ฉันจะได้ขอโทษเธอต่อหน้าผู้คนไปเลย” เธอเกาะตัวของโอวหยางลี่ที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะมองอันโหรวที่ตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของจิ่งเป่ยเฉินโดยไม่แม้แต่กะพริบตา
เธอเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นจนถึงที่สุด ไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้
อันโหรวกัดฟันแน่น ที่แท้สันดรขุดง่าย สันดานนี่ช่างแก้ยากเสียจริง ๆ เมื่อครู่เธอน่าจะยืนดูอย่างเย็นชา มองเธอกระโดดลงไปเลยน่าจะดี ไม่น่ากระโดดเข้าไปช่วยเลย เธอกับยัยนั่นไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด
นี่นับว่าเป็นบาปที่ตนสร้างไว้แล้ว!
โอวหยางลี่เหลือบมองไปทั่วร่างกายของอันโหรว เพราะเสื้อสูทของถังซั่วที่คลุมตัวปิดบังตัวเธอไว้บางส่วน ผมที่เปียกปอนไปด้วยหยดน้ำทำให้ดูแพรวพราว
นี่เป็นครั้งแรกที่เหลียวเว่ยบอกต่อหน้าเขาว่าอันอีหานก็คืออันโหรว ถ้าหากว่าเธอคืออันโหรวที่แต่งหน้ามาจริง ๆ นั่นหมายความว่าที่เธอทำแบบนี้ต่อหน้าพวกเขาก็เพื่อให้เธอเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา
เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก มีทั้งความรู้สึกที่ประหม่าและก็ความคาดหวังอยู่เต็มไปหมด
“ประธานจิ่ง เป็นความผิดของภรรยาผมเอง ในเมื่อเธอขอโทษอย่างจริงใจแล้ว ไม่สู้ให้คุณหนูอันเข้ามาให้เธอโค้งขอโทษสักเก้าสิบองศาหน่อยเหรอ จะได้แสดงให้คุณเห็นด้วยว่าเธอตั้งใจขอโทษจริง ๆ” เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
ทันทีที่โอวหยางลี่เอ่ยปาก เหลียวเว่ยก็ได้ยินเสียงของเฉาลี่เฟยดังขึ้น “ยังยืนงงอะไรอยู่อีก ยังไม่เข้าไปขอโทษอีก?”
“เหอะ พวกคุณจะขอโทษยังไงก็ขึ้นอยู่กับพวกเราว่าจะยอมรับมันหรือไม่” จิ่งเป่ยเฉินเค้นเสียงที่เย็นชาพลางเผยรอยยิ้มออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม เขาก้มหน้าลงมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนและเรียกด้วยน้ำเสียงที่่ดูสนิทสนมมากขึ้น “หานหาน คนคนนั้นคิดอยากจะลากเธอให้ตายไปด้วย ไม่สู้พวกเราเอาตระกูลเหลียวไปเล่นด้วยกันหน่อยดีไหม เธอคิดว่าจะให้พวกเขาหายไปในกี่วันดี?”
“คุณตัดสินใจเอาเลย” น้ำเสียงที่แหบแห้งของเธอยังคงสั่นอยู่เล็กน้อย เพราะว่าน้ำที่ในบ่อน้ำพุนั้นช่างเย็นเสียจริง ๆ
เหลียวเว่ยได้ยินคำพูดของพวกเขาก็หน้าซีดขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนว่า “ประธานจิ่ง ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันสำนึกผิดแล้วจริง ๆ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตระกูลเหลียวเลยนะ!”
จิ่งเป่ยเฉินมีหรือที่จะฟังคำพูดของเธอ เรื่องนี้มันสายเกินไปแล้ว เขาไม่คิดที่จะอดทนอีกต่อไปแล้ว จากนั้นเขาจึงอุ้มอันโหรวเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“ประธานจิ่ง!” เธอคิดอยากจะตามเขาไป แต่ก็ถูกผู้ชายคนหนึ่งรั้งเอาไว้
เธอเงยหน้าขึ้นมองโอวหยางลี่ที่เปียกปอนไปทั้งตัว “นายต้องช่วยฉันนะ ช่วยตระกูลเหลียว กลุ่มเครือโอวหยางกรุ๊ปเติบโตและพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะตระกูลเหลียวเคยช่วยไว้ พ่อของฉันก็ช่วยนายมาตั้งมาก นายจะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้นะ!” คำพูดของเธอกระตุ้นความเกลียดชังให้กับเขา มีแขกจำนวนมากอยู่รอบตัวเขา การที่พูดออกมาแบบนั้นเท่ากับว่าตบหน้าเขาไม่ใช่เหรอ?
“แน่นอนว่าฉันต้องช่วยอยู่แล้ว คุณเป็นภรรยาของผมนี่!” ทันใดนั้นเขาก็ย่อตัวลงและอุ้มเธอขึ้นมา “ไปกันเถอะ ไปอาบน้ำร้อนกับพี่ชายกัน”
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกไป ในเมื่อไม่มีอะไรให้ดูแล้ว แขกคนอื่น ๆ จึงทยอยกันออกไปจนหมด
ทางด้านถังซือเถียนยังอึ้งไม่หาย การได้เห็นอันโหรวตบใบหน้าของเหลียวเว่ยเมื่อครู่นี้ และน้ำเสียงอ่อนโยนของจิ่งเป่ยเฉินที่เหมือนจะช่วยเธอดึงสติกลับคืนมา “เลขาอันนี่กล้าหาญไม่เบา!”
“เป็นผู้หญิงก็ต้องรู้จักปกป้องตัวเอง เธอเองก็ด้วยนะ” ถังซั่วที่สวมเสื้อเชิ้ตบาง ๆ เอ่ย ก่อนจะเดินหายไปท่ามกลางสายลมเย็น ๆ
เมื่อครู่นี้เขาเกือบจะกระโดดลงไปช่วยแล้ว แต่เมื่อเห็นจิ่งเป่ยเฉินกระโดดลงไปก่อน ก็รู้สึกว่าเธอคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนที่สองหรอก ดังนั้นเขาจึงช่วยด้วยการถอดสูทให้อย่างรวดเร็วแทน
เมื่อกลับมาที่รถ เสี่ยวหยางที่น่าสงสารก็ต้องรีบขับรถกลับบ้านด้วยความรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง อันโหรวหดตัวพิงพักไปที่ร่างของชายที่อยู่ข้าง ๆ ตลอดการเดินทาง สองมือยื่นผ่านเสื้อผ้าเปียก ๆ ของเขา ก่อนจะแนบชิดติดไปที่กล้ามเนื้อหน้าท้องและพูดว่า “หรือว่าตัวนายจะอุ่นกันนะ”
“เธอเอาฉันไปเทียบกับใครกัน?” เขากอดเธอผ่านชุดสูทที่ดูสะอาดสะอ้าน ก่อนจะก้มหน้าลงและเอ่ยถามเบา ๆ
“กับตัวฉันเองนี่แหละ” เธอกัดฟันที่สั่นระริก ก่อนจะพูดต่อ “จิ่งเป่ยเฉิน ฉันรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นหวัดแล้วสิ”
“ลางสังหรณ์ของเธอผิดแล้ว” เพราะตอนนี้เขารู้สึกไม่หนาวเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกรุ่มร้อนแทน
โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานี่ช่างดูไม่ซื่อสัตย์เสียจริง ๆ สองมือของเธอวางลงบนตัวเขาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ตัวเองก็ช่างมันเถอะ แต่นี่เล่นขยับตัวอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้ร่างของเขาที่เหมือนกับเตาหลอมอุ่น ๆ เผยความรุ่มร้อนออกมาแทบจะทันที!
เธอหลับตาลงพลางซุกตัวหาที่อุ่น ๆ บนตัวของเขา ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก ตอนที่ขึ้นรถมาคงเห็นด้วยกับเขาไปนานแล้ว ถ้าถอดเสื้อผ้าออก แบบนั้นน่าจะอุ่นกว่าตอนนี้เสียอีก อย่างน้อยความร้อนบนตัวเขาก็ไม่ได้หลอกเธอ
เสียดายจัง!
เพราะฉะนั้นเธอจึงทำได้เพียงสัมผัสไปที่ตัวของเขา ฝ่ามือ หลังฝ่ามือ และขาที่หนาวเย็น……
“จิ่งเป่ยเฉิน ฉันหนาวขาจังเลย……” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะถอดรองเท้าส้นสูงออก
ตัวเธอที่เปียกปอนนั่งลงที่เบาะหนัง จิ่งเป่ยเฉินโอบไปที่ไหล่เธอและมืออีกข้างก็จับไปที่ขาของเธอ แม้จะรู้สึกจั๊กจี้แต่ก็อบอุ่นขึ้นมาก
“ดูท่าในฤดูหนาวฉันคงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องทำความอุ่นเพื่อนอนกับเธอแล้ว” แม้ว่าร่างกายของเธอจะหนาวเย็นเพียงใด แต่ข้างในหัวใจของเธอนั้นยังคงอบอุ่นเสมอ
“ยังจำเป็น” เพราะว่าเวลาพวกเขานอนนั้นไม่ใส่เสื้อผ้า เพื่อไม่ให้เป็นหวัด แอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ทันทีที่พวกเขากลับมาถึงบ้านพัก หยางหยางและหน่วนหน่วนก็หลับไปก่อนแล้ว จิ่งเป่ยเฉินอุ้มเธอขึ้นไปชั้นบน เปิดน้ำร้อน เปิดฮีตเตอร์ให้ร่างกายของเธออุ่นขึ้น แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ถอดออก
น้ำร้อนในอ่างอาบน้ำถูกเตรียมเรียบร้อย ถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำด้วยกันแบบนี้ทำไมมันรู้สึกคลุมเครือแปลก ๆ นะ?
“ให้ฉันช่วยเธออาบไหม?” เขาก้มลงมองเธอ ภายในห้องอาบน้ำไอร้อนนี้ทำให้บรรยากาศดูสลัวเล็กน้อย
“ไม่เอา!” เธอเอามือลูบไปที่ใบหน้าที่มีเครื่องสำอาง ก่อนจะชกไปที่หน้าอกของเขาเบา ๆ “จิ่งเป่ยเฉิน ตอนนี้นายอธิบายให้ฉันฟังได้หรือยัง! เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องสำอางพวกนี้?”
วันนี้ตอนที่เธอแต่งหน้า เธอก็รู้สึกว่าตอนที่เขาถามอย่างงุนงงนั้นมันช่างดูแปลกมากจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร ถ้าหากว่าคืนนี้ไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอก็คงไม่รู้ ดูท่าต่อไปนี้เธอคงต้องระวังให้มากขึ้น ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง
“ในตอนนั้นเธอไม่ยอมแม้แต่ให้ฉันเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ นี่ก็แค่แผนเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง” เขายืนอยู่ที่เดิมและอธิบายออกมาอย่างจริงจัง
เธอชกไปที่หน้าท้องของเขาอีกครั้งอย่างเบา ๆ มันไม่ได้ดูแรงมาก แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมากลับดูจริงจังมาก “คืนนี้นายไปนอนที่ห้องหนังสือซะ!”
“ไม่เอา คุณภรรยาคืนนี้ผมจะอุ่นเตียงให้เองนะ” เขาพยายามขยับเข้าใกล้เธอ เมื่อเดินไปหนึ่งก้าว อันโหรวก็ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเช่นกัน
“ไม่ต้องมีนายก็ได้ เครื่องปรับอากาศก็มี”
“ตอนนี้ฉันสั่งถอดเครื่องปรับอากาศไปแล้ว!” เขาทำทีจะเดินออกไป เครื่องปรับอากาศมีหรือจะหยุดยั้งเขาได้ ที่หยุดได้ก็คงมีแต่เขานี่แหละ
“จิ่งเป่ยเฉิน นายเป็นบ้าหรือยังไง กลับมานะ!” ดวงตาที่พร่ามัวของเธอมองไปที่แผ่นหลังที่ขาวสะอาดของเขา ถ้าหากจะบอกว่าชายคนนี้เป็นฟ้าฝนหรือพายุก็คงไม่ผิดนัก ถ้าหากคิดอยากจะทำอะไรก็จะต้องรีบทำทันที
ยังสามารถเคลื่อนไหวสั่งการได้เพราะคำพูดเล็กน้อยพวกนี้อีกเหรอ?
“ภรรยาผมพูดถูกนะเนี่ย” เขาเดินกลับมา โดยขยับเข้าใกล้ไม่ห่าง
เธอแค่บอกให้เขากลับมาอาบน้ำของตัวเองต่อ แต่ใครเขาสั่งให้เขาเข้ามาจูบเธอกัน?
“อืม อืมมมม…….” เธอยกเท้าขึ้นเตะเข้าไปที่หน้าแข้งของเขา มือขวาก็ตีเข้าไปที่หลังของเขา แต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะขัดขืน