ตอนที่ 230 ดอกไม้ไฟ
“ดอกไม้ไฟที่อยู่ด้านนอกนี่ไม่เลวเลยนะ สวยงามจริง ๆ” เธอเดินออกไปข้างนอก เหลียวเว่ยเองก็เดินมาข้าง ๆ เธอ
ในฤดูใบไม้ร่วงที่ด้านนอกมักรู้สึกได้ถึงอากาศที่หนาวเย็นเล็กน้อย เธอสวมกระโปรงที่ยาว ทรวดทรงเปิดเผยแขนเล็กน้อย ทางด้านเหลียวเว่ยเองก็สวมกระโปรงตัว V ที่เปิดเผยให้เห็นถึงด้านหลัง เมื่อมองไปที่เธอแล้วดูเหมือนหนาวเย็นอยู่พอสมควร
ที่สวนหลังบ้านของตระกูลโอวหยางมีบ่อน้ำพุขนาดใหญ่ประดับไว้อยู่ ซึ่งทางเฉาลี่เฟยค่อนข้างชอบมาก และวันนี้เป็นวันเกิดของเธอจึงทำให้บ่อน้ำพุราวกับเต้นรำไปพร้อมกับเสียงดนตรี น้ำพุ่งสูงเคลื่อนไหวไปมาราวกับคลื่นลูกหนึ่งสลับขึ้นลง ดูแล้วงดงามเป็นอย่างมาก มันเป็นทิวทัศน์ที่ค่อนข้างสวยงามจริง ๆ
“เมื่อครู่ผู้ชายที่คุณถามเขาเป็นประธานบริษัทเหลียนมู่ พูดอะไรมาฉันจำไม่ได้เลยสักนิด แต่ว่าถ้ากับแม่น่าจะมีความสัมพันธ์อยู่ไม่ใช่น้อย อีกอย่างฉันก็เคยเห็นมาแล้วสองหรือสามครั้ง” หลังจากที่ออกไปเหลียวเว่ยก็ได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
เธอยังคงจ้องมองไปที่บ่อน้ำพุที่อยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก คำพูดที่เธอเอ่ยออกมาหูของเธอล้วนได้ยิน ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ให้ ต่อให้พวกเขาคบหากันอย่างใกล้ชิด เธอเองก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้หรอก
เรื่องที่เป็นความลับแบบนั้นจะถูกเปิดเผยได้อย่างง่ายดายที่ไหนกัน หากถูกจับได้ง่าย ๆ แบบนั้น เธอเองคงตรวจเช็กจิ่งเป่ยเฉินได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้เธอกลับมาเลยแม้แต่น้อย
เฉาลี่เฟยยังคงทำเรื่องแบบนี้ได้ค่อนข้างดี อีกทั้งยังดูร้ายกาจอีกด้วย
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ไม่นานมานี้ความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลอันก็ถูกแบ่งเส้นขีดความชัดเจนในความสัมพันธ์ทั้งหมดเอาไว้อย่างรวดเร็ว และทำให้คนรักของโอวหยางลี่ถูกโอวหยางลี่ควบคุมไว้ได้จนถึงที่สุด
“คุณนายโอวหยาง คุณควรพยายายามที่จะจับหัวใจของประธานโอวหยางให้ได้นะ นั่นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่ายังไงคุณที่อยู่ที่นี่จะพูดมากเพียงใดก็ไม่มีความหมายอยู่ดี” แม้จะเป็นเหอเหมียวแค่คนเดียวที่ก่อเรื่อง แต่ต่อไปเขาก็อาจจะมีแบบเหอเหมียวมากกว่าที่เคยเป็นอยู่ก็ได้
“เรื่องนี้เธอไม่จำเป็นต้องมาสอนหรอก!” โอวหยางลี่จะมีผู้หญิงมากมายไปเพื่ออะไรกัน ในเมื่อใจของเขานั้นชื่นชอบผู้หญิงอยู่คนเดียว ซึ่งคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
ทั้งสองคนค่อย ๆ เดินไปยังบ่อน้ำพุ ขณะนั้นเพลงได้หยุดลงแล้ว ก่อนจะค่อย ๆ บรรเลงเพลงใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง เฉาลี่เฟยได้พาแขกทั้งหมดออกมาดู เพราะร่ำลือกันว่าบ่อน้ำพุของตระกูลโอวหยางนั้นใหญ่เสียยิ่งกว่าสวนสาธารณะและมีชื่อเสียงมากที่สุดในเมือง A
เธอค่อนข้างเป็นผู้หญิงที่ชอบอวดบารมี มีหรือที่เธอจะยอมปล่อยโอกาสพวกนี้ไปง่าย ๆ
เมื่อเธอเห็นฝีเท้าของอันโหรวหยุดลง ทันใดนั้นเธอก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าและเดินต่อไปยังบ่อน้ำพุ “อันที่จริงแล้วฉันทนเรื่องในวันนี้มาเกินพอแล้ว! ฉันเริ่มที่จะอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว”
คำพูดของเธอดังแว่วเข้ามาในหูของอันโหรวอย่างชัดเจน เธอยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ก่อนที่จะมองดูคนตรงหน้า สายลมเย็น ๆ พัดผ่านเส้นผมของเธอจนพลิ้วไหวอยู่หลายครั้ง อากาศเย็น ๆ ส่งผลให้เส้นผมของเธอตกใส่แก้มอยู่บ่อย ๆ จนทำให้รู้สึกคันเล็กน้อย
เธอเอื้อมมือไปลูบผมของตัวเอง เหลียวเว่ยในตอนนี้ยืนอยู่ใกล้ ๆ กับบ่อน้ำพุ
“ฉันแต่งงานมาแล้วห้าปี ยังไม่มีแม้แต่ลูก สำหรับตระกูลที่ดูมั่งคั่งแบบนี้ คงต้องบอกได้เลยว่าฉันนั้นไม่มีที่ยืนเลยสักนิด!” เสียงของเธอดังจนทะลุเข้ามาในหูของอันโหรวอย่างชัดเจน ใบหน้าของเธอแม้จะเผยรอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก แต่มองดูแล้วคล้ายเป็นรอยยิ้มที่เย้ยหยันเสียมากกว่า
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังเย้ยหยันตัวเอง หรือเย้ยยันอันโหรวที่อยู่ไม่ไกลกันแน่
อันโหรวมองเธอยกเท้าขึ้นไปเหยียบตรงริมบ่อ เธอรู้ดีว่าน้ำในบ่อนั้นค่อนข้างลึกพอสมควร นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?
เธอคิดจะกระโดดลงไปเพื่อฆ่าตัวตายอย่างนั้นเหรอ?
เหลียวเว่ยดูเหมือนจะว่ายน้ำไม่เป็นด้วยสิ
เธอรีบเดินตรงไปที่บ่อน้ำพุที่อยู่ตรงเบื้องหน้าทันที “คุณนายโอวหยาง ถ้าหากตั้งครรภ์ไม่ได้คุณก็ยังมีดีอยู่นะ ถ้าหากกระโดดน้ำตายลงไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอก จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน”
เพราะตัวของเธอเองก็ยังไม่ได้แก้แค้นเหลียวเว่ยเลย จะให้เธอตายแบบนี้ได้ยังไงกัน?
เหลียวเว่ยยืนอยู่ตรงกระเบื้องสีฟ้าอ่อน ก่อนจะหันหลังให้กับสระน้ำ ใบหน้าที่แต่งมาอย่างงดงามของเธอค่อย ๆ เผยรอยยิ้มขึ้นมา เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มที่เผยออกมาก็ค่อย ๆ ดูลุ่มลึกมากขึ้น
แต่เมื่อเธอเอ่ยคำพูดออกมา เสียงกลับเบาบางแทบไม่ได้ยิน “เขาไม่ได้ชอบฉัน……..”
“คุณนายโอวหยาง ต้องการให้ฉันมาเป็นที่ปรึกษาทางด้านจิตใจงั้นเหรอคะ? ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันไม่เหมาะสม” เธอสามารถทำได้เพียงดึงเธอออกมาก็เท่านั้นเอง
เหลียวเว่ยมองคนที่ทยอยเดินออกมาจากด้านใน เธอรู้ว่าเวลานี้มาถึงแล้ว ครั้งนี้จะต้องเปิดเผยตัวตนของเธอต่อหน้าผู้คนให้ได้
อันอีหานอะไร นี่อันโหรวชัด ๆ!
“คุณอันมีประธานจิ่งคอยดูแล คงจะไม่เข้าใจแน่ ๆ คนที่เจ็บปวดอย่างฉัน ในใจฉันเสียใจเป็นอย่างมาก เหมือนกับตายทั้งเป็น” เธอพูดพลางเอามือทุบอกตัวเอง ก่อนจะก้าวถอยหลังไปช้า ๆ
เมื่ออันโหรวเห็นแบบนี้ก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นกว่าเดิม “คุณอย่าทำไรบ้า ๆ นะ!”
“ช่วยไปบอกเขาแทนฉันทีว่าฉันชอบเขามากขนาดไหน ถึงแม้เขาจะไม่เคยชอบฉันเลยก็ตาม” เธอก้าวถอยหลังไปอีกก้าว เท้าของเธอถอยหลังไปเหยียบพื้นกระเบื้อง อีกแค่สองก้าวเธออาจจะตกลงไปในบ่อน้ำพุนั้น
อันโหรวเดินไปคว้าแขนเธอไว้ แต่กลับถูกเธอกระชากให้ตกลงไปในบ่อน้ำพุด้วยกัน
เสียงคนตกน้ำดังขึ้น และในตอนนี้ก็เป็นเสียงที่คุ้นเคย เพราะเสียงกระแทกน้ำในบ่อทำให้พวกเธอจมลงไปอย่างรวดเร็ว
“เหมือนมีคนตกลงไปเลย!” ทันใดนั้นที่ด้านนอกก็มีคนตะโกนขึ้นมา เธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
อันโหรวสามารถว่ายน้ำได้ แม้น้ำจะดูนิ่งไม่เลว แต่ทว่าตอนนี้เหลียวเว่ยกลับเกาะเธอเอาไว้แน่นจนเธอไม่มีทางที่จะว่ายขึ้นไปได้เลย
สิ่งที่ไม่ควรทำในการช่วยชีวิตคนคือการถูกคนที่ช่วยเหลือเกาะไว้ เธอพยายามว่ายไปที่ขอบสระแต่ก็ถูกเหลียวเว่ยตะเกียกตะกายดึงเธอเอาไว้อย่างหมดหวัง
เธอพยายามร้องตะโกนเรียกให้คนช่วย ร่างกายของเธอตอนนี้ถูกกอดเอาไว้แน่น และมือของเธอก็ถูกเหลียวเว่ยดึงไว้
จิ่งเป่ยเฉินเหลือบสายตามองไปยังตำแหน่งของเหลียวเว่ย ก่อนจะใช้เท้าเตะไปที่ท้องของเธออย่างรุนแรง เหลียวเว่ยจึงได้ปล่อยมือจากอันโหรวเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น จากนั้นเธอก็ถูกลากขึ้นมาบนฝั่ง
นอกเหนือจากจิ่งเป่ยเฉินที่กระโดดลงไป ทางด้านของโอวหยางลี่เองก็พุ่งลงไปยังทิศทางของอันโหรวเช่นกัน แต่เมื่อเห็นเธอถูกจิ่งเป่ยเฉินอุ้มขึ้น เขาจึงไปดึงตัวของเหลียวเว่ยขึ้นมาทันที
เพลงที่บรรเลงถูกปิดลง ร่างกายของเธอหนาวสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้ ชุดสูทที่ถังซั่วส่งมาให้กับจิ่งเป่ยเฉิน ตอนนี้ถูกใช้คลุมตัวเธอไว้เพื่อทำให้ร่างกายของเธออบอุ่นมากขึ้น
แต่ตอนนี้ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอกลับดูคล้ายน้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือที่ทำให้เธอรู้สึกถึงไอเย็นอยู่ตลอด
เสียงไอดังขึ้นมาจากด้านหลัง เธอรู้ว่าเหลียวเว่ยนั้นถูกดึงขึ้นมาแล้ว โชคดีที่เธอใช้เครื่องสำอางกันน้ำ ไม่อย่างนั้นตัวตนของเธอคงถูกเปิดเผยแน่ ๆ
เธอคิดอยากจะฆ่าตัวตายที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าจงใจดึงเธอเอาไว้ต่างหาก
เธอไม่สนใจจิ่งเป่ยเฉินที่จับมือของเธอไว้ เธอพยายามลุกขึ้นและเดินไปตรงหน้าของเหลียวเว่ยที่ตอนนี้กำลังสั่นเทาเพราะอากาศหนาวเย็นเช่นเดียวกัน เธอยกมือขึ้นก่อนจะตบเข้าไปที่ใบหน้าของเหลียวเว่ย เพี้ยะ!
แรงของเธอแม้จะดูไม่มาก แต่เสียงก็ยังคงชัดเจน คนรอบข้างล้วนแล้วแต่ได้ยินเสียงนี้ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
เหลียวเว่ยยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะล้มลงไปที่พื้น “คุณหนูอัน ทำแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน?”
“ที่ตบไปคุณย่อมรู้ความหมายดี คุณนายโอวหยาง คุณคิดจะฆ่าตัวตายโดยไม่ให้มีคนรบกวนก็ช่วยเลือกสถานที่ที่ไม่มีคนอยู่หน่อยเถอะ จะไปโลกหลังความตายที่มีแต่ความสงบสุขเงียบ ๆ ก็ไม่มีใครว่า ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่มาเจอกับคนดีอย่างฉันที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ลงไปเพื่อช่วยดึงคุณ แต่นี่คุณกลับมาดึงฉันให้ลงไปตายพร้อมกับคุณด้วย ไม่รู้จักวางแผนเอาเสียเลย” พอเธอพูดจบ สายตาของผู้คนที่มองอยู่รอบ ๆ ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ทันใดนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็คว้าแขนเธอมา ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอดและก็กระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูเธอ “หันกลับมานี่ เครื่องสำอางหลุดออกหมดแล้ว”
เครื่องสำอางที่เธอใช้มันกันน้ำไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้หลุด?
จิ่งเป่ยเฉิน กลยุทธ์ลอบตีที่เฉิงชัน[1] ยี่ห้อก็เห็นชัด ๆ ว่ากันน้ำ ไม่คิดว่าจะไม่ได้กันน้ำ!
ถึงว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกพร่ามัวแบบนี้! เหมือนกับว่าทาอายแชโดว์เลย
ที่แท้ก็ทาจริง ๆ ด้วย
[1] กลยุทธ์ลอบตีที่เฉิงชัน คือ กลยุทธ์สร้างความสับสนให้ศัตรูที่อยู่ตรงหน้า โดยการโจมตีอย่างคาดไม่ถึง (มาจากเรื่องราวในสมัยก่อนที่เคยเกิดขึ้นสมัยแย่งชิงแคว้นฮ่องเต้)