บทที่ 174 ไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการเศษสวะเช่นนี้ไม่ได้

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

หวังเสี่ยวเป่าถลึงตาใส่หลินชิงเวย “ข้าต้องการเข้าศึกษาในสำนักศึกษาที่ดีที่สุด! นี่มันเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าด้วย! เงินที่หวงยาหามาเป็นเงินที่ท่านย่าให้นางไปหามา!” หวงยาสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วออกมายืนอยู่ที่ประตู นางมองทุกอย่างเงียบๆ หวังเสี่ยวเป่าหันหน้ามามองนางด้วยท่าทีแค้นเคือง กระบอกตาแดงก่ำ พูดทั้งกัดฟันแน่นว่า “เจ้าไม่ออกไปหาเงิน เจ้ายังทำอะไรได้อีก! ท่านย่าเลี้ยงเจ้ามาจะมีประโยชน์อันใด!”

นั่นคือพี่สาวแท้ๆ ของเขา แต่เขาอายุน้อยแค่นี้ถึงกับนิ่งดูดายไม่ว่าพี่สาวแท้ๆ ของตนจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างไร เขาล้วนเคยชินที่จะเห็นแก่ตัวและเมินเฉย เขาคิดว่าสิ่งที่พี่สาวแท้ๆ ของตนทำลงไปล้วนเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลดีอยู่แล้ว หากวันใดที่พี่สาวแท้ๆ ของเขาไม่ทำตามที่เขาต้องการ เช่นนั้นพี่สาวของเขาก็จะเป็นคนเลวและเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด

เพียงแต่หวงยาในเวลานี้ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ ใบหน้าซีดขาวของนางราวกับสวมหน้ากากอันเย็นชา ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

หวังเสี่ยวเป่ารับไม่ได้ที่คนอื่นจะมองข้ามเขา เขาพลันยกเท้าขึ้นออกแรงถีบและทุบตีหลินชิงเวยพร้อมกับด่าทอไปด้วย “เจ้าออกไปนะ! เจ้าออกไป!”

หลินชิงเวยหลุบตาลงมองเขา นางพลันยื่นมือออกไปหิ้วปกคอเสื้อของเขาขึ้นมา ทำให้ร่างของเขาลอยขึ้นมา หวังเสี่ยวเป่ายังดิ้นรนเตะต่อย หลินชิงเวยไม่พูดอะไรทั้งสิ้นนางยกมือขึ้นตบหน้าหวังเสี่ยวเป่าดังเพียะไปมา

หวังเสี่ยวเป่าเชื่องเชื่อลงในทันที ใบหน้าเล็กๆ นั้นแดงบวม

ยายหวังเห็นแล้วรับไม่ได้ ปวดใจจนน้ำตาไหลพราก

หลินชิงเวยดึงหวังเสี่ยวเป่าเข้ามาใกล้และบอกกับเขาว่า “ออกมาใช้ชีวิตย่อมต้องชดใช้ สิ่งที่เจ้าติดค้างเอาไว้ช้าเร็วก็ต้องชดใช้อยู่ดี ย่าของเจ้าไม่เคยสอนเจ้าหรือว่ากรรมตามสนอง ยามนี้ไงเล่า เจ้าคิดว่าเจ้ายังเล็ก ข้าจะไม่กล้าตีเจ้าหรือ” พูดแล้วก็ช้อนตาขึ้นมองยายหวัง “หลานชายคนดีที่เจ้าสั่งสอน คาดหวังให้เขามีอนาคตโดดเด่นในวันหน้าแล้วตอบแทนเจ้า เจ้าเบิกตาดูให้ดีว่าเขาจะตอบแทนเจ้าอย่างไร” ในลานเรือนมีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ในบ่อก็คือน้ำ หลินชิงเวยหิ้วหวังเสี่ยวเป่าเดินตรงไปที่บ่อน้ำนั้น เมื่อหวังเสี่ยวเป่าถูกหลินชิงเวยหิ้วไปอยู่บนขอบบ่อน้ำเขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวในที่สุด จึงเริ่มดิ้นรนและร้องไห้ เขาเห็นถึงความร้ายกาจของหลินชิงเวยแล้วเช่นกัน ไม่กล้าทำให้นางโมโหอีกด้วยเกรงว่านางจะโยนเขาลงไป

ยายหวังเห็นเช่นนั้นแทบจะหมดลมหายใจ นางล้มลงร่ำไห้บนพื้น คร่ำครวญว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร คืนหลานชายข้ามา คืนหลานชายข้านะ…เขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง เขาเป็นชีวิตจิตใจของข้า!”

หลินชิงเวยมองหวงยาที่หน้าประตูแวบหนึ่ง “แล้วนางไม่ใช่หลานสาวของเจ้าหรือไร?” หลินชิงเวยก้มหน้าลงยิ้มกับหวังเสี่ยวเป่า “วันนี้เจ้าและย่าของเจ้า มีเพียงคนเดียวที่จะรอดปลอดภัย ไม่ก็เจ้าถูกข้าโยนลงไปในบ่อ ย่าของเจ้าจะปลอดภัย หรือไม่ก็ย่าของเจ้าถูกเจ้าหน้าที่จับตัวไป เจ้าก็ปลอดภัย เจ้าเลือกอย่างไหน?”

“ฮือๆๆ ท่านย่าช่วยข้าด้วย…” หวังเสี่ยวเป่าร้องไห้ขี้มูกโป่ง

น้ำเสียงของหลินชิงเวยคมปลาบ “ข้าถามเจ้าว่าเลือกอย่างไหน เจ้าไม่เลือกใช่หรือไม่ ไม่เลือกข้าจะถือว่าเจ้ายินยอม ข้าจะโยนเจ้าลงไปในบ่อ เพื่อให้ย่าของเจ้าปลอดภัย!” พูดแล้ว นางก็ทำท่าจะโยนหวังเสี่ยวเป่าลงไป

ด้านล่างคือน้ำในบ่อ โยนลงไปก็ไม่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต อย่างมากก็แค่ดื่มน้ำในบ่อสักอึกสองอึก

แต่ทว่าหวังเสี่ยวเป่าร้องตะโกนออกมาในเวลานี้ว่า “อย่าโยนข้าลงไป! อย่าโยนข้าลงไป! พวกท่านจับท่านย่าไปเถิด! จับตัวนางไปเถิด!”

นอกจากเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นของหวังเสี่ยวเป่า ทั้งลานเรือนมีเพียงความเงียบงัน

ยายหวังเบิกตากว้าง พูดอะไรไม่ออก

หลินชิงเวยหิ้วตัวหวังเสี่ยวเป่ากลับมาแล้วโยนเขาลงบนพื้นราวกับเป็นขยะชิ้นหนึ่ง นางพูดกับยายหวังว่า “ได้ยินแล้วหรือไม่ หลานชายคนดีที่เจ้าอบรมสั่งสอนออกมาทั้งเห็นแก่ตัวและน่าสังเวช คนเยี่ยงนี้ต่อไปหากเขาสอบจอหงวนได้จริงๆ ก็เป็นเพราะสวรรค์ตาบอด การกระทำทุกอย่างที่เจ้าทำต่อหลานสาวของเจ้า ต่อไปเขาก็จะใช้วิธีการเดียวกันนี้ตอบแทนเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้รับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาให้ก็จะเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าขูดรีดจากร่างกายของหลานสาวของเจ้าเช่นเดียวกัน เขาคิดว่ามันสมเหตุสมผลดีอยู่แล้ว เจ้าได้ยินแล้วหรือไม่ เขายินดีที่จะสละเจ้า เพราะต้องการต้องรักษาชีวิตของตนไว้” หลินชิงเวยไม่ปฏิบัติต่อนางเฉกเช่นผู้อาวุโส เคารพผู้อาวุโส รักทะนุถนอมผู้เยาว์คือจริยธรรมอันดีงามของมนุษย์ แต่ต้องดูก่อนว่าทั้งผู้อาวุโสและผู้เยาว์นั้นมีค่าคู่ควรที่จะเคารพและรักทะนุถนอมหรือไม่ นางใช้หางตามองหวังเสี่ยวเป่าด้วยสายตาเย็นชา “เชอะ อายุเท่านี้แต่กลับเป็นกากเดนมนุษย์”

หลินชิงเวยมองหวงยาแล้วเดินเข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้านาง อายุของหวงยาและร่างนี้ของหลินชิงเวยไล่เลี่ยกัน หรืออาจจะเล็กกว่าปีหนึ่งสองปี ทว่าเพราะต้องทำงานใช้แรงงานตั้งแต่เล็ก ร่างกายจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว

ราวกับไม่มีใครคาดคิดว่าคนร่างเล็กเช่นหลินชิงเวยจะมีพละกำลังมหาศาลเช่นนี้ เมื่อหลินชิงเวยเดินเข้าใกล้ หวงยาอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว หลินชิงเวยมองนางและพูดว่า “ข้าเป็นสตรีเช่นกัน เจ้าไม่ต้องกลัวข้า ยิ่งไม่ต้องรังเกียจว่าตนเองสกปรก หากตัวเองคิดว่าตัวเองสกปรก เช่นนั้นผู้อื่นก็จะไม่มีทางรู้สึกว่าเจ้าสะอาดอีก” เปลือกตาของหวงยากะพริบติดๆ กัน ราวกับคำพูดของหลินชิงเวยกระทบถูกความในใจของนาง ในดวงตาถูกฉาบด้วยละอองน้ำชั้นหนึ่ง นางถูกหลินชิงเวยโอบเข้ามาในอ้อมกอดเพื่อปลอบโยน

หวงยาเติบโตเช่นนี้แต่ไรมาไม่เคยถูกผู้อื่นโอบเข้ามาปลอบโยนในอ้อมกอดแม้สักครั้ง ไม่เคยได้รับความรัก ความเอ็นดู ทะนุถนอม คิดไม่ถึงว่าคนแรกที่ทำเช่นนี้กลับเป็นคนแปลกหน้าที่เคยพบหน้ากันเพียงแค่สองหน นางเคยชินที่จะเข้มแข็งแล้ว นางกัดริมฝีปากแน่น ไม่ให้ตนเองร่ำไห้ออกมา นางยื่นมือทั้งคู่ออกไปจับฟางเส้นสุดท้ายเพื่อให้ชีวิตรอด กอดตอบเอวเล็กคอดกิ่วของหลินชิงเวยอย่างสุดแรง

ตลอดชีวิตนี้ของนางไม่มีวันลืมเลือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ สตรีที่แสนกล้าหาญนางหนึ่งบุกเข้าประตูมาขับไล่บุรุษที่ทำร้ายนาง ด่าทอท่านย่าที่นางหวาดกลัวที่สุดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ แล้วยังตบตีน้องชายผู้เห็นแก่ตัวที่นางทั้งรักทั้งเกลียดอย่างที่สุด

ทำให้นางมองเห็นแสงสว่างท่ามกลางความสิ้นหวัง

หลินชิงเวยพูดต่ออย่างไม่ยินดียินร้ายว่า “เป็นสตรีจะต้องโหดเหี้ยมสักหน่อยจึงจะใช้ได้ เมื่อไม่มีใครปกป้องคุ้มครองเจ้า เจ้าไม่โหดร้ายกับผู้อื่นจะปกป้องตนเองได้อย่างไร เมื่อผู้อื่นรังแกเจ้า เจ้ากลับคิดแต่จะปลิดชีวิตของตนเอง ไม่ใช่เป็นการช่วยให้คนที่รังแกเจ้ามารังแกเจ้าเองหรือไร ต่อไปอย่าช่วยคนชั่วช้าทำความชั่ว ขอเพียงเจ้าโหดเหี้ยมสักหน่อย ผู้อื่นจึงจะกลัวเจ้า ก็เหมือนพี่สาวทำเมื่อสักครู่ เมื่อควรลงมือก็ต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มี ควรใช้มีดก็ต้องทำให้ตายไปเลย จดจำได้หรือไม่?”

เมื่อยายหวังกดขี่รังแกหลานสาวของตน ชาวบ้านที่อาศัยบ้านใกล้เรือนเคียงเกรงว่าจะถูกยายหวังด่าทอกลางตลาดจึงไม่กล้ามาพูดอันใด ยามนี้ดียิ่งนักยายหวังหมดท่าแล้ว การกระทำทุกอย่างของนาง ทำให้เจ้าหน้าที่มือปราบมาที่นี่ ความรักทูนหัวที่นางมีต่อหลานชายกลับตอบแทนมาเพียงการทอดทิ้งนางเพื่อเอาตัวรอดของหลานชาย ยามนี้นางจึงหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ความสนุกสนานครื้นเครงเช่นนี้หากทุกคนไม่มาดูก็เป็นการผิดต่อยายหวังที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ก่อกรรมทำเข็ญมายาวนานเช่นนี้เกินไปแล้ว

ฝูงชนที่ล้อมเรือนหลังเล็กด้านนอกชี้นิ้วประณามยายหวังและหลานชายอย่างสาแก่ใจ ยายหวังดูเหมือนจะถูกหลานชายทำร้ายจิตใจ นางมองหวังเสี่ยวเป่าด้วยสายตาทั้งรักทั้งแค้น กระทั่งด่าคนก็ยังไม่มีกำลังใจ