บทที่ 175 ส่งน้ำชายามบ่าย

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

เพียงแต่จุดจบของหลานสาวกลับทำให้ผู้คนรู้สึกอเนจอนาถใจ หากมีคนมาจัดการสองย่าหลานเร็วกว่านี้ย่อมไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่อาจหวนคืนได้เช่นนี้

ฝูงชนที่ล้อมดูอยู่ด้านนอกประหลาดใจเหลือแสน กระทั่งเจ้าหน้าที่มือปราบก็ยังจัดการยายหวังไม่ได้ เป็นใครกันที่ร้ายกาจเช่นนี้สามารถกำราบหญิงชราใจคอโหดเหี้ยมผู้นี้ได้

เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเรือนหลังเล็กถูกเล่าต่อกันไปอย่างรวดเร็ว เป็นคุณชายหน้าอ่อนราวกับจะคั้นน้ำได้อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหวงยา ช่างเก่งกาจจริงๆ ไม่เพียงแต่ขับไล่อันธพาลที่มารังแกหวงยาจนได้เลือด ยังจัดการกับยายหวังและตีหลานชายสุดที่รักเสียจนน่วมไปทั้งตัว ยายหวังทั้งร้องทั้งตะโกนด้วยชิงชังที่มิอาจเอาหัวชนกำแพงตายให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

เมื่อหลินชิงเวยเดินเอามือไพล่หลังออกจากเรือนไปนั้น ผู้คนด้านนอกล้วนแยกเป็นสองฝั่งเพื่อแหวกทางให้เดิน แต่เมื่อเห็นคุณชายท่านนี้อายุน้อยเช่นนี้ ทั้งยังมีใบหน้าประดุจสตรี งดงามจับใจ ก็ได้แต่ลอบนับถือในวิธีการของนาง ข้างกายนางมีบุรุษวัยหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง เป็นบุรุษรูปงามประดุจเทพเซียน ราวกับเมื่อเขายืนอยู่หน้าประตูชำรุดทรุดโทรมนี้แล้วเสมือนไม่อยู่บนโลกมนุษย์แห่งนี้

หลินชิงเวยสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปพร้อมกับเซียวเยี่ยน

มีเสียงของผู้หวังดีร้องขึ้น “คุณชายน้อย ท่านจากไปเช่นนี้ หากยายหวังรังแกหวงยาหลานสาวของนางอีกจะทำอย่างไรเล่า?”

หลินชิงเวยหันกลับไปมองคนทั้งสามในเรือนแวบหนึ่ง สุดท้ายสายตาของนางตกอยู่บนร่างของหวงยา นางพยักพเยิดปลายคางและพูดกับหวงยาว่า “ต่อไปก็อยู่ที่นางแล้ว” ดูว่านางยินดีที่จะร่วมกับผู้อื่นมารังแกตนเอง หรือยินดีที่จะรังแกผู้อื่น

ทั้งหมดล้วนเป็นตัวนางที่เลือกเอง หลินชิงเวยช่วยนางได้ครั้งหนึ่ง แต่ไม่อาจช่วยชีวิตที่นางจะเดินในวันข้างหน้าได้

ดวงตาของหวงยาทอประกายวาบ มองเงาร่างด้านหลังของหลินชิงเวยที่หายลับไปนอกประตู

เสียงอึกทึกข้างหลังล้วนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว หลินชิงเวยและเซียวเยี่ยนเดินอยู่ในตรอกอันเงียบสงบ เซียวเยี่ยนเงียบขรึมมาตลอด หลินชิงเวยอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเขา “ไยจึงไม่พูดจาเล่า?”

สายตาของเซียวเยี่ยนหลุบต่ำลงมองนาง “ข้าเพียงแต่ตกตะลึงเล็กน้อย”

หลินชิงเวยเลิกคิ้วคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ตกตะลึง? ตกตะลึงอันใด ตกตะลึงที่ข้าลงไม้ลงมือได้แม้กระทั่งเด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบ หรือตกตะลึงที่ข้ารังแกได้แม้กระทั่งหญิงชราเส้นผมขาวโพลน”

สายตาอ่อนโยนของเซียวเยี่ยนมองไปข้างหน้า เขาพูดเนิบๆ “ตกตะลึงที่ในร่างของเจ้ากลับมีพลังมหาศาลเช่นนี้แอบซ่อนอยู่”

หลินชิงเวยหัวเราะเบิกบานใจ ในน้ำเสียงนั้นใสกังวานน่าฟังยิ่งนัก “ผู้อาวุโสไม่น่าเคารพ ผู้เยาว์ไม่มีมโนธรรม ข้าเป็นคนที่สวรรค์ส่งมาให้จัดการกับพวกเขา ต่อไปหากข้าเลี้ยงดูบุตรเช่นหวังเสี่ยวเป่า จะต้องตีจนเขาจำบิดามารดาไม่ได้เป็นแน่”

เรื่องนี้เซียวเยี่ยนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จึงพูดขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “มีมารดาเช่นเจ้า เขาคงจะไม่กล้าพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน” คนทั้งสองเดินมาระยะหนึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งเซียวเยี่ยนพูดขึ้นอีกว่า “เขาน่าจะมีการเคลื่อนไหวในไม่ช้านี้แล้ว”

หลินชิงเวยไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย “ท่านดูออกหรือ?”

ปัญหาครอบครัวของยายหวังไหนเลยจะคู่ควรให้เซียวเยี่ยนลงมือเอง หลินชิงเวยออกมาจัดการเองยังจะทำให้คนในครอบครัวศิโรราบ ดังนั้นนางจึงให้เซียวเยี่ยนยืนดูอยู่ข้างๆ เพื่อเป็นการจับสังเกตเขาอย่างละเอียด

เซียวเยี่ยนบอกว่าใกล้แล้ว เช่นนั้นก็ย่อมต้องใกล้แล้ว

หลังจากคนทั้งสองกลับไปถึงจวนสกุลสวี หลินชิงเวยอยู่ในห้องพักตลอดทั้งช่วงบ่าย นางงีบหลับยามบ่ายโดยไม่ก้าวออกมานอกประตู แสงตะวันด้านนอกแผดจ้าเพียงนั้น หากออกไปในยามนี้ย่อมต้องทุกข์ทรมานตากแดดจนหนังถลอกเป็นแน่

ส่วนเซียวเยี่ยนอยู่ห้องด้านข้างดูเหมือนไม่ได้ออกจากห้องเช่นกัน ในจุดนี้คนทั้งสองต่างรู้อกรู้ใจกันดียิ่งนัก

ยามบ่ายคล้อยเมื่อหลินชิงเวยตื่นขึ้นไม่นาน คิดไม่ถึงว่าอวี้ย่วนและอวี้ม่านมาอีกครั้ง ดูท่าแล้วมิใช่มาทะเลาะเบาะแว้ง หาไม่แล้วไหนเลยจะเลือกมาเยือนในยามที่เซ่อเจิ้งอ๋องอยู่ด้วยเล่า ในเมื่อเลือกเวลาที่เซ่อเจิ้งอ๋องอยู่ เช่นนั้นก็แสดงว่ามาประจบสอพลอ

ปรากฏว่าคุณหนูทั้งสองแต่งกายงดงามเดินอยู่ข้างหน้า กระโปรงผ้าโปร่งของพวกนางปลิวพลิ้วราวกับปีกผีเสื้อดูแล้วทำให้คนได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ด้านหลังพวกนางยังมีสาวใช้อีกสองคน ในมือของสาวใช้หิ้วกล่องอาหารมาด้วย

ขณะเดียวกันหลินชิงเวยออกมารับอากาศข้างนอก นั่งงอขาอยู่บนทางเดินด้านนอก

คุณหนูทั้งสองเคาะประตูห้องของเซียวเยี่ยนก่อน ผ่านไปครู่หนึ่งเซียวเยี่ยนจึงเปิดประตู ดูท่าแล้วเขาน่าจะมีเวลาว่างเช่นนี้น้อยยิ่ง ท่าทางจึงยังไม่ตื่นนอนดี บนใบหน้ามีสีหน้าผ่อนคลายและเรียบเฉย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เส้นผมสีดำขลับบนไหล่ดูเหมือนจะยุ่งเหยิงอยู่บ้าง แต่ดูอย่างไรก็ชวนมองอยู่ดี

คุณหนูทั้งสองเห็นเขาแล้ว ถึงกับลืมว่าควรจะพูดสิ่งใด

เซียวเยี่ยนจึงได้แต่ถามเรียบๆ “มีเรื่องอันใด”

อวี้ย่วนได้สติกลับมาก่อน “เป็นเช่นนี้เพคะ หม่อมฉันและน้องสาวเห็นว่าอากาศร้อนแล้ว จึงต้มน้ำบ๊วยเย็นมากาหนึ่งมาให้ท่านอ๋องคลายร้อนเพคะ ขอท่านอ๋องอย่าได้รังเกียจเพคะ”

“อืม”

เซียวเยี่ยนตอบรับเรียบเฉยสักหน่อย ราวกับพูดมากกว่านี้หนึ่งคำก็เป็นการเสียเวลา ความปรารถนาดีของอวี้ย่วนดูเหมือนจะประดักประเดิดในชั่วพริบตา แต่นางยังคงหยิบกล่องอาหารมาจากมือของสาวใช้แล้วยื่นให้กับเซียวเยี่ยน “ข้างในยังมีของว่างอีกสองอย่างเพคะ”

เซียวเยี่ยนควรจะรับไปอย่างมีมารยาท ต่อมาจึงปิดประตูอย่างไม่ค่อยมีมารยาทเท่าใดนัก คุณหนูทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูที่ปิดสนิทด้วยความผิดหวังอย่างยิ่ง ดูเหมือนพวกนางมาเพื่อเอาอกเอาใจโดยเฉพาะ แต่เซ่อเจิ้งอ๋องกลับไม่ไยดีสักเท่าใด

หลินชิงเวยนั่งอยู่บนทางเดินด้วยอารมณ์เบิกบานใจ “เขาเป็นคนเย็นชาอยู่แล้ว อากาศร้อนระอุ เขาก็ไม่คิดจะหลบแดด ความปรารถนาดีของคุณทั้งสองเกรงว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะไม่ค่อยรับรู้สักเท่าใดนัก อีกทั้งพวกท่านไม่รู้หรือว่าคนเรายังมีโทสะจากการถูกปลุกให้ตื่นด้วย”

อวี้ม่านหันมองไปเห็นหลินชิงเวยนั่งแกว่งเท้าอย่างมีความสุข นางไม่สวมรองเท้าอีกแล้ว เท้าเล็กๆ ขาวๆ ประดุจหยกสลักอย่างไรอย่างนั้น เท้านั้นงดงามชวนมองกว่าเท้าของอวี้ย่วนและอวี้ม่านผู้เป็นสตรีเสียอีก อวี้ม่านนั้นมีความรู้สึกไม่ดีต่อหลินชิงเวยอย่างมาก ย่อมต้องคิดว่าการที่นางมานั่งอยู่ที่นี่เป็นการซ้ำเติมพวกนาง

อากาศร้อน อารมณ์ก็ร้อน อวี้ม่านอยากบันดาลโทสะ แต่นางกลับคิดถึงอะไรบางอย่างจึงยังคงต้องข่มกลั้นเอาไว้ นางเดินเข้าไปช้าๆ แล้วยอบกายคารวะหลินชิงเวย “ก่อนหน้านี้เป็นอวี้ม่านที่พูดจาไม่ระวัง ท่าทีไม่ถูกต้อง หากล่วงเกินคุณชายหลินยังต้องขอคุณชายหลินอย่าได้ถือสาอวี้ม่านเลยเจ้าค่ะ”

หลินชิงเวยกลอกนัยน์ตากระจ่างใส มองทะลุปรุโปร่งเฉกเช่นแสงตะวันที่สาดส่องดั่งมองไข่ห่านผ่านผิวน้ำ และเหมือนอัญมณีสีเหลืองอำพันชิ้นเยี่ยม นางหัวเราะขึ้นมาจนดวงตาโค้งลง “คุณหนูรองพูดอันใดกัน หากพูดถึงล่วงเกิน ก็เป็นข้าที่ล่วงเกินคุณหนูทั้งสอง คุณหนูไม่ถือสาข้า เป็นเรื่องที่ข้าร้องขอแทบไม่ทัน”

สายตาของอวี้ม่านที่มองมาเขียนว่า “นับว่าเจ้ารู้ตัว” สีหน้าหยิ่งผยองปรากฏให้เห็นทันที นางคิดว่าขอเพียงนางไม่พูดออกมา หลินชิงเวยก็จะไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร

ต่อมาอวี้ม่านยื่นกล่องอาหารมากล่องหนึ่งให้กับหลินชิงเวย “พวกเราได้เตรียมน้ำชายามบ่ายมาให้คุณชายหลินเช่นกัน ในนั้นมีน้ำชากาหนึ่งและของว่างสองอย่าง ไม่รู้ว่าจะถูกปากคุณชายหลินหรือไม่”