ตู้รุ่ยเจี่ยนั่งอยู่ตรงข้ามเผยเชียน พอเห็นเผยเชียนทำหน้าประมาณว่า ‘นี่มันอะไรกันวะเนี่ย’ ตอนเล่นเกม หัวใจเขาก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

เขาไม่เคยเล่นเกมของตัวเองเพราะรู้ว่ามันห่วยแค่ไหน

ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่เอาเกมห่วยแตกแบบนี้มาให้บอสเผยเล่น…

ถ้าบอสเผยไม่ชอบสองเกมนี้ก็อาจเอามาใช้เป็นข้ออ้างขอตัดราคาได้

ตู้รุ่ยเจี๋ยเตรียมใจไว้แล้ว

เผยเชียนปิดโน้ตบุ๊กแล้วยื่นคืนให้หวังเสี่ยวปิน “ก็ไม่แย่นะครับ”

ไม่แย่เหรอ

ตู้รุ่ยเจี๋ยรู้สึกเคารพเผยเชียนขึ้นหลายเท่าเพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามไม่ทำให้เขาขายขี้หน้า เกมขยะแบบนี้จะมาบอกว่า ‘ก็ไม่แย่’ ได้ยังไง จะใจดีเกินไปแล้ว!

จริงๆ แล้วเผยเชียนรู้สึกว่าทั้งสองเกมไม่ได้แย่จริงๆ

เขาคิดว่าตัวเองไม่มีทางทำเกมขยะระดับนี้ขึ้นมาได้เองแน่

ไม่ว่าจะเป็นเกมแบบไหน ขอแค่ทำเงินไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเกมที่ดีหมด!

หวังเสี่ยวปินถามขึ้นอัตโนมัติ “บอสเผยมีคำถามอะไรเกี่ยวกับทั้งสองเกมไหมครับ ถามผมได้นะครับ”

ตู้รุ่ยเจี๋ยโกรธจัดจนอยากจะลุกเตะหวังเสี่ยวปิน

แกพูดอะไรออกไป

ให้เรื่องนี้จบไปไวๆ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ

นี่แกกำลังบังคับให้บอสเผยวิจารณ์เกมเราอยู่รึไง

เผยเชียนยิ้ม “ผมเข้าใจแนวทางการออกแบบของทั้งสองเกมดีครับ ไม่มีคำถามอะไร”

จริงๆ แล้วเผยเชียนอยากจะถามออกไปว่าพวกเขาทำยังไงถึงสร้างเกมกากๆ แบบนี้ขึ้นมาได้…

แต่พอคิดดูอีกทีก็คิดได้ว่าไม่ถามจะดีกว่า

หวังเสี่ยวปินรับโน้ตบุ๊กมาแล้วพยักหน้า “บอสเผยเป็นมืออาชีพจริงๆ ด้วยครับ แค่มองปราดเดียวก็เข้าใจเกมทะลุปรุโปร่ง ผมนี่แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ”

ตู้รุ่ยเจี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาอยากจะจบเรื่องนี้ไวๆ รีบเจรจาซื้อขายให้เสร็จๆ จะได้หอบเงินหนีไปให้ไว

พอถึงตอนนั้น สภาพยุ่งเหยิงที่เขาต้องแบกรับ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้สำนักงานและคอมพิวเตอร์ที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง หรือเหล่าพนักงานที่ใช้การไม่ได้เรื่อง เถิงต๋าจะเป็นคนแบกรับไว้แทน บอสเผยต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องพวกนี้แทนเขา

เผยเชียนขยับหน้าเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้ซินไห่ลู่เริ่มต่อรองราคาได้

ถึงเผยเชียนจะไม่ได้คิดอะไรมากถ้าต้องเสียเงินเพิ่มสามถึงสี่แสนหยวน แต่เขาก็คิดว่าถ้าจ่ายเงินจำนวนนี้เพิ่มไปจะดูเป็นการเสียเปรียบ

แม้จะเป็นเงินทุนของระบบ แต่เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ถ้าจะต้องจ่ายเงินส่วนนี้ให้บอสตู้

เอาเงินส่วนนี้ไปเพิ่มสวัสดิการให้พนักงานยังจะดีซะกว่า

ดังนั้นเผยเชียนจึงเลือกตัดราคาตามที่เขาควรจะทำ เอาให้ได้ราคาต่ำที่สุดที่บอสตู้ประเมินไว้

เลขาซินพลิกสมุดเล่มเล็ก “บอสตู้คะ เท่าที่ดิฉันรู้มา คุณจ่ายเงินเดือนพนักงานล่าช้ามาหนึ่งเดือนแล้ว หนึ่งในสองเกมก็ปิดให้บริการไปเรียบร้อย ส่วนอีกเกมกำลังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ทั้งสองเกมไม่ถือว่าเป็นสินทรัพย์มูลค่าสูงและเป็นผลงานที่ไม่มีคุณค่าอีกต่อไป เครื่องใช้สำนักงานและคอมพิวเตอร์ก็ซื้อมาได้สามปีแล้ว เดิมทีก็ไม่ใช่ของแพงอะไร ดูจากสภาพการใช้งานแล้วน่าจะเอาไปโยนทิ้งมากกว่า คุณก็น่าจะรู้นะคะว่าของพวกนี้ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมการทำงานของเถิงต๋า เพราะงั้นจึงไม่มีค่าอะไร…”

เลขาซินพูดรัวจนตู้รุ่ยเจี๋ยหน้าเริ่มเจื่อน

ไม่นะ ที่พล่ามไปพักใหญ่นั่นไม่มีประโยชน์เลยเหรอ

เขาคิดว่าบอสเผยยังเด็ก ไม่น่าจะมีประสบการณ์มาก แค่พูดข่มนิดหน่อยก็น่าจะขูดรีดเงินได้เพิ่ม แต่ตอนนี้รู้ซึ้งแล้วว่าตัวเองเล่นผิดคนเข้าให้แล้ว

บอสเผยไม่ได้สนใจรายละเอียดการซื้อขายครั้งนี้เลย เลขาที่ยืนอยู่ข้างหลังต่างหากที่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้…

เลขาคนนี้ดูจะมีประสบการณ์ล้นเหลือและเหนือชั้นกว่าตู้รุ่ยเจี๋ยในทุกๆ ด้าน

ถึงจะมองข้ามเรื่องอื่นๆ ไป แค่ตัวตนของเธออย่างเดียวก็อยู่คนละระดับกับตู้รุ่ยเจี๋ยแล้ว

ตู้รุ่ยเจี๋ยเป็นแค่เจ้าของบริษัทเอกชน ไม่มีทางเทียบชั้นเลขาซินที่เคยทำงานกับองค์กรยักษ์ใหญ่มาก่อนได้ เขาพูดอะไรไม่ออกหลังจากได้ยินที่หญิงสาวรัวใส่

เลขาซินปิดสมุดจด “เมื่อพิจารณาทุกองค์ประกอบ เราขอเสนอซื้อที่ราคาห้าแสนห้าหมื่นหยวนค่ะ”

ตู้รุ่ยเจี๋ยกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ราคานี้เขายังพอรับได้ แต่ก็ไม่ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่

เผยเชียนยิ้ม “ไม่เป็นไรครับบอสตู้ ผมเพิ่มให้อีกห้าหมื่นหยวนจะได้เป็นหกแสนหยวนเพื่อมิตรภาพของเรา”

ตู้รุ่ยเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง

เขาอยากได้ราคาสูงกว่านี้ แต่คิดไปคิดมาก็สรุปได้ว่าไม่ควรต่อรองอะไรอีก

เลขาซินคำนวณทุกอย่างมาอย่างดี เขาไม่มีเหตุผลไหนจะเอาไปใช้อ้างต่อรองราคาได้

ถ้าพูดอะไรไปแล้วบอสเผยไม่พอใจ ไม่ยอมซื้อกิจการขึ้นมา ได้ขาดทุนย่อยยับแน่

พอคิดได้อย่างนั้นเขาก็ยิ้มกว้าง “โอเคครับ บอสเผย ตกลงที่หกแสนนะครับ! ที่ผมยอมก็เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของพนักงานอันเป็นที่รักของผม…”

เผยเชียนพูดอะไรไม่ออก ชายคนนี้มีดีแค่ปาก เอาแต่ขี้โม้ ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือสักอย่าง

“ถ้าอย่างนั้นก็จัดการตามขั้นตอนกันเลยดีกว่าครับ” เผยเชียนหันมองเลขาซิน

ถึงจะตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการหลังจากนี้ พวกเขาต้องตรวจสอบข้อมูลบริษัทอย่างละเอียดและเซ็นสัญญาซื้อขาย ไม่เหมือนซื้อของกับร้านค้าที่แค่รูดบัตรก็เอาของออกมาได้เลย เพราะมีลำดับขั้นตอนที่ต้องจัดการ

แต่เผยเชียนก็ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นเลย

“บอสเผยใจบุญมากครับ! คุณนี่เกิดมาเพื่อทำการใหญ่จริงๆ!”

ตู้รุ่ยเจี๋ยดีใจมาก ถึงราคาจะต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่ห้าหมื่นหยวนที่บอสเผยเพิ่มให้ก็ทำให้เขาพอใจชื้นขึ้นมาได้

ที่สำคัญคือเขาปัดปัญหาออกไปให้พ้นตัวได้แล้ว ตรงนี้แหละที่ทำให้เขามีความสุข

“ช่วยบอกพนักงานด้านนอกให้หยุดงานไปพักผ่อนสักพัก แจ้งพวกเขาให้กลับมาทำงานหลังจากเสร็จเรื่องทุกอย่าง

“อืม… เอาเป็นวันจันทร์หน้า วันที่ 10 พฤษภาก็แล้วกัน”

เผยเชียนดูปฏิทิน วันนี้คือวันพุธ สี่วันน่าจะจัดการขั้นตอนส่วนใหญ่เสร็จแล้ว

เพราะนี่ก็ไม่ใช้การซื้อต่อกิจการมูลค่าหลายล้าน ฉางหยางเกมส์เป็นแค่บริษัทเล็กๆ มีเรื่องให้ต้องจัดการไม่มาก เลขาซินน่าจะจัดการทุกอย่างได้ทันเวลา

ถือเป็นการดีที่จะให้พนักงานไปพักและทำตัวให้ชินกับวิถีการทำงานของเถิงต๋าก่อน

ต่อไปฉางหยางเกมส์จะเป็นบริษัทลูกของเถิงต๋า พวกเขาจะอยู่ภายใต้กฎและสวัสดิการของบริษัทแม่

หวังเสี่ยวปินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “โอเคครับบอสเผย! เดี๋ยวผมไปแจ้งให้ทุกคนทราบทันทีครับ!”

เผยเชียนไม่ได้กลับออกไปทันที แต่นั่งฟังเลขาซินคุยกับบอสตู้เรื่องขั้นตอนต่างๆ ในห้องทำงานต่อ

ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงคุยกันแว่วมาจากด้านนอกเมื่อเหล่าปลาตายได้กลับมาเวียนว่ายอีกครั้ง

พอหวังเสี่ยวปินประกาศไปว่าทุกคนได้หยุดงานจนถึงวันจันทร์หน้า และมีการเปลี่ยนเจ้าของบริษัท ทุกคนก็ฮือฮากันใหญ่

ตอนแรกฉางเหยางเกมส์กำลังจะเจ๊ง หลายคนไปหางานใหม่รอแล้ว

พนักงานที่มีประวัติการทำงานหรูๆ อย่างหัวหน้าหลิวได้งานใหม่ไปแล้วเรียบร้อย

แต่เมื่อวาน จู่ๆ ตู้รุ่ยเจี๋ยก็มาประกาศว่ามีบริษัทอื่นสนใจเข้าซื้อต่อบริษัท และสั่งให้ทุกคนเก็บกวาดสถานที่ จัดข้าวของให้เรียบร้อยเตรียมตัวรับบอสคนใหม่ด้วยสภาพที่ดีที่สุด!

หลายคนตกใจมากเพราะทุกคนรู้ว่าฉางหยางเกมส์สภาพเลวร้ายสุดๆ คนสติดีที่ไหนจะอยากมาซื้อ

แต่พอถามเพิ่มก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมพอรู้ว่าเจ้าของใหม่คือบริษัทเถิงต๋า

เรื่องนี้… ไม่ต่างอะไรกับมีส้มหล่นจากฟ้า!

เถิงต๋าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงล้นหลามในวงการเกม หลายคนอยากเข้าไปทำงานด้วยแต่ก็หาหนทางไม่ได้เลย

ถ้าเถิงต๋าเข้าซื้อกิจการ พวกเขาก็น่าจะเหมือนเป็น ‘ลูกเลี้ยง’ คงไม่ได้รับสวัสดิการเหมือน ‘ลูกแท้ๆ’ หรอก แต่ยังไงพวกเขาก็อยู่ภายใต้เถิงต๋า อนาคตน่าจะสดใสกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน!

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าขั้นตอนการเข้าซื้อต่อน่าจะกินเวลาสักหนึ่งถึงสองสัปดาห์ ไม่น่าจะได้หยุดพัก ต้องมาก้มหน้าทำงานเหมือนเดิม

พวกเขาไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะรวดเร็วขนาดนี้ ตอนนี้ผ่านการเจรจาขั้นต้นไปแล้วเรียบร้อย แถมยังได้หยุดงานจนถึงวันจันทร์หน้าด้วย

เหล่าพนักงานของฉางหยางเกส์คิดเหมือนกันว่าชีวิตนี่มีขึ้นมีลงตลอดจริงๆ…

ไม่กี่วันก่อนยังเครียดกันเรื่องหางานใหม่อยู่เลย จู่ๆ ชีวิตพลิกผันได้มาเป็นพนักงานของเถิงต๋า แถมได้หยุดงานตั้งสี่วันอีก!

ทุกคนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันอยู่!

………………….