ภาคที่ 1 บทที่ 116 ฉันเป็นพ่อของพวกแก

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 116 ฉันเป็นพ่อของพวกแก

“ขอบคุณ”

ซูเย่รับยูเอสบีไดรฟ์มาเก็บใส่กระเป๋า

จากนั้นเขาก็เดินตรงเข้าไป

“วูบ”

โบกสะบัดมือขวา

ฝ่ามือของชายหนุ่มตบลงไปที่หัวเข่าของหญิงสาว ในเวลาเดียวกันนี้เขาก็โคจรพลังลมปราณลงไปด้วย

“หืม?”

นักสืบสาวผู้มีนามว่าซูหมินหมินตัวสั่นเทา แต่วินาทีต่อมาช่วงขา และเท้าของเธอก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

ความหวังในดวงตาของซูหมินหมินเป็นประกายแรงกล้ามากกว่าเดิม!

ซูเย่ดึงเก้าอี้มานั่งอยู่ด้านข้าง จัดแจงให้ผู้เป็นเจ้าของสำนักงานนักสืบนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง จากนั้นจึงก้มตัวลงไปใช้มือข้างหนึ่งกุมข้อเท้าของหญิงสาว ส่วนมืออีกข้างนั้นวางลงไปบนหัวเข่าของเธอ

“บาดเจ็บบรรเทาเบาบางจางหาย…”

ชายหนุ่มร่ายคาถาในความเงียบ

ทันใดนั้นรอบ ๆ ฝ่ามือของซูเย่ก็ปรากฏลำแสงสว่างไสว และลำแสงเหล่านั้นก็ค่อย ๆ ไหลซึมลงไปในหัวเข่าของหญิงสาว

ซูหมินหมินรู้สึกขนลุกไปทั้งร่างกาย

“กร๊อบ”

ได้ยินเสียงกระดูกประสานตัวเข้าด้วยกันอีกครั้ง

พลังลมปราณที่ไหลเวียนใต้ตำแหน่งหัวเข่าของเธอ ช่วยทำให้พลังลมปราณที่อุดตันกระจายตัวออกไป ทำให้มวลพลังงานสามารถไหลเวียนได้สะดวกมากขึ้น

“หืม?”

ซูหมินหมินมีดวงตาเป็นประกายแวววาว เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าขาของตนเองดีขึ้นแล้ว!

“ลองขยับขาดูสิ”

ซูเย่พูดพร้อมกับปล่อยมือออกจากขาของนักสืบ

ได้ยินดังนั้นซูหมินหมินก็รีบลุกขึ้นยืนโดยทันที เธอลองก้าวเท้าเดิน และพบว่าขาของตนเองไม่เจ็บปวดอีกแล้ว

และเมื่อลองโคจรพลังลมปราณดูบ้าง สีหน้าของซูหมินหมินก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

เพราะว่าจุดอุดตันที่อยู่บริเวณหัวเข่าของเธอก่อนหน้านี้ได้ถูกสลายทิ้งไปแล้ว พลังลมปราณจึงไหลเวียนลงไปสู่ปลายเท้าได้อย่างสะดวก

“นายทำได้ยังไง? อาการของฉันมันรักษาง่ายขนาดนี้เชียวเหรอ?”

ซูหมินหมินมองหน้าซูเย่ราวกับไม่เชื่อในสายตา

เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บเรื้อรังนานกว่าสามปี จะสามารถรักษาหายได้ด้วยการนวดคลึงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”

ซูเย่ส่ายหน้า

มันอาจดูเหมือนง่ายก็จริง แต่ความเป็นจริงนั้นไม่ง่ายเลย

อย่างแรก เขาต้องมีพลังลมปราณอยู่ในระดับสูงพอสมควร อย่างที่สอง ซูเย่ต้องแน่ใจก่อนว่ากระดูก และเส้นเลือดของคนเจ็บจะไม่ได้รับความเสียหายเมื่อโคจรพลังลมปราณลงไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเปิดจุดลมปราณหลังการรักษาให้สามารถกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง

คนเจ็บคนนี้เขาอาจจะรักษาให้หายได้ แต่ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถรักษาคนอื่น ๆ ได้เสมอไป

“ขอบคุณมากนะ”

ซูหมินหมินมองหน้าชายหนุ่มด้วยความซาบซึ้งใจ “ฉันไม่รู้จะขอบคุณนายยังไงอีกแล้ว”

ซูเย่พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“แต่ยังมีปัญหาอีกเล็กน้อย”

“ปัญหาอะไรเหรอ?”

ซูหมินหมินถึงกับหยุดชะงัก และถามออกมาด้วยความร้อนรน “หรือว่าขาของฉันยังไม่หายดี?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น”

ซูเย่ส่ายหน้า

“แต่ขาของคุณได้รับบาดเจ็บนานเกินไป กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นไม่ได้สมบูรณ์เหมือนเดิมอีกแล้ว ต่อให้สามารถฟื้นฟูได้ก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อย”

“ถ้าอย่างนั้นฉันควรทำยังไงดี?”

ซูหมินหมินสอบถามด้วยความเป็นกังวล ใช้เวลาไม่น้อย แล้วต้องใช้เวลาเท่าไหร่กันล่ะ

ซูเย่ชี้มือไปยังเก้าอี้บอกให้เธอนั่งลงอีกครั้ง

ซูเย่เองก็นั่งลงเช่นกัน ชายหนุ่มเปิดดูข้อมูลในราชวังแห่งความทรงจำ แล้วข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจุดลมปราณจุดต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศให้เขาสามารถเลื่อนดูได้อย่างรวดเร็ว

สุดท้ายเขาก็เลือกดูข้อมูลของจุดลมปราณสามจุดคือ : จุดฉวนจู๋ จุดหยางไป๋ และจุดอู่เหยา

เช่นเดียวกับจุดฝังเข็มอย่าง : จุดจู๋ซานหลี่ จุดซานยินเจียว จุดป่ายฮุ่ย จุดซื่อป๋าย

ชายหนุ่มคัดเลือกจุดต่าง ๆ ตามหลักการรักษาทางการแพทย์

เขาจะจำลองการฝังเข็มโดยใช้พลังลมปราณแทนเข็มเงิน เมื่อใช้พลังลมปราณกระตุ้นลงไปตามจุดลมปราณ และจุดฝังเข็มเหล่านี้แล้ว กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ได้รับบาดเจ็บก็จะบรรเทาขึ้นในเวลาเพียงพริบตาเดียว

ไม่มีวิธีไหนเหมาะสมต่อการรักษาเส้นเอ็นที่ได้รับบาดเจ็บมากไปกว่านี้อีกแล้ว

ซูเย่โคจรพลังลงไปที่ปลายนิ้วมือของตนเอง

เมื่อคลำมือไปพบเจอตำแหน่งที่ต้องการ เขาก็รีบเพิ่มน้ำหนักกดจุดลงไปด้วยความรวดเร็ว

ทุกครั้งที่นิ้วมือของชายหนุ่มกดลงไป จุดลมปราณของซูหมินหมินก็จะถูกเปิดขึ้นมาโดยทันที และพลังลมปราณในร่างกายของเธอก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

โดยเฉพาะขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บ

เดิมทีเส้นเอ็นในขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บของนักสืบสาวเกิดการฝ่อตัวแล้ว แต่เมื่อได้รับพลังลมปราณเข้าไปกระตุ้น พวกมันก็กลับมามีสภาพสมบูรณ์ดังเดิมในเวลาอันรวดเร็ว

“เอ๋?”

ซูหมินหมินร่างกายสั่นสะท้าน รู้สึกคันยุบยิบในขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังงอกงามขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

“เรียบร้อยแล้ว”

ซูเย่พูดพลางปล่อยมือออกจากขาของเธอ

ซูหมินหมินรีบลุกขึ้นยืน และวิ่งเหยาะ ๆ รอบห้องทำงานของตัวเอง ไม่ต้องบอกเลยว่าสีหน้าของเธอจะแสดงความตกตะลึงขนาดไหน

หลังจากนั้นหญิงสาวก็พยายามข่มกลั้นความรู้สึกดีใจ และหันหน้ากลับมามองซูเย่พร้อมกับพูดว่า

“ฉันสามารถกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้งก็เพราะนาย ขอบคุณมากเลยนะ”

“ด้วยความยินดี”

ซูเย่โบกมือและพูดต่อ

“แต่ช่วยเอาคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธของคุณมาให้ผมดูหน่อยได้ไหม…”

คัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ?

หญิงสาวเกิดอาการลังเลเล็กน้อย

เพราะการฝึกวิทยายุทธเป็นเรื่องส่วนตัว บางครั้งแม้แต่คนสนิทก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ดูด้วยซ้ำ

“ถ้าคุณยังฝึกแบบเดิมต่อไปเดี๋ยวขาของคุณก็จะกลับมาเจ็บอีก และมันจะเจ็บหนักมากกว่าเดิมด้วย”

ซูเย่อธิบายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทุกวิชามีเป้าหมายคือการทำร้ายคู่ต่อสู้ แต่ถ้าไม่ฝึกฝนให้ถูกต้อง มันก็สามารถทำร้ายร่างกายของตัวคุณเองได้เช่นกัน”

เมื่อได้ยินดังนั้นซูหมินหมินก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

เธอเดินหายเข้าไปในห้องนอน ไม่กี่นาทีก็เดินกลับออกมาอีกครั้ง

ซูหมินหมินถือคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธที่มีสภาพเหมือนถูกไฟไหม้ครึ่งหนึ่งมาให้เขา

เมื่อส่งมอบคัมภีร์ให้แก่ซูเย่เรียบร้อยแล้ว ซูหมินหมินก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “ถึงนายจะช่วยรักษาขาของฉันให้หายได้ก็จริง แต่นายต้องสัญญากับฉันนะว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องคัมภีร์นี้ให้ใครรู้”

“แค่ความลับของตัวผมเองก็มีมากมายเกินพอแล้ว ผมไม่สนใจจดจำเรื่องความลับของคุณให้ปวดหัวเพิ่มขึ้นหรอก”

ซูเย่พูดขณะเปิดดูเนื้อหาที่อยู่ในคัมภีร์

หลังจากสำรวจตรวจสอบดูอึดใจใหญ่ ชายหนุ่มก็ยื่นมือออกมาข้างหน้า “ขอกระดาษกับปากกา”

ซูหมินหมินชะงักไปอีกเล็กน้อย

แต่ก็รีบไปหากระดาษกับปากกามาให้เขาทันที

หลังได้รับกระดาษกับปากกาแล้ว ซูเย่จึงเริ่มเขียนเนื้อหาในส่วนที่สองของคัมภีร์เล่มนี้

ซูหมินหมินที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อเห็นชายหนุ่มสามารถเขียนข้อมูลในคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธซึ่งตกทอดมาจากบรรพบุรุษในตระกูลของเธอได้อย่างคล่องแคล่ว หญิงสาวก็ถึงกับปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง

“นายรู้จักคัมภีร์ลับเล่มนี้ได้ยังไง?” ซูหมินหมินถามออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ

“มันเป็นคัมภีร์ลับสำหรับคุณ แต่ไม่ใช่สำหรับผม” ซูเย่ตอบกลับไปยิ้ม ๆ ก่อนจะวางกระดาษ และปากกาในมือลง

“แค่คุณฝึกวิชาตามนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว” เมื่อซูเย่เดินไปถึงประตูห้อง ชายหนุ่มก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบหันมากำชับแก่ซูหมินหมินว่า “คุณเองก็ห้ามเปิดเผยเรื่องของผมให้ใครรู้เหมือนกัน”

“อืม”

ซูหมินหมินพยักหน้าด้วยความงงงวย แน่นอนว่าเธอยังไม่หายตกตะลึงกับความมหัศจรรย์ของลูกค้าคนนี้

นักสืบสาวก็ยังหาคำตอบไม่ได้เช่นกันว่าเพราะเหตุใดคนนอกตระกูลอย่างเขา ถึงรู้จักคัมภีร์ลับประจำตระกูลของเธออย่างละเอียดขนาดนี้

หรือว่าเขาจะมีเชื้อสายตระกูลเดียวกับเธอ?

“จริงด้วยสิ ถ้าคุณพอมีเวลาว่าง ลองเล่นเกมออนไลน์ที่ชื่อ Fantasy Dream ดูบ้างนะ”

พูดจบแล้ว

ซูเย่ก็เดินออกมา

ระหว่างทางกลับสู่มหาวิทยาลัย ชายหนุ่มแวะร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ข้างถนน

แต่เมื่อเดินเข้าไปแล้ว เขาก็ต้องรีบเดินกลับออกมาแทบทุกร้าน

นั่นเป็นเพราะว่ามีกล้องวงจรปิดได้มาติดตั้งเพิ่มเติมในร้านอินเทอร์เน็ตที่ไม่เคยมีกล้องวงจรปิดมาก่อน

สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือก

ซูเย่จึงต้องเดินเข้าไปในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่มีลูกค้าแน่นมากที่สุด

เขาจัดการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

และเสียบยูเอสบีไดรฟ์

จากนั้นก็กดดูเนื้อหาที่อยู่ด้านใน

เมื่ออ่านข้อมูลทั้งหมดจบลงแล้ว

ซูเย่ก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาทีเดียว

“คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นพวกเล่นสกปรก”

หยางเหวินป๋อคนนี้ นอกจากไต่เต้าขึ้นมารับตำแหน่งด้วยการใช้เส้นสาย เขายังใช้อำนาจของตนเองช่วยเหลือลูกศิษย์คนโปรดให้สอบผ่านได้อย่างไม่ยุติธรรมต่อนักศึกษาคนอื่น ๆ อีกด้วย

ดูจากข้อมูลที่ได้มา หยางเหวินป๋อเคยทำแบบนี้มาแล้วอย่างน้อยสามครั้ง

และไม่ใช่แค่ทำในปีนี้เท่านั้น

แต่คณบดีประจำคณะแพทย์แผนจีนทำมาแล้วหลายปี

“ข้อมูลสำคัญอย่างนี้เราต้องเอาไปปล่อยให้ถูกที่ถูกทาง” หลังอ่านจบซูเย่ก็คัดลอกข้อมูลทั้งหมดเขียนลงอีเมลแบบไม่ระบุตัวตนส่งเรื่องร้องเรียนไปทางอีเมลของมหาวิทยาลัย

ในอีเมลฉบับนั้น ชายหนุ่มได้ทิ้งที่อยู่อีเมลแบบไม่ระบุตัวตนสำหรับการติดต่อกลับเอาไว้ด้วย

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย

ชายหนุ่มก็เดินกลับมหาวิทยาลัยอย่างสบายใจ

วันแรกยังไม่มีใครตอบอีเมลกลับมา

วันต่อมาก็ยังไม่มีใครตอบอีเมล

สองวันที่ผ่านไปไม่มีการเคลื่อนไหวจากฝ่ายรับเรื่องร้องเรียนของมหาวิทยาลัย

และไม่มีข่าวว่าหยางเหวินป๋อจะถูกเรียกตัวไปสอบสวนด้วยเช่นกัน

“ดูเหมือนคณบดีหยางจะเส้นใหญ่ไม่ใช่เล่นจริง ๆ แฮะ แต่คิดว่าจะลอยนวลไปได้ง่าย ๆ หรือไง?”

ซูเย่ยิ้มมุมปาก

เขาเดินออกไปนอกเขตมหาวิทยาลัย เมื่อพบตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ต้องการแล้ว ชายหนุ่มก็กดโทรไปยังคณะแพทย์แผนจีน

“สวัสดีค่ะ”

พนักงานหญิงเป็นคนรับสาย

“สวัสดีครับ ผมเป็นคนที่ส่งอีเมลร้องเรียนพฤติกรรมของหยางเหวินป๋อไปเมื่อสองวันก่อน ไม่ทราบว่าทางมหาวิทยาลัยได้รับอีเมลของผมหรือเปล่า?”

ซูเย่ดัดเสียงของตัวเองเพื่อไม่ให้มีใครจำได้

เมื่อพนักงานหญิงได้ยินดังนั้นเธอก็คำรามออกมาเสียงดัง “นายเป็นใครกันแน่?”

“ผมถามว่าพวกคุณได้รับอีเมลของผมหรือเปล่า?”

ซูเย่ถามย้ำคำเดิมอีกครั้ง

“ไม่ว่านายจะไปได้ข้อมูลเรื่องนี้มาจากใคร แต่ฉันขอเตือนเอาไว้ว่าอย่าปล่อยข่าวลือมั่ว ๆ เด็ดขาด!” เสียงของพนักงานหญิงบอกชัดถึงความโกรธแค้น “นายเป็นใครไม่มีใครรู้ ข้อมูลที่ให้มาหลักฐานก็ไม่มี นายไม่มีอะไรจะทำหรือไง ถึงได้เอาเวลามาใส่ร้ายท่านคณบดีอย่างนี้ฮะ!”

“ดูเหมือนทางมหาวิทยาลัยคงไม่คิดจัดการอะไรกับเรื่องนี้เลยใช่ไหมครับ?”

ซูเย่ถามอย่างตรงไปตรงมา

“บอกมาว่านะว่านายเป็นใคร?”

พนักงานหญิงขึ้นเสียงอีกครั้ง “ไม่ว่านายจะเป็นใคร แต่นายจะมาเที่ยวใส่ความคนอื่นตามอำเภอใจไม่ได้ นายเล่นอยู่ในที่ลับโจมตีคนที่อยู่ในที่แจ้งอย่างนี้ มันใช้ได้ที่ไหนกัน เก่งจริงก็เปิดเผยตัวตนออกมาเลยสิ!”

“คุณเองก็ไม่อยากรู้ความจริงบ้างหรือไง?”

“ความจริงอะไรไม่ทราบ? มหาวิทยาลัยของพวกเราทำงานอย่างซื่อสัตย์ และตรงไปตรงมา โดยเฉพาะท่านคณบดีหยาง ข้อมูลที่นายได้มาไม่เป็นความจริงสักอย่างเดียว เก่งจริงก็บอกชื่อของนายออกมาสิ แล้วเราจะได้เห็นกันว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด!”

“อยากรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันก็คือพ่อของพวกแกไงล่ะ”

ซูเย่เปลี่ยนน้ำเสียงในประโยคสุดท้ายก่อนวางสายไปหน้าตาเฉย

ตอนนี้เขามีสถานะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง ใจหนึ่งก็อยากรักษาภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยไม่ให้เสียหาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทางมหาวิทยาลัยกลับทำเมินเฉยต่อความผิดของหยางเหวินป๋อเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“งั้นเราก็คงไม่ต้องคิดมากอีกแล้วสินะ”

ซูเย่หัวเราะในลำคอพลางเดินกลับไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่

เขาสมัครบัญชีผู้ใช้งานใหม่ และกดเข้าสู่ระบบกระดานข้อความของมหาวิทยาลัย จากนั้นจึงตั้งกระทู้แบบไม่ระบุตัวตน

ในเวลาเดียวกันนี้ชายหนุ่มก็ได้ส่งเนื้อหาในกระทู้นั้นไปให้กับสื่อมวลชนทุกแขนงที่อยู่ภายในเมืองจี้หยาง

ซูเย่ตั้งชื่อกระทู้ว่า

“โป๊ะแตก! หยางเหวินป๋อคณบดีประจำคณะแพทย์แผนจีนของมหาวิทยาลัยจี้หยางช่วยลูกศิษย์โกงผลสอบ!”

เพียงไม่นานมันก็กลายเป็นกระทู้ที่มีผู้เข้าชมสูงสุดในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย

เป็นไปได้อย่างไรที่คณบดีประจำคณะแพทย์แผนจีนของพวกเขาจะเป็นคนเช่นนั้น?

เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่?

ทุกคนต่างก็กดเข้าไปดูในเนื้อหาด้านในกระทู้ด้วยความสนใจ

ข้อมูลที่อยู่ในกระทู้นั้นมีรายละเอียดปลีกย่อยครบถ้วน มีแม้แต่รายชื่อลูกศิษย์ที่หยางเหวินป๋อช่วยให้ผ่านการสอบได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม

ดังนั้น

เว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัยจึงตกอยู่ภายใต้บรรยากาศที่ร้อนระอุขึ้นมาทันที