ตอนที่ 154

เสน่ห์คมดาบ

เฟิงอี้เซวียน! 

 

 

แคลร์รีบไปที่ต้นตอของเสียง เพราะนางได้ยินความไม่มั่นคงในเสียงของเฟิงอี้เซวียน ซึ่งก็หมายความว่าเฟิงอี้เซวียนได้รับบาดเจ็บ! 

 

 

ตูม… 

 

 

มีเสียงระเบิดดังขึ้น แคลร์ก็รีบวิ่งไปและเห็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์    แกว่งดาบใหญ่ในมือและโจมตีเฟิงอี้เซวียนอย่างดุเดือด เฟิงอี้เซวียนถอยไปอย่างรวดเร็ว การที่นักเวทย์อย่างเขาต่อสู้โดยตรงนั่นไม่ใช่เรื่องฉลาดมากนัก     สีแดงสดที่มุมปากของเฟิงอี้เซวียนแสดงให้เห็นว่าเขากำลังเสียเปรียบอยู่ในขณะนี้ ผู้หญิงผู้นั้นดูเหมือนจะไม่ได้ต้องการฆ่าเฟิงอี้เซวียนในทันที แต่นางจะ    ย่างก้าวตามจนทำให้เฟิงอี้เซวียนลำบาก  เฟิงอี้เซวียนจะใช้เวทมนตร์ แต่ดาบที่แหลมคมก็ขัดจังหวะการร่ายคาถาของเขาทำให้เขาต้องถอยหนีอย่างต่อเนื่อง 

 

 

ผู้หญิงมีเสน่ห์    ผู้นั้นแข็งแรงและรวดเร็วมาก ยิ่งไปกว่านั้นนางโจมตีอย่างต่อเนื่องจึงทำให้เฟิงอี้เซวียนไม่มีเวลาที่จะตอบโต้มีเพียงผู้ที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมายเท่านั้นที่จะเข้าใจสิ่งนี้ได้อย่างถูกต้อง แม้ว่าเวทมนตร์จะสามารถเกิดขึ้นได้ในทันทีโดยไม่ต้องร่ายคาถา แต่ผู้ร่ายก็จำเป็นต้องรวบรวมสมาธิ และผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ให้เวลาให้กับเฟิงอี้เซวียนเลยแม้แต่น้อย 

 

 

ดาบชังหลันปรากฏขึ้นในมือของแคลร์นางบินขึ้นไปด้วยการเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยแล้วป้องกันดาบให้เฟิงอี้เซวียน 

 

 

เคร้ง… 

 

 

เสียงการปะทะของอาวุธดังขึ้นในป่า 

 

 

“แคลร์!” เสียงของเฟิงอี้เซวียนทั้งประหลาดใจและมีความสุข 

 

 

แคลร์เงียบ ใบหน้าของนางเคร่งขรึมการต่อสู้เพียงดาบแรกดาบเดียวก็ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้เลย 

 

 

หญิงมีเสน่ห์คนนี้มีพลังและรวดเร็วมาก 

 

 

“เจ้าเป็นใคร?!” ผู้หญิงคนนั้นมองแคลร์อย่างโกรธเคืองและตะโกน เมื่อนางกำลังจะจัดการกับเฟิงอี้เซวียน แต่สาวผมบลอนด์ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้! 

 

 

แคลร์เงียบแล้วทำเพียงแค่ป้องกันการโจมตีของผู้หญิงคนนั้นอย่างใจเย็น 

 

 

นางต้องป้องกันไปสักพัก แค่สักพักก็เพียงพอแล้ว เวลาเพียงเล็กน้อยนี้ก็เพียงพอให้เฟิงอี้เซวียนร่ายคาถา! ในฐานะนักเวทย์เฟิงอี้เซวียนยังด้อยกว่าแคลร์เล็กน้อยในแง่ของความแข็งแกร่งและความเร็วแต่พลังเวทย์นั้น… 

 

 

หญิงที่มีเสน่ห์คนนี้แข็งแกร่ง แต่ยังไม่พอ! 

 

 

เฟิงอี้เซวียนยืนนิ่งขมวดคิ้ว งอนิ้วขึ้นไปในอากาศและตะโกนว่า “คุกลม!” 

 

 

ทันใดนั้นอากาศรอบข้างก็เคลื่อนไหวและสร้างกำแพงกั้นรอบตัวผู้หญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว แคลร์ก้าวถอยหลัง ผู้หญิงคนนี้จะไล่ตามนาง แต่กลับถูกกระแสลมพัดรอบตัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และผู้หญิงผู้นั้นก็ถูกกักขังไว้ภายในกำแพงอย่างแน่นหนา 

 

 

แคลร์มองไปที่สายลมที่ดุร้ายแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย ความสามารถของเฟิงอี้เซวียนดีขึ้นอย่างรวดเร็วจริงๆ 

 

 

มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ผู้หญิงคนนั้น    กำลังทำลายกำแพงลมนั้นด้วยดาบ 

 

 

แคลร์เก็บดาบของนางและมองไปที่เฟิงอี้เซวียน พวกเขาไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร 

 

 

ทันใดนั้น หญิงสาวที่ถูกกักขังอยู่ในนั้นก็ระเบิดความโกรธและทำลายสิ่งกีดขวางที่ทำด้วยลมนั้นด้วยดาบ แต่ก่อนที่นางจะได้สติกลับมา ไฟก็โหมกระหน่ำเข้าไปที่ใบหน้าของนาง! ความร้อนแรงผิดปกติจากเปลวไฟสีทองทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ นางอยากจะหลบ แต่ก็พบว่านางไม่สามารถถอยกลับได้อีกแล้ว 

 

 

นั่นก็เพราะเฟิงอี้เซวียนใช้คุกลมก่อนหน้านี้อีกครั้งเพื่อกักขังหญิงสาวคนนั้นและเปลวไฟที่รุนแรงไว้ข้างในนั้น 

 

 

แคลร์และเฟิงอี้เซวียนไม่ได้สนใจเสียงกรีดร้องของนาง 

 

 

แคลร์ยกมือขึ้นและหอกเปลวไฟสีทองก็ปรากฏขึ้นในมือของนางทันที 

 

 

“ไป!” มือของแคลร์เหวี่ยงหอกไปที่คุกลมอย่างมั่นคง 

 

 

หอกเปลวไฟพุ่งไปที่ด้านหน้าของคุกลมและคุกลมก็แยกช่องออกโดยทันที ทำให้หอกเปลวไฟสามารถ    เข้าไปข้างในได้อย่างราบรื่น! 

 

 

ความร่วมมือระหว่างเฟิงอี้เซวียนและแคลร์เป็นไปอย่างราบรื่น นับตั้งแต่ที่แคลร์ป้องกันดาบของผู้หญิงผู้นี้ทั้งหมดใช้เวลาไปเพียงสองนาทีเท่านั้น! ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ 

 

 

เสียงกรีดร้องดังขึ้นและจากนั้นก็ไม่มีเสียงอะไรอีก มีเพียงเสียงแตกของเปลวไฟบนวัตถุที่กำลังลุกไหม้และอากาศก็เริ่มอบอวลไปด้วยกลิ่นที่แผดเผา    ช้าๆ 

 

 

หลังจากจัดการผู้หญิงคนนั้นแล้วทั้งสองก็มองหน้ากัน 

 

 

“แคลร์ เจ้ามาที่นี่ทำไม?” เฟิงอี้เซวียนรู้สึกกังวลใจอย่างประหลาด พื้นที่ทดลองนี้อันตรายมาก เขาเพิ่งเจอคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไปล่ะ … 

 

 

“จุดประสงค์เดียวกับเจ้า” แคลร์หันหน้าไปมองคุกลมและเปลวไฟที่ค่อยๆมอดลงแล้วพูด “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผู้อาวุโสบอกว่าเพิ่งส่งเจ้ามาไม่นาน ทำไมมาได้ไม่นานถึงได้ไปสู้กับคนเช่นนั้นล่ะ? 

 

 

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอับอายก็ปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของเฟิงอี้เซวียน เขาไม่สามารถพูดได้ว่าหญิงไร้ยางอายคนนั้นต้องการให้เขาไปเป็นคนรับใช้และเด็กหนุ่มคนโปรดของนาง 

 

 

แคลร์มองการแสดงออกที่ค่อนข้างผิดปกติของเฟิงอี้เซวียนก็เข้าใจและไม่ได้ถามอีกแต่ขมวดคิ้ว “เราไปตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ กันก่อนดีกว่า” 

 

 

“อืม” เฟิงอี้เซวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาเห็นว่าแคลร์ไม่ได้ตั้งคำถามอีก 

 

 

“จริงสิ นี่สำหรับเจ้า” แคลร์หยิบแหวนออกมาจากแหวนมิติและส่งให้เฟิงอี้เซวียน 

 

 

ดวงตาของเฟิงอี้เซวียนเบิกกว้าง เขามองแหวนในมือของแคลร์อย่างตกตะลึง     

 

 

“ทำไมล่ะ? ไม่เอาหรือ? เช่นนั้นก็ช่างมัน” แคลร์ทำท่าจะเอาแหวนคืน 

 

 

เฟิงอี้เซวียนคว้าแหวนมาเขากุมมันไว้และรีบพูด “เอาสิ! ทำไมไม่เอาล่ะ!” 

 

 

“หยดเลือดแสดงความเป็นเจ้าของสิ” แคลร์มองเลือดที่มุมปากของเฟิงอี้เซวียนและอดไม่ได้ที่จะยิ้ม 

 

 

หลังจากที่เฟิงอี้เซวียนใส่แหวน เขาก็รู้สึกถึงช่องว่างภายในและรู้สึกตกใจ พื้นที่ใหญ่มาก! แคลร์มอบสิ่งที่มีค่าให้เขาจริงๆ! ของล้ำค่าเช่นนี้นางไปเอามาจากไหนกัน? ไม่ว่าอย่างไรหัวใจของเฟิงอี้เซวียนก็ตื้นตันจริง “แคลร์ นี่เจ้าขอข้าแต่งงานหรือ?” เฟิงอี้เซวียนยิ้มขณะแตะแหวนบนนิ้วของเขา 

 

 

“คืนแหวนมาให้ข้าเลย” แคลร์พูดด้วยใบหน้าเย็นชา 

 

 

“ข้าหยดเลือดเป็นเจ้าของแล้ว” เฟิงอี้เซวียนพูดพร้อมกับส่ายหัว “ข้าไม่สามารถสละกรรมสิทธิ์ของข้าได้ เว้นแต่เจ้าจะฆ่าข้า” 

 

 

พลั่ก… 

 

 

วินาทีต่อมาเฟิงอี้เซวียนก็นั่งยองๆ บนพื้นเขาคร่ำครวญและกุมใบหน้าของเขา กำปั้นของแคลร์โดนเบ้าตาของเฟิงอี้เซวียนอย่างจัง แคลร์ไม่สนใจเฟิงอี้เซวียนที่เจ็บปวดแล้วขมวดคิ้ว 

 

 

“มีใครบางคนกำลังมา” แคลร์กระซิบแล้วมองไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง 

 

 

เฟิงอี้เซวียนก็สังเกตเห็นและยืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขามองไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง 

 

 

แคลร์ขยิบตาให้เฟิงอี้เซวียน และทั้งสองก็เดินไปด้านข้างเงียบๆ โดยซ่อนลมหายใจไว้ซึ่งเป็นทักษะที่ทั้งแคลร์และเฟิงอี้เซวียนถนัด 

 

 

ทั้งสองไม่ได้ไปไหนไกล แต่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่และมองดูเงียบๆ  จะเลือกสามีให้ลูกสาว แล้วมีย่าจะวิ่งเร็วขนาดนั้นไปทำไม” เสียงนั้นเต็มไปด้วยการบ่นและรำคาญ 

 

 

“เจ้าจะไปรู้อะไร เจ้าเมืองจะเลือกสามีให้ลูกสาว แต่ลูกชายของเจ้าเมืองเป็นชายหนุ่มรูปงาม มีย่าอยากไปดูชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นเร็วๆ ไงล่ะ” อีกเสียงหนึ่งพูด 

 

 

“จึ๊ๆ นางก็ทำได้แค่ดูไม่ใช่หรือ นางคิดว่าลูกชายของเจ้าเมืองจะถูกใจนางเหมือนคนทั่วไปที่นางไล่ตามหรือ?” เสียงแรกดังขึ้นอีกครั้ง 

 

 

“ก็จริง” เสียงหยาบกร้าวเย็นชา ทันใดนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย “กลิ่นไหม้มาจากไหน?” 

 

 

“หืม?” 

 

 

ร่างของชายสามคนค่อยๆ เข้าสู่สายตาของแคลร์และเฟิงอี้เซวียน พวกเขาทั้งสามคนแต่งกายเหมือนกัน ทุกคนมีรูปร่างกำยำสวมชุดสีฟ้าทั้งหมดและพวกเขาก็มีดาบขนาดใหญ่อยู่ที่หลัง พวกเขาดูคล้ายกับผู้หญิงคนนั้นเล็กน้อย สามคนนี้กับผู้หญิงทรงเสน่ห์ที่ตายไปแล้วเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือไม่? พวกเขาเป็นนักรบทั้งหมดเลย 

 

 

“นั่นคืออะไร” ชายร่างกำยำที่เดินอยู่ข้างหน้าพบกองศพบนพื้นเป็นคนแรก 

 

 

“นั่นคือดาบของมีย่า!” ชายตาคมอีกคนที่อยู่ข้างๆ ก็อุทานออกมา เขาเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและก้มลงหยิบดาบที่พื้น 

 

 

ทันใดนั้นการแสดงออกของชายทั้งสามก็เปลี่ยนไป พวกเขามองไปที่กองซากศพที่ไหม้เกรียมบนพื้นและดวงตาของพวกเขาก็ลึกล้ำอย่างไม่น่าเชื่อ ศพในกองไฟที่อยู่บนพื้นนั่นใช่น้องสาวของพวกเขาไม่? 

 

 

“พี่ใหญ่! นี่ นี่คือมีย่า?!” เสียงของชายที่ถือดาบสั่นไหว     

 

 

แคลร์และเฟิงอี้เซวียนมองหน้ากันและค่อยๆ ถอยออกไปในระยะไกลช้าๆ พวกเขาไม่ควรอยู่ที่นี่ 

 

 

ขณะที่แคลร์และเฟิงอี้เซวียนกำลังเคลื่อนตัวออกไป ผู้นำก็เงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วและหันไปมองทางขวา นั่นคือภาพลวงตาของเขาหรือไม่? ดูเหมือนจะมีใครบางคนอยู่ตรงนั้น แต่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้นและเขาก็ถูกดึงกลับมาด้วยเสียงคำรามของน้องชายในทันที 

 

 

“พี่ใหญ่ เป็นมีย่าจริงๆ มีย่า…อ๊าก! มันเกิดขึ้นได้ยังไง! ใครกันที่ฆ่ามีย่า!” เสียงที่เสียดแทงหัวใจดังไปไกลถึงแคลร์และเฟิงอี้เซวียน ทั้งสองจึงรีบออกไปเร็วขึ้น 

 

 

“ที่นี่คือที่ไหน?” เฟิงอี้เซวียนเช็ดเลือดที่แห้งออกจากมุมปากของเขาอย่างไม่ไยดี เขาขมวดคิ้วและพึมพำ “ความแข็งแกร่งของชายสามคนนั้นสูงกว่าผู้หญิงคนนั้นอีก ถ้าเจ้าไม่ปรากฏตัวในเวลานั้น วันนี้ข้าคงตายอยู่ที่นี่ ตาแก่นั่นไม่บอกเลยว่าที่นี่คือที่ไหน!” 

 

 

“ท่านลมบอกเพียงว่าสถานที่แห่งนี้ต้องอาศัยพละกำลังในการต่อสู้ผู้อ่อนแอจะเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง” แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคำพูดของท่านลมเทียนกัง ที่จริงอยู่ที่ไหนก็พึ่งความแข็งแกร่งไม่ใช่หรือ?  ดูเหมือนท่านลมจะมีความหมายอื่นนะ หรือท่านจะบอกว่า    ที่นี่ไม่มีกฎและระเบียบ ดินแดนแห่งนี้คือดินแดนอิสระงั้นหรือ? 

 

 

“แต่ว่าสถานที่แห่งนี้ช่างน่าอึดอัดจริงๆ” เฟิงอี้เซวียนเงยหน้าขึ้นและมองไปบนท้องฟ้า แต่เดิมเขาคิดว่าเมื่อเขาทำลายผนึกและบรรลุขั้น    ที่เก้าของสายลมเทียนกังแล้ว เขาจะเป็นคนที่มีพลัง แต่เมื่อเขามาที่นี่ เขาเกือบจะพ่ายแพ้แล้ว! 

 

 

“ท่านลมบอกว่าหากจะกลับไป พวกเราต้องไปที่ภูเขาที่สูงที่สุด ที่นั่นมีเวทย์เคลื่อนย้ายอยู่” แคลร์มองไปข้างหน้าและหรี่ตา ดินแดนนี้มีภูเขาสูงตระหง่านอยู่ตรงนั้นจริงๆ 

 

 

…………………………………………………………………………..