ตอนที่ 155

เสน่ห์คมดาบ

“ชายชราที่ร้ายกาจนี่    ” เฟิงอี้เซวียนตะโกนออกมาด้วยความโมโห     

 

 

“มีอะไรหรือ?” แคลร์ถามพร้อมกับมองกลับไปที่เฟิงอี้เซวียน  

 

 

“เขาร้ายกาจ    มาก! สิ่งที่เขาบอกข้าคือ     ตราบใดที่ข้าพบภูเขาที่สูงที่สุด ในภูเขานั้นมีเก้าชั้น แต่ละชั้นมีเมืองอยู่ ตราบเท่าที่ข้าผ่านไปได้ทีละชั้นและไปถึงจุดสูงสุด ข้าก็กลับไปได้แล้ว” เฟิงอี้เซวียนพูด “ถ้าเขาบอกข้าว่ามีรูปแบบเวทย์เคลื่อนย้ายที่จุดสูงสุด ข้าก็ไม่ต้องเอาชนะและก็สามารถแอบขึ้นไปหารูปแบบการเคลื่อนย้ายและกลับไปได้” การซ่อนลมหายใจและแอบขึ้นไปเป็นวิธีที่ดีอย่างแน่นอน 

 

 

“ไปกันเถอะ” แคลร์รู้อยู่ในใจแล้ว ในเมื่อผู้อาวุโสบอกให้พวกเขามาสู้ก็แสดงว่าภูเขานี้ไม่ได้ขึ้นไปง่ายๆ แน่นอน! 

 

 

แคลร์เดาถูกเลย ภูเขานั้นเรียกอีกอย่างว่าภูเขาทดลอง โดยแบ่งออกเป็นเก้าชั้น แต่ละชั้นจะมีชายที่แข็งแกร่งปกครองเป็นเจ้าเมืองอยู่ และมีเพียงผู้แข็งแกร่งที่มีพลังถึงในระดับหนึ่งแล้วเท่านั้นที่    สามารถผ่านเข้าไปสู่เมืองถัดได้หากคนๆ นั้นมีความแข็งแกร่งมากพอก็สามารถท้าทายเจ้าเมืองและแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งเจ้าเมืองได้ แต่ละชั้นจะยิ่งมีเจ้าเมืองที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น คล้ายกับปิรามิดนอกจากนี้ ในดินแดนนี้ยังสามารถฆ่าคนได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ที่นี่ไม่มีกฏหมายบัญญัติและเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ ดินแดนที่เต็มไปด้วยความรุนแรงการฆ่าและหนองเลือด 

 

 

‘สนามทดลอง’ เป็นสิ่งที่ผู้คนในโลกเรียกสถานที่แห่งนี้ และสถานที่แห่งนี้ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าบ่อเลือดอีกด้วย 

 

 

ในเวลานี้ ท่านลมเทียนกังยังคงตัดไม้และพึมพำกับตัวเอง”ถ้าเจ้าสามารถผ่านเก้าเมืองในครั้งนี้ เจ้าจะได้เกิดใหม่แน่ อ่า ข้าตั้งตารอเลย” 

 

 

นี่คือพิธีล้างบาปด้วยเลือด! 

 

 

แคลร์และเฟิงอี้เซวียนได้ต่อสู้กับผู้คนมากมายระหว่างทางไปยังภูเขา ในพื้นที่ทดลองนี้ ถ้าพวกเขาไม่ไปยุ่งกับคนอื่น ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่ยุ่งกับพวกเขา 

 

 

เหตุผลในการต่อสู้ก็ยิ่งแปลกประหลาดมากขึ้น บางคนชอบเครื่องประดับเอวของเฟิงอี้เซวียน และบางคนก็ชอบเสื้อผ้าของแคลร์ สรุปคือแต่ละคนพยายามให้ เหตุผลใดๆ ก็ตามเพื่อจะได้ลงมือฆ่า การเดินทางไปยังภูเขานั้นยากและอันตรายมาก การร่วมมือกันของทั้งสองสามารถเรียกได้ว่าเข้ากันได้ดีอย่างประหลาด พวกเขาฆ่าคนที่แข็งแกร่งไปจำนวนมาก แต่นี่เป็นเพียงคนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งสำหรับพวกเขา ผู้คนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงจะรวมตัวกันอยู่ในเมืองบนภูเขานั้น ในที่สุดพวกเขาทั้งสองคนต้องเจอกับคนที่ไม่สามารถเอาชนะได้ จะว่าไปในตอนนี้ทั้งสองคนกำลังถูกไล่ล่าอยู่     

 

 

“แคลร์ เจ้าไปก่อนเลย!” เฟิงอี้เซวียนปล่อยใบพัดลมจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อหยุดคู่ต่อสู้ 

 

 

คู่ต่อสู้ที่พบในครั้งนี้เป็นนักเวทย์ ชายชราผู้มีดวงตาราวนกอินทรีคู่และมีความกดขี่ข่มเหงอยู่ในแววตาของเขา เหตุผลในการโจมตี พวกเขานั้นง่ายและไร้สาระมากด้วยซ้ำ แค่เพราะชายชราไม่ชอบพวกเขา แค่ไม่เจริญหูเจริญตาก็อยากฆ่าแล้ว 

 

 

“เห้ย!” ชายชราส่งเสียงอย่างดูถูกเหยียดหยาม เขาเพียงแค่วาดแขนเสื้ออย่างอ่อนโยนก็สลายใบมีดลมที่แหลมคมทั้งหมดที่เฟิงอี้เซวียนปล่อยออกมาได้แล้ว มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ สีหน้าของเฟิงอี้เซวียนเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาขยับไปข้างหน้าแคลร์โดยไม่ลังเล ชายชรายิ้มเยาะและเดินเข้าไปใกล้คนทั้งสองด้วยใบหน้าสงบนิ่ง 

 

 

แคลร์เงียบ นางสะบัดนิ้วและดอกบัวสีทองนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น 

 

 

ยังไม่ทันที่แคลร์จะได้ใช้หนึ่งพันทุกข์ การแสดงออกของชายชราก็เปลี่ยนไป ทันใดนั้นเขาก็ก้าวกลับมามองแคลร์อย่างระแวดระวัง เขาขมวดคิ้วและถามเสียงดัง “เจ้าเป็นอะไรกับซือคงหลิน?” 

 

 

น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความกลัว! 

 

 

เฟิงอี้เซวียนตกตะลึง แคลร์สะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะได้พูด ชายชราก็ถอยห่างออกไปแล้ว 

 

 

ปากของเขาพึมพำมากยิ่งขึ้น “กระจกดอกบัวของซือคงหลิน กระจกดอกบัว…” ความกลัวในน้ำเสียงของเขาชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ชายชราผู้กดขี่ข่มเหงพูดดังนั้น จากนั้นเขาหันหลังกลับและใช้กำลังทั้งหมดบินไปในอากาศและหนีไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

แคลร์มองแผ่นหลังที่หายไปแล้วนิ่งเงียบ ซือคงหลินเป็นคนแบบไหนกันถึงทำให้ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนั้นกลัวได้ขนาดนี้! 

 

 

“ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเป็นศิษย์ของซือคงหลินนะ” เฟิงอี้เซวียนแตะคางของเขาและมองไปไกลๆ “ซือคงหลินจะเก่งแค่ไหนนะ มีคนบอกว่าเขาเก่งกว่าท่านอาจารย์ปู่ แต่ข้าไม่เคยเห็นว่าท่านอาจารย์ปู่แพ้เลย” 

 

 

นิ้วของแคลร์ทำให้ดอกบัวสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนหายไป เวลานี้หัวใจของนางก็สับสนมากเช่นกัน ซือคงหลินเป็นใครกันแน่? 

 

 

“แคลร์ ไปกันเถอะ” เฟิงอี้เซวียนหันกลับมา ใบหน้าของเขาใกล้กับแคลร์ที่ดูครุ่นคิดอยู่ใน ทันที เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจแผ่วเบาของแคลร์บนใบหน้าของเขา 

 

 

แคลร์มองใบหน้าหล่อเหลาที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จากนั้นนางก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเฟิงอี้เซวียนที่อยู่ใกล้ใบหน้าของนาง หัวใจก็บีบแน่นขึ้นและนางก็ชกไปโดยไม่ทันได้คิดอะไร 

 

 

“อ๊าก…” เฟิงอี้เซวียนไม่ทันแม้แต่จะหลบ เขาโดนหมัดไปตรงๆ และดวงตาของเขาก็มีรอยดำช้ำปรากโขึ้นอีกครั้ง 

 

 

“หากเข้าใกล้ข้าอีก ข้าจะชกหน้าเจ้าให้ช้ำทั้งหน้าไปเลย” แคลร์หันมาพูดแล้วเดินไป แคลร์ถอนหายใจเล็กน้อยระงับความรู้สึกที่ไม่มีเหตุผลในใจ เฟิงอี้เซวียนเข้ามาใกล้มาก ตกใจหมด เขาหาเรื่องโดนต่อยชัดๆ! สมน้ำหน้า! 

 

 

“รอข้าด้วยสิ” เฟิงอี้เซวียนรีบตามโดยที่มือยังปิดตาอยู่ มีรอยยิ้มจางๆ ปรากฎขึ้นที่มุมปากของเขา 

 

 

สามเดือนผ่านไปไม่มีใครรู้ว่าเฟิงอี้เซวียนและแคลร์ต้องเผชิญกับอะไรในสถานที่ที่สับสนวุ่นวายนั้นหรือพวกเขาได้รับการทดสอบอย่างไรบ้าง 

 

 

บนเกาะแห่งสายลม ท่านลมเทียนกังนั่งยองๆ อยู่บนพื้นพร้อมกับตะกร้าในมือ เขาอาศัยอยู่คนเดียวอย่างสันโดษที่นี่ เขาสามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างสบายและเขาก็ยังสนุกกับมันด้วย  

 

 

“เห้อ พวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่นะ?” ท่านลมเทียนกังหยิบคริสตัลขนาดเล็กออกมาจากแหวนมิติและมองดูอีกครั้ง แต่คริสตัลนี้ไม่มีอะไรแปลกไปเลย เขาทิ้งรอยไว้บนร่างกายของเฟิงอี้เซวียนในตอนแรก หากเขาออกมาจากโลกนั้นแล้ว คริสตัลก็จะตอบสนอง 

 

 

“ฤดูใบไม้ผลิแล้ว” ท่านลมหาวและมักจะเอาคริสตัลออกมาดูบ่อยๆ เขาและซือคงหลินใช้เวลาสามปีกว่าจะออกจากที่แห่งนั้นได้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้าเด็กนั่นกับแม่หนูจะออกมาได้อีกครั้ง 

 

 

ในช่วงเวลาที่เฟิงอี้เซวียนและแคลร์อยู่ในสถานที่ทดลองนั้น สถานการณ์ในอันพาแกรนด์ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก 

 

 

ณ พระราชวังที่อันพาแกรนด์ ภายในห้องนอนขององค์หญิงแมริส 

 

 

“ท่านพี่ ข้าไม่คิดเลยว่าว่าองค์ชายใหญ่จะยอมรับ    เงื่อนไขของวิหารจริงๆ!” แมริสพูดด้วยสีหน้าลึกล้ำพลางมองไปที่องค์ชายสองที่เดินไปมาตรงหน้านาง พวกเขาไม่คาดคิดว่าองค์ชายใหญ่จะเห็นด้วยกับเงื่อนไขอันโหดร้ายเช่นนี้ของวิหารแห่งแสง! เขาก็รู้ว่าหากเขายอมรับเงื่อนไขนั้น ในอนาคตอำนาจเทพเจ้าก็จะอยู่เหนือกว่าอำนาจกษัตริย์! ทำแบบนี้ได้อย่างไร! 

 

 

“ข้าก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้เพื่อราชบัลลังก์ อำนาจเทพเจ้าและอำนาจกษัตริย์อยู่ในภาวะที่สมดุลกันมาเป็นเวลานานหลายปี แต่เขากลับต้องการทำลายความสมดุลนี้! พวกเทพพวกนั้นคิดจะมาอยู่เหนือราชวงศ์ ฝันไปเถอะ! ข้าจะไม่มีวันเห็นด้วยกับเงื่อนไขเช่นนี้!” ดวงตาขององต์ชายสองมีความกังวลและโกรธหมัดของเขากำแน่นจนข้อนิ้วกลายเป็นสีขาว เงื่อนไขเช่นนั้นเป็นการดูถูกพวกเขาอย่างมาก     

 

 

“แต่ตอนนี้เราควรทำอย่างไรกันดี?” องค์หญิงแมริสขมวดคิ้ว ในแง่หนึ่งดยุกกอร์ตั้น    ส่งจินเหยียนมาช่วยพี่ชายของนาง แต่เอเรคหลานชายของดยุกกอร์ตั้นก็ช่วยเหลือองค์ชายใหญ่อย่างเปิดเผยและเต็มที่โดยที่ดยุกกอร์ตั้นไม่เคยขัดขวางหรือเขาคิดว่า… จะจับปลาสองมือเลยใช่หรือไม่?! 

 

 

“ดยุกกอร์ตั้น จิ้งจอกเฒ่า!” องค์ชายสองกัดฟัน เขานั่งลงและมององค์หญิงแมริสที่กำลังครุ่นคิดแล้วพูดต่อ “จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้แอบส่งจินเหยียนมาช่วยข้าและให้ความช่วยเหลือข้า หากข้าได้เป็นจักรพรรดิ เขาก็จะเป็นวีรบุรุษ ไม่มีใครรู้เรื่องทั้งหมดนี้รวมทั้ง    องค์ชายใหญ่ด้วย แต่เอเรคหลานชายของเขาไปช่วยองค์ชายใหญ่อย่างเปิดเผย แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้านเลย ความช่วยเหลือดูเหมือนจะเป็นเรื่องส่วนตัวของเอเรค แต่ข้าว่ามันไม่ใช่หรอก” 

 

 

“ใช่ เขาต้องการรอดูการเปลี่ยนแปลงแล้วจะได้เลือกอยู่กับฝ่ายที่ชนะ!” องค์หญิงแมริสตะคอกอย่างเย็นชา ในใจจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ต้องการที่จะเอาทั้งสองทางเลยหรือ! แต่เขาจะทำได้งั้นหรือ? 

 

 

“ส่วนเรื่องที่เขาแอบสนับสนุนองค์ชายใหญ่หรือไม่ เราก็ไม่รู้ก็เหมือนที่องค์ชายใหญ่ไม่รู้ว่าดยุกกอร์ตั้นแอบสนับสนุนเราอยู่หรือไม่” องค์ชายสองกัดฟันและขมวดคิ้ว แต่น้ำเสียงของเขาก็เผยให้เห็นถึงความไร้หนทางเช่นกัน 

 

 

“แต่ว่าแคทเธอรีนยังอยู่กับเรา” องค์หญิงแมริสถอนหายใจเบาๆ ในขณะที่พูดอย่างนั้น ถ้าทำได้นางจะไม่แตะต้องไพ่ตายอย่างแคทเธอรีนเลย นางไม่อยากเห็นแคลร์เจ็บปวด นางรู้ว่าแคทเธอรีนอยู่ในใจของแคลร์เสมอ 

 

 

“เจ้าอย่าคิดใช้นางเป็นอันขาด     แม้ว่านางจะเป็นคนสำคัญมากในตระกูลฮิลล์ แต่ข้าก็สัญญากับแคลร์แล้วว่าจะดูแลความปลอดภัยของนาง” องค์ชายสองขมวดคิ้วและมององค์หญิงแมริสที่ค่อนข้างเศร้าหมองและปฏิเสธในทันที เขารู้จักน้องสาวของเขาดีที่สุด นางไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่เห็นภายนอก แผนการของนางอยู่เหนือเขามาก ถ้าแมริสเป็นผู้ชาย ก็ไม่อาจบอกได้เลยว่าใครจะได้นั่งบัลลังก์ในอนาคต! แมริสเผยด้านที่แท้จริงของนางต่อหน้าเขาเท่านั้น 

 

 

“ข้ารู้” แมริสพยักหน้า ใบหน้าของนางยังคงมืดมนเล็กน้อย “แต่พี่ชาย บางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้วิธีพิเศษในการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่” 

 

 

“แมริส ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้า แต่… ” มีความซับซ้อนบนใบหน้าขององค์ชายสอง 

 

 

“แต่ข้ารู้สึกดีกับแคลร์ ข้าชอบนาง ดังนั้นข้าไม่ต้องการทำอะไรที่เป็นการทำร้ายนาง” ใบหน้าของแมริสค่อยๆ เย็นลงและนางก็พูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้ม 

 

 

องค์ชายสองถึงกับพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าคำพูดของแมริสตรงไปตรงมาอย่างมากเขาทำได้เพียงแค่จ้องมองแมริสเงียบๆ เท่านั้น 

 

 

“ท่านพี่ ท่านพี่ก็รู้ว่าที่ข้าไม่เคยถูกใจชายคนไหนมานานถึงเพียงนี้ก็เพราะเหตุใด” องค์หญิงแมริสพูดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา 

 

 

ดวงตาขององค์ชายสองมีความซับซ้อน รู้สึกทำอะไรไม่ถูก และเจ็บปวดถึงแม้ภายนอกน้องสาวของเขาจะเป็นผู้หญิง แต่ที่จริงหัวใจของนางมีแนวโน้มที่จะเป็นชายมากกว่า! นี่คือเหตุผลว่าทำไมองค์หญิงแมริสถึงไม่สนใจชายใดเลยมานานมากขนาดนี้ ความลับข้อนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้! 

 

 

……………………………………………………………………………..