ตอนที่ 99: กลับไปยังเมืองเวค

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 99: กลับไปยังเมืองเวค

พลังเซียนธาตุแสงภายในพลังงานของโลกได้มารวมกันรอบเจี้ยนเฉินและเริ่มรักษาเขาอย่างรวดเร็ว อย่างไรไรก็ตาม บาดแผลของเจี้ยนเฉินนั้นก็รุนแรงมาก ดังนั้นแม้แต่ผลรักษาที่มหัศจรรย์ของพลังเซียนธาตุแสงก็ยังใช้เวลานานเพื่อที่จะให้เจี้ยนเฉินฟื้นตัว

การควบคุมพลังเซียนธาตุแสงใช้พลังจิตวิญญาณของเจี้ยนเฉินเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ผ่านไป 2 ชั่วยาม เขาก็ใช้พลังจิตวิญญาณของเขาไปจนเกือบหมดซึ่งทำให้เขาต้องหยุด ในตอนนี้เขากำลังเผชิญกับการเสียเลือดมากและอาการเวียนหัว เขาเหนื่อยและต้องการนอนมาก มันเกือบเหมือนว่าเขาไม่ได้นอนมา 3 วัน 3 คืนและเขาเกือบจะหมดสติแล้ว

หลังจากที่รักษาตัวเองมา 2 ชั่วยาม อวัยวะภายในของเขาก็รักษาตัวไปได้เกือบครึ่ง อวัยวะภายในของเขาถูกรักษาโดยพลังเซียนธาตุแสง และแม้ว่ามันจะยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ แต่ส่วนที่บาดเจ็บก็เติบโตขึ้นมาใหม่แล้ว ทั้งหมดที่เหลืออยู่คือกระดูกที่หน้าอกซึ่งแตกของเขาที่เป็นปัญหามากกว่าอวัยวะของเขาเล็กน้อย

จากอาการบาดเจ็บที่รุนแรงที่หน้าอกของเขา กระดูกที่แตกได้แทงเข้าไปที่เนื้อของเขา ดังนั้นในตอนที่เจี้ยนเฉินเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย แผลที่หน้าอกของเขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บมากขึ้นไปอีก แผลนั้นรุนแรงจนสัญญาณที่สมองของเขาได้รับเหมือนกับเป็นความทรมาน เขานอนไปบนหญ้าอย่างช้า ๆ เขาหลับตาและเริ่มที่จะใช้พลังจิตวิญญาณที่เหลืออยู่ในการรักษาตัวเอง อย่างไรก็ตาม โชคดีที่เจี้ยนเฉินจำเนื้อหาทั้งหมดของบัญญัติกระบี่นภาได้ ‘วิธีการฟื้นฟู’ ด้วยวิธีการฟื้นฟูนี้ เขาสามารถฟื้นคืนพลังจิตวิญญาณมากลับมาได้อย่างช้า ๆ

เจี้ยนเฉินนอนอยู่บนหญ้าทั้งวันทั้งคืน เขาไม่ขยับร่างกายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตาของเขาปิดลงไปนานมาก

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและยามบ่ายก็เข้ามา รังสีที่ร้อนแรงจากวงอาทิตย์ทำให้อากาศอุ่นขึ้นอย่างช้า ๆ ในขณะที่ดวงอาทิตย์สาดส่องไปที่ภูเขา

ในตอนนี้เอง เจี้ยนเฉินที่นิ่งเหมือนหินก็ลืมตาขึ้นในที่สุด หลังจากที่รักษาตัวเองมา 1 วัน 1 คืนเต็ม ๆ พลังจิตวิญญาณที่เขาใช้ไปก็กลับมาเต็มในที่สุด

เมื่อเห็นสีของท้องฟ้า เจี้ยนเฉินก็ไม่ลังเลและเริ่มรวบรวมพลังเซียนธาตุแสง เขาเริ่มที่จะรักษาหน้าอกของเขาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

ในขณะที่พลังเซียนธาตุแสงเข้าไปที่หน้าอกของเขา ชิ้นส่วนกระดูกที่แตกก็เริ่มติดกันและเริ่มได้รับการรักษา อีก 2 ชั่วยามต่อมาที่เขาใช้พลังจิตวิญญาณไปอย่างไม่หยุด มันก็ถูกใช้จนหมดอีกครั้งในที่สุด

อย่างไรก็ตามหลังจากที่รักษามา 2 ชั่วยาม หน้าอกของเจี้ยนเฉินก็ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม พลังจิตวิญญาณของเจี้ยนเฉินก็ยังไม่ฟื้นฟูและมันมีผลกับการเคลื่อนที่ของเขา ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงนั่งขัดสมาธิลงไปบนหญ้าและเริ่มวิธีการฟื้นฟูจิตวิญญาณที่ใช้ไปของเขาอีกครั้ง

แม้ว่าจะไม่ไกลนักจากเมืองเวค แต่การใช้พลังเซียนธาตุแสงก็เด่นเกินไปเพราะแสงที่สว่างจ้าของมัน และการรักษาในเมืองเวคก็ไม่ค่อนสะดวกเท่าไรนัก ไม่มีใครสามารถที่จะตรวจจับพลังเซียนธาตุแสงได้ ยกเว้นเซียนธาตุแสง อย่างไรก็ตาม ใครจะรับรองได้ล่ะว่าจะไม่มีเซียนธาตุแสงอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเมืองเวค ? เซียนธาตุแสงนั้นหาพบได้ยากมากบนทวีปเทียนหยวน ดังนั้นหลายคนจึงไม่สามารถหาและเรียกให้คนพวกนี้ไปช่วยพวกเขาได้ เจี้ยนเฉินคิดว่าถ้าเขาเปิดเผยความสามารถในการใช้พลังเซียนธาตุแสงเหมือนเซียนธาตุแสง เขาก็คงได้รับผลประโยชน์เยอะแยะและไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแคลนแกนอสูรเลย อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่ต้องการที่จะเผยความสามารถที่เหมือนกับเซียนธาตุแสงที่สามารถใช้พลังเซียนธาตุแสงได้ เพราะจิตใต้สำนึกบอกให้เขาเก็บเป็นความลับในตอนนี้ เพราะมันจะช่วยเขาได้ในอนาคตแน่นอน

หลังจากที่ผ่านมาสามวันจากการรักษาที่ต่อเนื่อง ร่างของเจี้ยนเฉินกลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ หลังจากที่ลุกขึ้นมา เขาก็ออกไปสู่ถนนหลักเพื่อไปยังเมืองเวคทันที

ถนนหลักเต็มไปด้วยขบวนรถม้าที่ถูกคุ้มกันไปด้วยทหารรับจ้างในชุดเกราะที่มีเลือดโซก แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเป็นผู้ที่เดินทางคนเดียว แต่ก็ไม่มีใครสนใจเขา แม้ว่าเสื้อของเขาจะเต็มไปด้วยเลือดจากบาดแผลที่เขาได้มา แต่สำหรับทหารรับจ้างทุกคนในทวีปเทียนหยวน นี่เป็นภาพที่เห็นได้ธรรมดาในทุก ๆ วัน

เจี้ยนเฉินกำลังเดินไปที่ถนนและคิดกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะสาวงามคนนั้นและร่างเปลือยของนางที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าเขา นี่เป็นภาพที่มีผลกระทบกับเขามากเพราะแม้แต่ในชาติที่แล้วของเขา เขาก็ไม่เคยพบพานกับเรื่องแบบนี้มาก่อน สามวันที่แล้วเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นร่างที่ราวกับหยกของหญิงสาว และร่างของหญิงคนนี้ก็ไม่เหมือนมาจากโลกมนุษย์

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เจี้ยนเฉินคิดถึงความแข็งแกร่งที่มหาศาลของหญิงคนนั้น ใจของเขาก็แทบจะไม่เชื่อมัน หญิงคนนั้นดูอายุสิบแปดหรือมากสุดก็ยี่สิบปี ความแตกต่างในอายุของนางกับเจี้ยนเฉินนั้นแทบจะไม่มี แต่การที่ได้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้วยอายุแค่นั้น เจี้ยนเฉินได้แต่อายในพรสวรรค์โดยกำเนิดของนาง

ไม่นานหลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็เข้าไปที่เมืองเวคและรอให้ทหารยามรักษาการณ์เมืองเข้ามาตรวจสอบเขา เขาดูเหมือนได้รับบาดเจ็บและรอดชีวิตมาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องจ่ายเงินภาษีในการเข้าเมือง แม้ว่ายามรักษาการณ์จะอยากได้เงิน แต่ความละโมบก็ไม่ได้ไร้ซึ่งคุณธรรม

ในตอนที่เจี้ยนเฉินเข้าไปในเมือง เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้เดินไปไหนและมุ่งหน้าไปที่โรงเตี๊ยมทันที ในตอนที่เขาได้ห้องแล้ว เจี้ยนเฉินก็เริ่มฝึกฝน แม้ว่ามันจะยังไม่ถึงเดือนที่เขาได้กลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้เขาปกป้องตัวเองได้ในทวีปเทียนหยวน ไม่เพียงแต่หญิงที่เขาพบเมื่อสามวันก่อนจะทำให้เขารู้จักกับความพ่ายแพ้เท่านั้น แต่นางยังทำให้เขาตระหนักว่าเขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเพียงใด

หลังจากที่จ่ายค่าห้องไป เจี้ยนเฉินก็อยู่ในห้องเป็นเวลา 10 วัน ในสิบวันเหล่านี้ เจี้ยนเฉินไม่ได้ก้าวออกจากห้องเลย และเขาใช้แกนอสูรที่เขามีในการฝึกฝน แม้แต่การกินอาหาร เขายังให้เสี่ยวเอ้อนำมาส่งตรงถึงที่ห้องของเขา

หลังจากที่สิบวันผ่านไป ความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินก็พัฒนาไปมาก เขาอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นกลางแล้ว พลังเซียนในร่างของเขาแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน แม้แต่กระบี่วายุโปรยที่เป็นอาวุธเซียนของเขาก็พัฒนาขึ้นและแข็งแรงกว่าแต่ก่อน

ในสิบวันของการฝึกฝน แกนอสูรระดับสามที่เจี้ยนเฉินมีทั้งหมดก็หมดไป ทำให้เจี้ยนเฉินเหลือแกนอสูรระดับสี่ 2 อัน

เจี้ยนเฉินออกจากเตียงและเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองไปบนท้องฟ้า เพราะว่าเขาใช้เวลามากไปในการฝึกฝน เขาจึงไม่สามารถแยกแยะเวลาได้ และเขาได้แต่ดูตำแหน่งของดวงอาทิตย์เพื่อคาดเดาเวลาเท่านั้น

ที่ด้านนอก ดวงอาทิตย์สาดแสงจ้าโดยไม่มีเมฆเลยในรัศมีหลายกิโลเมตร วงกลมสีแดงใหญ่ที่แผดเผาในท้องฟ้าปล่อยรังสีความร้อนรุนแรงออก มันบ่งบอกว่าตอนนี้มันเข้าสู่ช่วงบ่ายแล้ว

“ตอนนี้ น่าจะถึงเวลาที่ต้องจัดการกับอสรพิษทองริ้วเงินแล้วล่ะ ข้าตั้งหน้าตั้งตารอหมื่นต้านพิษจริง ๆ ” เจี้ยนเฉินพูดออกมาในขณะที่เขาสังเกตไปที่ผู้คนด้านนอก